คำอธิบายศัพท์สิ่งคุณประโยชน์ ip ของกล้องcctv

เนื่องจากณเดี๋ยวนี้โลกเรานั้นได้มีการหมุนเปลี่ยนและเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาและทำให้เกิดสิ่งใหม่ขึ้นมาทดแทนสิ่งเก่าๆโดยมีเทคโนโลยีขึ้นมาทำการแปรผันสิ่งเหล่านั้น ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ เทคโนโลยีด้านกล้องcctvนั้นเอง ที่ได้มีการเพิ่มพูนมาอย่างไม่มีสิ้นสุดจากอดีตที่ไม่อาจเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ จะต้องดูผ่านจอมอนิเตอร์ หรือจอภาพต่างๆนั้นเอง แต่ด้วยเทคโนโลยีที่ได้เข้ามานั้นจะทำให้สามารถดูภาพกล้องcctvได้ทุกที่แม้อยู่บนส่วนไหนของโลกแต่พื้นที่นั้นจะต้องมีอินเตอร์เนตไว้ทำการเชื่อมต่อเข้าสัญญาณของกล้องcctvนั่นเอง แถมทั้งยังจะสามารถปรับเปลี่ยนมุมกล้องได้เองอีกด้วย เพราะฉะนั้นแล้วความสะดุดตาและความหลากหลายของเทคโนโลยีจึงส่วนสำคัญเป็นอย่างมากสำหรับการเปลี่ยนแปลงของกล้องวงจรปิด แต่ถึงอย่างนั้นแล้วหากเราต้องการที่จะเลือกซึ่งกล้องวงจรปิดซักตัวแล้วควรที่จะเลือกให้เหมาะสมกับหน้าที่และงานที่ใช้เพื่อที่จะทำให้กล้องวงจรปิดของเรานั้นทำการใช้งานให้เกิดสมรรถนะสูงสุด และเหนือสิ่งอื่นใดที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับการเลือกซื้อกล้องวงจรปิดนั้นก็คือ การได้รับการรับลองจากสถาบันต่างๆ รวมไปถึงคุณภาพของตัวกล้องนั่นเอง และถึงอย่างนั้นเราควรที่มองหาเลข ไอพีเพื่อที่จะคอยตรวจเช็คดูว่าคุณภาพของกล้องเรานั้นมีความเก่าแก่อยู่ที่ระดับอะไรนั่นเอง การดูเลขไอพีนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญมากในการเลือกซื้อตัวกล้องวงจรปิด ควรที่จะเลือกที่มีประสิทธิภาพในการทำงาน เพราะเลขไอพีนั้นจะบอกได้ว่ากล้องวงจรปิดของเรานั้นจะสามารถทนได้กับสถานการณ์อย่างไรจึงทำให้เลขไอพีเป็นส่วนสำคัญและวิธีการที่จะดูเลขไอพีนั้นมีหลักง่ายๆคือ จะมีเลขอยู่ 2 หลัก และเลขในหลักระดับที่ 1 นั้นจะเริ่มจาก 0 ไปถึง 6 โดยจะเลข 0 นั้นจะเป็นตัวบ่งบอกว่าไม่สามารถป้องกันอะไรได้เลยและเลขต่อๆไปนั้นจะค่อยๆเพิ่มระดับความสามารถในการป้องสถานการณ์เพิ่มขึ้นไปตามลำดับจนถึงเลข 6 ต่อไปเป็นหลักที่ 2 นั้นจะมีเลขตั้งแต่ 0 ไปจนถึง 8 และก็จะมีระบบเหมือนกันกับเลขหลักแรก โดยเลข 0 จะเริ่มจะไม่มีการป้องอะไรเลย แต่อันดับต่อไปจะคอยเพิ่มขีดความสามารถในการป้องกันตามเป็นอันดับเพราะฉะนั้นแล้วหากเลข IP68 ก็จะมีความหมายที่ว่าสามารถป้องกันฝุ่นและสามารถทนต่อน้ำได้นั่นเอง

ข่าวจาก:BIOGAS-ALPE-ADRIA.COM

ส่วนดีข้อด้อยถ้าเลือกบริษัทรับติดตั้งกล้องวงจรปิดเปล่าโศภิต

    บริษัทรับติดตั้งกล้องวงจรปิดหลายต่อต่างๆผู้มีชีวิตนั้นคงรู้จักข้อดีของกล้องวงจรปิดไปไม่มากก็น้อยแล้ว และหลายต่อหลายคนคงไม่รู้จักหัวเรื่องพึงจะระแวดระวังของการติดตั้งกล้องวงจรปิดนั่นเอง กล้องcctvนั้นหากถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดๆ แล้วนั้นก็จะก่อให้เกิดผลร้ายๆ ตามมาได้เช่นกัน หรืออาจจะถูกนำข้อมูลไปเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาต นั่นก็คือถูกนำเอาข้อมูลสำคัญต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการจัดเวรยาม  การรู้ถึงสถานที่เก็บเงินต่างๆ มาเผยแพร่ให้กับคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือจะยังไม่ตายการยกมาเอาไปทำเป็นแผ่นผีซีดีเถื่อนโดยการแอบตั้งกล้องทำให้เป็นการล่วงละเมิดสิทธิของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตก่อให้เกิดผลเสียต่อประชาชนคนอื่นๆ รวมไปถึงบริษัทรับติดตั้งกล้องวงจรปิดเองที่นำเอารหัสที่ตัวเองเก็บไว้ไปขายให้ลูกค้าคนอื่นก่อให้เกิดทำให้ข้อมูลรั่วไหล เพราะฉะนั้นแล้วกล้องcctvนั้นก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียผู้ที่ใช้ควรพิจารณาติตรองให้ดีๆว่าควรใช้หน้าที่การงานไม่ควรก็ไปให้มีขึ้นผลร้ายให้กับคนอื่น เพราะการใช้กล้องวงจรปิดนั้นที่ดีๆ มีมากมายนั่นก็คือการดูการเคลื่อนไหวของพนักงาน การระมัดระวังป้องขโมย การควบคุมสั่งการพนักงาน รวมไปถึงการป้องกันภัยร้ายต่างๆ เช่นไฟฟ้ารัดวงจร หรือเหตุการณ์ที่ก่อให้เกิดผลร้ายแก่ตัวผู้ใช้เองก็จะสามารถป้องกันได้ เพราะฉะนั้นแล้วกล้องวงจรปิดก็เปรียบเสมือนผู้รักษาประตูในทีมฟุตบอลที่เป็นเสมือนผู้ที่คอยดูแลสถานการณ์คอยออกคำสั่งและสั่งการให้ทีมเดินหน้าและดำเนินกลยุทธ์ต่างๆเป็นเหมือนตาที่มองระยะไกลในที่ผู้เล่นคนอื่นมองไม่เห็นผู้รักษาประตูก็จะคอยออกคำบัญชาเพื่อมาป้องกันในจุดที่ทำให้เกิดผลร้าย เพราะฉะนั้นแล้วบริษัทรับติดตั้งกล้องวงจรปิดก็มีหน้าที่คล้ายๆกันในการทำงานหรือสั่งการต่างๆ และด้วยความทันสมัย การที่ได้รับเทคโนโลยี อินเตอร์เน็ต เข้ามานั้นทำให้กล้องวงจรปิดสามารถเป็นเสมือนตาให้เราในยามที่เราอยู่ไกลจากพื้นที่โดยที่เราไม่ต้องเดินไปตรวจสอบสามารถนั่งดูได้ทุกมุมมองที่เราอยู่ได้ เพราะฉะนั้นกล้องวงจรปิดแล้วจึงมีประโยชน์เป็นอย่างมากในการรักษาความปลอดภัย การระมัดระวังป้องกัน รวมไปถึงการสังเกตการณ์ต่างๆ  จึงทำให้เป็นนิยมเป็นกลุ่มหนักในปัจจุบันผู้คนต่างๆก็พากันไว้ให้กับกล้องวงจรปิดผู้ร้ายต่างๆที่ก็คดีนั้นต่างก็พากันเสียท่าให้กับกล้องวงจรปิด กล้องวงจรจึงเป็นตัวที่จะช่วยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอย่างดีและยังจะเป็นตัวร้ายที่ก่อให้เกิดปัญหาตามมาได้ด้วยหากใช้ในทางที่ผิด จึงควรนำไปใช้ในทางที่ดี และทำให้เกิดผลดีดีกว่า เพื่อผลดีของกล้องวงจรปิด

ทองขึ้น 50 รูปพรรณขายออกบาทละ 19,450 บ

สัญญาทองคำปรับตัวขึ้นขานรับรายงานที่ว่า ความต้องการทองคำของอินเดียปรับตัวสูงขึ้นก่อนที่จะถึงเทศกาลทิวารีและฤดู การวิวาห์ รวมทั้งรายงานที่ว่า ปริมาณการซื้อขายทองคำในจีนพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ค. 2556

ด้านกองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองคำรายใหญ่สุดของโลกได้ปรับเพิ่มการถือครองทองคำ 1.5 ตันในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นการปรับขึ้นรายสัปดาห์ครั้งแรกนับตั้งแต่ช่วงต้นเดือน ก.ย.ปีนี้.ราคาทองขึ้น 50 บาท ทอง COMEX บวก 5.7 เหรียญ หลังเข้าเทศกาลทองคำในอินเดีย - กองทุน SPDR เก็บทองเพิ่ม 1.5 ตันสมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาซื้อขายทองคำรอบแรก ประจำวันที่ 21 ต.ค. 57 ราคาทองปรับขึ้น 50 บาท โดยทองคำแท่งรับซื้อบาทละ 18,950 บาท ขายออกบาทละ 19,050 บาท ทองรูปพรรณรับซื้อบาทละ 18,677.12 บาท ขายออกบาทละ 19,450 บาท

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ธ.ค.เพิ่มขึ้น 5.7 ดอลลาร์ หรือ 0.46% ปิดที่ 1,244.7 ดอลลาร์/ออนซ์

แหล่งที่มา  :  ไทยรัฐ

Source: ทองขึ้น 50 รูปพรรณขายออกบาทละ 19,450 บ

นายกฯ เร่งสั่งการ ทำทางขึ้น-ลงเอื้อผู้พิการสายตา

ทั้งนี้ตัวแทนชมรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนตาบอด ได้ขอให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาเร่งทำทางขึ้นลงและเส้นทางให้กับผู้พิการด้วย ซึ่งพลเอกประยุทธ์ได้รับปาก โดยระบุว่าจะเร่งพิจารณาให้เพราะเป็นห่วงอยู่แล้ว

จากนั้น ผู้สื่อข่าวพยายามจะถามว่าดีใจหรือไม่ ที่ชาวนาทั่วประเทศต่างขอบคุณรัฐบาลที่มอบเงินช่วยเหลือไร่ละ 1,000 บาท ซึ่งนายกรัฐมนตรี เพียงแต่ยิ้มพยักหน้าและเดินเข้าประชุมครมกล้องcctv โดยไม่ได้ตอบคำถามกับสื่อมวลชนผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ก่อนการประชุมครม.ในเวลา 09.00 น.ที่ตึกสันติไมตรี นายกรัฐมนตรีได้รับมอบช่อดอกไม้จาก นายพัฒน์ธนชัย สระกวี ประธานชมรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนตาบอดแห่งประเทศไทย เพื่อมอบเข็มที่ระลึก เนื่องในวันไม้เท้าขาวสากล ประจำปี 2557 ที่ตรงกับวันที่ 15 ต.ค. ของทุกปี เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ความสำคัญในการใช้ไม้เท้าซึ่งเป็นเครื่องมือนำทาง ของคนพิการประเภทความพิการทางสายตา และให้ตระหนักนักถึงความสำคัญต่อการส่งเสริม และพัฒนาการสร้างความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมและการเคลื่อนไหวเพื่อการดำรง ชีวิตอิสระของคนพิการทางสายตาด้วยเมื่อเวลา 08.03 น. วันที่ 21 ต.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เดินทางมาถึงทำเนียบรัฐบาล เพื่อเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี โดยในวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้สวมชุดผ้าไหมทรงพระราชทานสีเทา ขณะที่รัฐมนตรีคนอื่นๆ ที่ต่างก็สวมชุดผ้าไหมทรงพระราชทานเพื่อเข้าร่วมประชุม คณะรัฐมนตรี อย่างพร้อมเพรียง

แหล่งที่มา  :  ไทยรัฐ

Source: นายกฯ เร่งสั่งการ ทำทางขึ้น-ลงเอื้อผู้พิการสายตา

ปุ่นหนุนไทยตั้งเฮดควอเตอร์

ขณะเดียวกันญี่ปุ่นยังได้สอบถามถึงความคืบหน้าการพัฒนาโครงการเขตเศรษฐกิจ พิเศษทวาย และพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง ในประเทศเมียนมาร์ ซึ่งเป็นความร่วมมือในระดับรัฐบาลของไทยกับเมียนมาร์ โดยการเข้ามาร่วมของญี่ปุ่นนั้น ไทยก็พร้อมที่จะสนับสนุน แต่ก็ต้องหารือกับรัฐบาลเมียนมาร์ก่อนว่า จะร่วมมือในแนวทางอย่างไรบ้าง ขณะเดียวกันในเรื่องของการส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิตอล ซึ่งประเทศญี่ปุ่นมีความเชี่ยวชาญนั้น ล่าสุดยังไม่ได้หารือถึงเรื่องดังกล่าว “บริษัทของประเทศญี่ปุ่นที่อยู่ในประเทศไทยมีอยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้นหากแก้ไขสิ่งต่างๆ เพื่อส่งเสริมให้ต่างชาติเข้ามาตั้งเฮดควอเตอร์ได้ จะเกิดประโยชน์อย่างมาก เพราะหากมาตั้งที่ไทยแล้ว บริษัทเหล่านั้นจะคุมบริษัทลูกที่ตั้งอยู่ในประเทศข้างเคียงได้หมด ซึ่งการจัดตั้งเฮดควอเตอร์ตอนนี้ ในประเทศไทยยังไม่มี เพราะมีกฎเกณฑ์มาก ทั้งเรื่องภาษีและที่ไม่ใช่ภาษี จึงต้องแก้ไขให้ใกล้เคียงกับสิงคโปร์ มาเลเซีย และฮ่องกง ที่สนับสนุนเรื่องดังกล่าวอยู่แล้ว โดยหากแก้ให้ได้เสร็จสิ้น จะทำให้เกิดกิจกรรมทางการค้ามีกำไรเพิ่มมากขึ้นม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้หารือกับนายชิเกะคะสุ ซะโตะ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย เมื่อวันที่ 20 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยญี่ปุ่นแสดงความสนใจเกี่ยวนโยบายของรัฐบาลที่จะสนับสนุนให้นักลงทุนต่าง ชาติ เข้ามาจัดตั้งสำนักงานปฏิบัติการระดับภูมิภาค (อินเตอร์เนชั่นแนล เฮดควอเตอร์) ในประเทศไทย เพื่อส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางการค้าในภูมิภาค ซึ่งล่าสุดอยู่ระหว่างการพิจารณาแก้กฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อนักลงทุน ทั้งเรื่องที่เกี่ยวข้องกับภาษี และที่ไม่เกี่ยวกับภาษี คาดว่า จะแก้ไขได้เสร็จภายใน 2 สัปดาห์นี้ ก่อนเสนอที่ประชุมครม. พิจารณาเห็นชอบ

แหล่งที่มา  :  เดลินิวส์

Source: ปุ่นหนุนไทยตั้งเฮดควอเตอร์

สั่งสอบด่วนเหตุเรือชนที่จ.กระบี่

นายจุฬา สุขมานพ อธิบดีกรมเจ้าท่า กล่าวว่าขณะนี้รองอธิบดี ด้านความปลอดภัย ได้ลงพื้นที่เกิดเหตุเพื่อตรวจสอบและสรุปหาสาเหตุที่เกิดขึ้นโดยสาเหตุ เบื้องต้นเกิดจากผู้ขับเรือ ซึ่งยอมรับว่าปัญหาความประมาทของคนขับเรือ กรมยังไม่มีเจ้าหน้าที่ดูแลเพียงพอแต่ในส่วนของการควบคุมใบอนุญาตได้มีการ กวดขันอยู่แล้ว สำหรับมาตรการดูแลเพิ่มเติมคือการบังคับให้เรือขนาด40ที่นั่งขึ้นไปกล้องcctv ต้องกำหนดให้ผู้โดยสารต้องสวมชูชีพไม่เช่นนั้นไม่อนุญาตให้ออกเรืออย่างเด็ด ขาดและจะตรวจสอบมาตรฐานของชูชีพด้วย“ที่ผ่านมีการควบคุมเรื่องการสวมชูชีพเฉพาะเรือขนาดเล็กแต่หลังจากนี้จะ คุมไปถึงเรือขนาดใหญ่ด้วยเพราะการสวมชูชีพจะมีผลต่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร โดยตรง”

พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม  เปิดเผยถึงกรณีเรือสปีดโบ๊ท ชนเรือประมงลากอวนที่จังหวัดกระบี่ว่า   ขณะนี้ได้สั่งการให้นายจุฬา สุขมานพ อธิบดีกรมเจ้าท่าลงพื้นที่ตรวจสอบและรวบรวมรายละเอียดของการเกิดเหตุการณ์ใน ครั้งนี้ว่ามีสาเหตุมาจากอะไร รวมถึงดูว่าผู้ให้บริการเรือปฏิบัติตามเงื่อนไขของกฎระเบียบของกรมจ้าท่าใน การให้บริการผู้โดยสารหรือไม่ทั้งในส่วนคนขับเรือ ผู้โดยสารเรือเกินมาตรฐานกำหนดหรือไม่ หรือมีเสื้อชูชีพให้บริการเพียงพอหรือไม่

“ได้กำชับให้กรมเจ้าท่าตรวจสอบอย่างละเอียด เพราะถือเป็นมาตรฐานการเดินเรือเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นอีก ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าคนขับเรือประมาทนั้นในเรื่องนี้ถือเป็นเรื่อง อุบัติเหตุที่ไม่มีใครต้องการให้เกิดขึ้น แต่ได้สั่งกำชับให้ตรวจสอบอย่างละเอียดให้เป็นไปตามมาตรฐานของการให้บริการ เพราะเมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นก็ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวได้”

แหล่งที่มา  :  เดลินิวส์

Source: สั่งสอบด่วนเหตุเรือชนที่จ.กระบี่

สายใยแก้วน้ำชี้นำแสงแวบ(Fiber Optic)

ปัจจุบันมีการนำสายใยแก้วมานำสัญญาณกล้องวงจรปิด กันมากขึ้นเนื่องจากที่มามากมายชนิดไม่ว่าจะเป็นการตกของสัญญาณภาพรวมถึงรับส่งข่าวสารที่ไม่เพียงพอสายใยแก้วนำแสง(Fiber Optic) เป็นสายนำสัญญาณคุณภาพสูงสุดในสมัยปัจจุบันนี้ โดยจะเป็นระบบการส่งสัญญาณที่เร็วที่สุด และเนื่องจากปัจจุบันต้นทุนในการวางระบบมีราคาที่ถูกลงมากเมื่อเปรียบเทียบพร้อมทั้งเพรงนี้ จึงมีการนำมาใช้งานกันอย่างแพร่หลาย เช่นการนำสายใยแก้วมาใช้ในการส่งทิวทัศน์วิทยุโทรภาพหรือที่เรียกกันว่าเคเบิ้ลท้องถิ่น หรือไม่ว่าระบบกล้องวงจรปิด CCTV IP camera ก็ตามแต่ที่คนส่วนมากคิดถึงเป็นอันดับแรกก็ต้องเป็น ระบบเน็ทเวิร์ก(LAN)
หลักการทำงานของสายใยแก้วนำแสง
    สายใยแก้วนำแสง(Fiber Optic) คือ ล่าช้าชี้นำสัญญาณข้อมูลที่ใช้หลักการทางแสงกล่าวคือ ใช้สัญญาณข้อมูลที่อยู่ในรูปของคลื่นแสง ส่วนตัวแก้วนำแสงอาจจะผลิตจากแก้วหรือพลาสติกโดยสัญญาณข้อมูลจะถูกเปลี่ยนเป็นคลื่นแสงแล้วจึงส่งให้ทัศนาจรสะท้อนภายในสายใยแก้วเรื่อยไปจนถึงผู้รับที่ปลายทาง สายใยแก้วมีคุณสมบัติที่ดีกว่าสายทั่วไปหลายประการ เช่น มีขนาดเล็ก ส่งข้อมูลได้รวมเร็วและครั้งล่ะมากๆ สัญญาณข้อมูลที่ส่งไม่มีคลื่นคอยลบกวน แต่ก็มีข้อเสียเช่นกัน เช่น เมื่อสายใยแก้วขาดหักงอหรือแตกหัก จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ในการเชื่อมต่อที่แพงมาก และยากหลายกล่าวคือมีค่าใช้จ่ายสูงในการซ่อมแซมกว่าสายประเภทอื่น ๆ
    สรุปสายใยแก้วนำแสงคือแท่งแก้วใส ๆ และข่าวสารตำแหน่งส่งตัดผ่านล่าช้าจะถูกเปลี่ยนจากข้อมูลปกติให้เป็นแสง โดยใช้อุปกรณ์ที่เรียกกันว่า Converter หลักจากนั้นจนกระทั่งแม้ว่าส่วนล่างทิศ จำเป็นจะต้องใช้อุปกรณ์ Converter อีกชุดเพื่อเปลี่ยนสัญญาณกับมาเป็นแบบเดิมอีกครั้ง
สายใยแก้วนำแสงได้ถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทดังนี้
Singlemode Fiber Optic
    เป็นการใช้ตำนำแสงที่บีบอัดลำแสงให้พุ่งตรงไปยอมท่อแก้วขนาดศนย์กลางของแกนแท่งและ Cladding คือ ประมาณ 9 ไมครอนโดยมี Cladding ขนาด 125 ไมครอน และมีการเล็กน้อยแสงแวบออกทางด้านข้างน้อยมาก ซิงเกิลโหมดจึงเป็นสายใยแก้วนำแสง ที่มีกำลังสูญเสียทางแสงน้อยที่สุด เหมาะกับการใช้ในระยะทางไกล ๆ เช่น เดินทางระหว่างประเทศ ระหว่างเมือง มักจะใช้แบบซิงเกิลโหมด
Multimode Fiber Optic
    หลัก ๆ ก็มีแยกออกอีกตามขนาดแกนกลางของแกนแท่งและ Cladding คือ โดยประมาณ 50 ไมครอน โดยมี Cladding ขนาด 125 ไมครอน หลักการทำงานก็ไม่ยาก คือสัญญาณจะวิ่งสลับกันเป็นฟันปลาส่งสัญญาณออกเป็นกลุ่ม ทำให้ได้ความหนาแน่นของสัญญาณหลายกระทั่งแบบซิงเกิลโหมดแต่ได้ระยะทางที่น้อยกว่า
    สรุปง่าย ๆ คือถ้าชุดการย่ำเดินล่าช้ากล้องวงจรปิด ip camera เกิน 500 เมตร จะใช้แบบ Singlemode แต่ถ้าระยะสายต่ำกว่านิยมใช้สายแบบ Multimode  เพราะราคาของอุปกรณ์ถูกกว่า
ชนิดของสาย Fiber Optic กับการใช้าน
    ใช้งานภายในอาคาร (Indoor Type)
จะมีโครงสร้างแบบ Tight Buffer และมีเปลือกหุ้ม (Jacket) เป็น PVC ทำให้มีข้อความผ่อนปรนในการติดตั้งมากขึ้นในการติดตั้งกล้องวงจรปิด
    ใช้งานภายนอกอาคาร (Outdoor Type)
จะมีโครงสร้างแบบ Loose Tube และมีเปลือกหุ้ม (Jacket) เป็น PE ทำให้มีข้อความแน่นหนามากขึ้น โดยโครงสร้างสายจะขึ้นอยู่กับการใช้งานนั้น

สุวพันธุ์ เชื่อ ไร้ต่างชาติ ประท้วง ประยุทธ์ ที่อิตาลี

"ส่วนภาพ ที่มีนางจรรยา ยิ้มประเสริฐ อดีตนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิแรงงาน และเป็นแนวร่วมกลุ่มคนเสื้อแดง ร่วมชุมนุมกับชาวต่างชาตินั้น ตนเข้าใจว่ากล้องวงจรปิด เป็นการไปถ่ายภาพร่วมกับผู้ชุมนุมชาวต่างชาติที่มีอยู่แล้ว เพื่อให้เข้าใจว่า มีชาวต่างชาติมาร่วมชุมนุมประท้วงพล.อ.ประยุทธ์ด้วย" นายสุวพันธุ์ กล่าว

นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกฯ ชี้ ไม่มีต่างชาติประท้วง พล.อ.ประยุทธ์ ในการประชุมอาเซม ที่อิตาลี มีแต่ นางจรรยา ยิ้มประเสริฐ แนวร่วมคนเสื้อแดงเท่านั้น

วันที่ 17 ต.ค. นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึง กรณีที่มีการเผยแพร่ภาพการชุมนุมประท้วง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระหว่างการร่วมประชุมอาเซม ที่ประเทศอิตาลีว่า จากการตรวจสอบไม่พบการชุมนุมประท้วง พล.อ.ประยุทธ์ แต่อย่างใด และสถานที่ที่พล.อ.ประยุทธ์ อยู่นั้น มีเจ้าหน้าที่ตำรวจรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด อีกทั้งในขณะนี้ที่ประเทศอิตาลี มีการชุมนุมของชาวต่างชาติ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับนายกรัฐมนตรี อยู่ในสถานที่ที่ทางการอิตาลีจัดไว้ให้

แหล่งที่มา  :  ไทยรัฐ

Source: สุวพันธุ์ เชื่อ ไร้ต่างชาติ ประท้วง ประยุทธ์ ที่อิตาลี

รฟม.แจ้งปิดจรัญฯขาเข้า ช่วงแยกท่าพระ 3 เดือน สร้างตอม่อรถไฟฟ้า

1. กรณีผู้ที่มาจากถนนเพชรเกษมขาเข้า (มาจากด้านเดอะมอลล์บางแค บางหว้า) ต้องการไปถนนจรัญสนิทวงศ์ (ซอยพาณิชย์ธนหรือสามแยกไฟฉาย) เมื่อถึงแยกท่าพระ ให้เลี้ยวซ้ายเข้าถนนจรัญสนิทวงศ์ ได้ 1 ช่องจราจร

2. กรณีผู้ที่มาจากถนนรัชดาภิเษกต้องการไป ถนนจรัญสนิทวงศ์ (ซ.พาณิชย์ธนหรือสามแยกไฟฉาย) ให้ลงอุโมงค์ หรือใช้พื้นราบด้านข้างอุโมงค์ ผ่านแยกท่าพระได้ 1 ช่องจราจร

3. กรณีผู้ที่มาจาก วงเวียนใหญ่ ต้องการไป ถนนจรัญสนิทวงศ์ (ซอยพาณิชย์ธนหรือสามแยกไฟฉาย) ให้เลี้ยวขวาใช้พื้นราบด้านข้างอุโมงค์ 1 ช่องจราจร

4. กรณีผู้ที่มาจาก ถนนจรัญสนิทวงศ์ ขาเข้ากล้องวงจรปิด (ซ.พาณิชย์ธนหรือสามแยกไฟฉาย)ให้ลงอุโมงค์
-ต้องการไป ถนนเพชรเกษม ให้ลงอุโมงค์ ข้ามคลองบางกอกใหญ่แล้วกลับรถ เลี้ยวซ้าย
-ต้องการไป วงเวียนใหญ่ ให้ลงอุโมงค์ข้ามคลองบางกอกใหญ่แล้วกลับรถ เลี้ยวขวา-ต้องการไป ถนนรัชดาภิเษก ให้ลงอุโมงค์ ตรงไป

โดยจะเริ่มดำเนินการ ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2557 เป็นต้นไป ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาในการดำเนินการประมาณ 3 เดือน ทั้งนี้ การปิดช่องจราจรดังกล่าวอาจทำให้ผู้ใช้รถใช้ถนนไม่ได้รับความสะดวกในการเดิน ทาง ดังนั้น หากไม่มีความจำเป็นกรุณาหลีกเลี่ยงเส้นทางที่กำลังก่อสร้างดังกล่าว

รฟม. แจ้งปิดจราจร ถ.จรัญสนิทวงศ์ขาเข้า บริเวณแยกท่าพระ-วัดท่าพระ เพื่อก่อสร้างเสาตอม่อรถไฟฟ้า เริ่ม 18 ต.ค. คาดใช้เวลาประมาณ 3 เดือน

การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ร่วมกับ สถานีตำรวจนครบาลท่าพระ เปิดเผยว่า บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้รับจ้างก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงท่าพระ-หลักสอง สัญญาที่ 4 จะดำเนินการก่อสร้างเสาตอม่อรถไฟฟ้า (Portal Frame) บริเวณแยกท่าพระ มีความจำเป็นต้องลงเครื่องจักรกลขนาดใหญ่ เพื่อทำการขุดเจาะเสาเข็ม บริเวณถนนจรัญสนิทวงศ์ขาเข้า ตั้งแต่ช่วงหน้าวัดท่าพระ-แยกท่าพระ (ซ.จรัญสนิทวงศ์ 4-แยกท่าพระ)

ดังนั้น เพื่อความสะดวกปลอดภัยแก่ประชาชนทั่วไป จึงมีความจำเป็นที่จะต้องปิดการจราจรถนนจรัญสนิทวงศ์ขาเข้าที่บริเวณสี่แยก ท่าพระและจัดการจราจร ดังนี้

แหล่งที่มา  :  ไทยรัฐ

Source: รฟม.แจ้งปิดจรัญฯขาเข้า ช่วงแยกท่าพระ 3 เดือน สร้างตอม่อรถไฟฟ้า

ทองลง 100 รูปพรรณ ขายออกบาทละ 19,450 บ.

สมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาซื้อขายทองคำรอบแรก ประจำวันที่ 17 ต.ค. 57 กล้องวงจรปิดราคาทองปรับลดลง 100 บาท โดยทองคำแท่งรับซื้อบาทละ 18,950 บาท ขายออกบาทละ 19,050 บาท ทองรูปพรรณรับซื้อบาทละ 18,677.12 บาท ขายออกบาทละ 19,450 บาท.ราคาทองคำประกาศซื้อขายรอบแรก ปรับลง 100 บาท ทองคำแท่ง ขายออกบาทละ 19,050 บาท ทองรูปพรรณ ขายออกบาทละ 19,450 บาท

แหล่งที่มา  :  ไทยรัฐ

Source: ทองลง 100 รูปพรรณ ขายออกบาทละ 19,450 บ.

สัก ยัน สภาทนายความ พร้อมยื่นมือช่วย ชาวนาจุดไฟเผาตัวเอง

อย่างไรก็ตาม นายสัก ยืนยันว่า ทางสภาทนายความพร้อมให้ความช่วยเหลือว่าความคดีดังกล่าวให้ เพียงแต่ต้องมีคนร้องเข้าไปในสภาทนายความ แล้วทางสภาทนายความจะส่งคนลงพื้นที่ ลพบุรีเพื่อหาข้อเท็จจริง เพราะเรายังมีทนายความชุดหนึ่ง ที่ทำงานช่วยเหลือกลุ่มชาวนาเรื่องไม่ได้รับค่าจำนำข้าวตั้งแต่สมัยรัฐบาล ชุดที่ผ่านมาทำงานอยู่ รวมทั้งเงินบริจาคกรณีที่มีผู้บริจาคช่วยเหลือชาวนาที่เดือดร้อนจากการที่ รัฐบาลชุดที่ผ่านมา ไม่จ่ายค่าข้าวให้ชาวนาช่วงที่ กลุ่ม กปปส. ชุมนุมทางการเมืองยังเหลืออยู่ ซึ่งก็น่าจะนำมาช่วยว่าความคดีนี้ได้ เมื่อข้อเท็จจริงทั้งหมดปรากฏชัดแล้ว ก็สามารถช่วยเหลือนางสังเวียนได้ทันทีส่วนกรณีที่สัญญากู้เงิน ไม่มีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรนั้น สำหรับกรณีอื่นๆ ตามกฎหมายจะมีมีผลทางกฎหมายอะไรทั้งสิ้นเพราะไม่มีหลักฐานเอาไปเรียกร้องค่า เสียหายได้ แต่สำหรับกรณีนี้ต้องเข้าไปดูว่าลูกหนี้มีการเซ็นสัญญารับสภาพหรือไม่ จึงจะทราบว่า จะต้องมีการช่วยเหลืออย่างไรต่อไป ดังนั้นความเป็นจริงแล้วทางสภาทนายความยังไม่อยากพูดอะไรออกไปในตอนนี้ ต้องขอเข้าไปดูก่อนว่าหลักฐานข้อเท็จจริงทั้งหมดมันเป็นเช่นใดกันแน่ เพราะจากข่าวที่ออกมาเบื้องต้นรู้สึกว่ายังมีข้อสงสัยหลายข้อที่รู้สึกไม่ ตรงไปตรงมาวันที่ 16 ต.ค. นายสัก กอแสงเรือง นายกฯสภาทนายความ กล่าวกับทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ ยืนยัน สภาทนายความ พร้อมจะเข้าไปช่วยดูคดี เงินกู้นอกระบบของญิงชาวนาที่จุดไฟเผาตัวเองว่า สภาทนายความพร้อมที่จะเข้าไปช่วยดูแลว่าความต่อสู้ทางคดีช่วยหญิงชาวนาราย ดังกล่าวได้เต็มที่ แต่คงต้องขอดูข้อเท็จจริงทางคดีทั้งหมดเสียก่อน โดยเฉพาะประเด็นที่ออกมาจากสื่อมวลชนว่า ทั้งคู่ทั้งลูกหนี้-เจ้าหนี้ โดยเฉพาะเจ้าหนี้มีการยกเลิกสัญญาทั้งหมดแล้วไปเรียกร้องนางสังเวียนให้ต้อง จ่ายหนี้ทั้งหมด 1.5 ล้านบาทนั้น ต้องเข้าไปดูสัญญาที่ทำว่า เป็นสัญญาทั้ง 2 ฝ่ายหรือไม่ หรือเป็นการยกเลิกสัญญาเพียงฝ่ายเดียวของเจ้าหนี้ซึ่งมันจะไม่มีผล

แหล่งที่มา  : ไทยรัฐ

Source: สัก ยัน สภาทนายความ พร้อมยื่นมือช่วย ชาวนาจุดไฟเผาตัวเอง

สนช. ลังเลสอย 'สมศักดิ์-นิคม' จ่อแทงกั๊กโหวตงดออกเสียง

การส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญ หรือส่งสำนวนกลับไปให้ ป.ป.ช. พล.อ.อกนิษฐ์ กล่าวว่า ยอมรับว่า ขณะนี้มี สนช.หลายคน โดยเฉพาะ สนช.หน้าใหม่ ยังไม่แน่ใจและไม่เข้าใจข้อกฎหมายเรื่องการถอดถอน จึงอาจจะมีปัญหาลังเลหรือไม่กล้าตัดสินใจในการลงมติวันที่ 17 ต.ค. ซึ่งเริ่มมี สนช.บางส่วนเริ่มคุยกันแล้วว่า อาจจะลงมติงดออกเสียงในการถอดถอนดังกล่าว เพราะไม่กล้าตัดสินใจว่า จะรับหรือไม่รับเรื่องถอดถอนไว้พิจารณา เป็นห่วงว่า หาก สนช.ลงมติงดออกเสียงกันมากๆ ก็จะเกิดปัญหาตามมาว่า จะทำอย่างไรกันต่อไป  ดังนั้นในวันที่ 16 ต.ค.ที่จะมีการประชุม สนช.นั้น เชื่อว่า สมาชิก สนช.คงต้องปรึกษาหารือกันนอกรอบ เพื่อให้เกิดความชัดเจนมากขึ้นถึงการพิจารณาถอดถอนนายสมศักดิ์และนายนิคมว่า อยู่ในอำนาจของ สนช.ที่จะดำเนินการได้หรือไม่

วันที่ 16 ต.ค. พล.อ.อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในฐานะวิปสนช. กล่าวว่า ในการประชุมสนช.วันที่ 17 ต.ค. ที่จะมีวาระการพิจารณาถอดถอนนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา และนายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา กรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เรื่องที่มา ส.ว.โดยมิชอบนั้น วิปสนช.จะเสนอให้มีการประชุมลับในการพิจารณาเรื่องดังกล่าว เนื่องจากเอกสารที่จะแจกจ่ายให้ สนช.ประกอบการพิจารณาตัดสินใจลงมติ บางส่วนเป็นชั้นความลับและพาดพิงถึงบุคคลที่สาม อย่างไรก็ตามขึ้นอยู่กับที่ ประชุมสนช. จะเห็นชอบให้ประชุมลับหรือไม่

ผู้สื่อข่าวถามว่า ฐานความผิดตามรัฐธรรมนูญปี 50 ที่ถูกยกเลิกไปแล้ว วิปสนช.พิจารณาในประเด็นนี้อย่างไร พล.อ.อกนิษฐ์ ตอบว่า วิป สนช.ก็ยังไม่กล้าตัดสินใจ และยังไม่ได้ข้อสรุปเรื่องนี้ จึงต้องถามความเห็นในที่ประชุม สนช. ว่าจะเห็นอย่างไร ซึ่งมติของที่ประชุมสนช.วันที่ 17 ต.ค. คงจะมีแค่รับหรือไม่รับเรื่องถอดถอนเท่านั้น คงไม่มีทางเลือกอื่นเช่นกัน

แหล่งที่มา  :  ไทยรัฐ

Source: สนช. ลังเลสอย 'สมศักดิ์-นิคม' จ่อแทงกั๊กโหวตงดออกเสียง

‘เกรท’แอบดีใจข่าวผู้จัดแย่งตัว

ถามต่อถึงข่าวที่ว่าเป็นพระเอกคิวทอง มีแต่ผู้จัดอยากได้ตัวไปร่วมงานด้วย ซึ่งพอได้ยินคำถามหนุ่มเกรทถึงกับยิ้มแก้มปริ พร้อมกับอาการดีใจที่แสดงออกอย่างชัดเจน"นี่เป็นข่าวหรือเป็นเรื่องจริง ที่บอกว่าผู้จัดแย่งตัว ถ้าเป็นเรื่องจริงจะดีใจ แต่จริงๆ แล้วผมว่าเรื่องการรับละครเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เป็นจังหวะและโอกาสมากกว่า เราเองอยากร่วมงานกับผู้จัดทุกคน ช่วงที่ผ่านมาที่อาจจะมีปัญหาเรื่องของคิว เนื่องจากรักต้องอุ้มถ่ายไปออนไป ทำให้ทุกอย่างถูกเลื่อน เมื่อรักต้องอุ้มปิดกล้องช้าลง ทำให้เรื่องขอเป็นเจ้าสาวสักครั้งให้ชื่นใจ เลยต้องเลื่อนมา ซึ่งทำให้คิวต่างๆ ก็เลยต้องเลื่อนตามกันมามากกว่า สำหรับเราแล้ว เราไม่รู้หรอกว่ามีผู้จัดท่านไหนสนใจเรา หรือแย่งคิวเรากันหรือเปล่า เพราะสำหรับตัวเราแล้ว เมื่อเราได้รับมอบหมายงานมา ก็ต้องทำให้ดีที่สุด (มีคนบอกว่าเป็นพระเอกคิวทองละครควบตลอด) แหม...เพิ่งมามีละครควบเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมาเองไหม แต่ก็ถือเป็นช่วงที่เราแฮปปี้นะ เพราะมีละครมาตลอดยังไม่ได้ว่างเลย" เกรทกล่าวปิดท้าย

             เรียกว่าเป็นพระเอกคิวฮอต ที่มีผลงานอย่างต่อเนื่อง สำหรับ "เกรท-วรินทร ปัญหกาญจน์" และเพราะงานที่เยอะ แล้วต้องทำงาน 7 วันต่อสัปดาห์ เลยเป็นข้ออ้างของเหตุผล ที่หนุ่มเกรทยังไร้เงาสาวมาข้างกาย งานนี้พอเจอตัวหนุ่มเกรท เลยถามให้ชัดๆ ไปเลยว่า โสดจริง หรือแอบซุกไว้กันแน่ "อย่าเพิ่งมีแฟน ตอนนี้ขอเอาเวลาให้กับฟุตบอล ให้กับการดูแลตัวเอง และงานดีกว่า ทุกวันนี้ ก็ทำงานแทบจะ 7 วันอยู่แล้ว (ไม่น่าเชื่อว่าเกรทไม่มีแฟน) แบบนี้ คนมองแต่ภาพลักษณ์ภายนอก จริงๆ ผมโสดไม่มีแฟนมาหลายปีแล้ว ถามว่าตอนนี้มีคนคุยบ้างนิดๆ หน่อยๆ เพื่อให้กระชุ่มกระชวย ให้เลือดลมมันสูบฉีด มีกำลังใจในการทำงาน  แหม...พอผมคุยกับผู้ชายก็หาว่าเป็นเกย์ คุยกับผู้หญิงก็ว่าเจ้าชู้" พระเอกหนุ่มเผย

แหล่งที่มา  :   คมชัดลึก

Source: ‘เกรท’แอบดีใจข่าวผู้จัดแย่งตัว

'อาเล็ก'โต้ไปงานแต่งกับ'จอย'

ถ้าสักวันหนึ่ง เกิดว่ามันจะเจอคนที่ใช่เดี๋ยวมันก็มีเอง (มีข่าวกับจอยสาวเลยหายหมดไหม) ไม่หรอก เล็กว่าทุกคนเข้าใจ ว่าเราเป็นแค่คู่จิ้นในละคร แต่ในเมื่อมันยังไม่ใช่ มันก็ยังไม่ใช่ ต้องรอดูอนาคตว่าจะเป็นอย่างไร เรื่องของอนาคตมันก็ยังเป็นเรื่องของอนาคต แต่ไม่แน่วันหนึ่ง อาจจะเป็นแฟนกันจริงๆ ก็ได้ อนาคตใครจะไปรู้ เราไม่รู้อนาคตหรอก ซึ่งพ่อแม่ผมก็ไม่ว่าอะไรนะในเรื่องความรัก ท่านก็อยากให้โฟกัสกับงานเยอะๆ ก่อน เพราะถ้าพูดกันตรงๆ ช่วงนี้ คือเป็นช่วงที่กำลังขึ้นมาของผม มีทั้งงานละคร งานอีเวนท์ต่างๆ" อาเล็กกล่าวปิดท้าย

"ไม่ใช่เลย วันนั้นผมไปคนเดียว แล้วก็ได้ไปเจอกับพี่ๆ คนอื่นๆ ในงาน ได้เจอพี่ๆ นักแสดงหลายคนมากวันนั้น ไม่ได้ไปด้วยกัน 2 คนกับพี่จอยแน่นอน เพียงแต่ว่าตอนเดินออกมาจากงาน เดินออกมาพร้อมกัน ซึ่งจริงๆ ก็เดินออกมาพร้อมๆ กันหลายคนนะ แต่พอเห็น เป็นผมกับพี่จอยคนก็เลยอาจจะจับจ้องกันไป ซึ่งจริงๆ ไม่ได้มีอะไรหรอก" อาเล็กตอบ

          เมื่อถามต่อเรื่องหัวใจว่าตอนนี้เป็นอย่างไร อาเล็กเผยว่า ความรักตอนนี้โอเคมาก ไม่ใช่แค่เรื่องแฟน เพราะแฟนอาเล็กยังไม่มี แต่ความรักในที่นี้ หมายถึงความรักกับแฟนคลับดีมากๆ ผู้ใหญ่เอ็นดู พ่อแม่ยังสนใจ ยังไม่ได้ปล่อยเราไป

          "พ่อแม่ยังดูแลและรักเราดีอยู่ (หัวเราะ) แต่ก็ยังโสดอยู่ ถ้าถามว่าจะมีเมื่อไหร่ เดี๋ยวก็มีแหละ แต่ตอนนี้ยังไม่มีเท่านั้นเอง ตอนนี้ก็โสดมาประมาณ 3-4 ปีแล้ว แต่ก็ยอมรับว่า ในช่วงระหว่างนี้ มีคนเข้ามาคุยๆ บ้าง แต่ว่าเรา ก็ไม่ได้คิดอะไร คือเหมือนกับว่า ตัวเราเองยังไม่ได้มีความกระตือรือร้น ที่จะอยากมีแฟนหรืออะไรขนาดนั้น เวลาที่มีผู้หญิงเข้ามา เราก็เลยไม่ได้คิดที่จะจีบ แต่ก็คุยๆ กันเแบบเป็นเพื่อนๆ กันไป เพราะเรายังไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองต้องเหงา หรือต้องการความรัก สืบเนื่องจากในงานแต่งงาน "อุ๊-พัชนี จารุจินดา" ลูกสาวผู้จัดละครชื่อดัง "กอบสุข" มีคนเห็นพระเอกหนุ่ม "อาเล็ก-ธีรเดช เมธาวรายุทธ" ตัวติดแจกับนักแสดงสาวรุ่นพี่ "จอย-รินลณี ศรีเพ็ญ" แถมขากลับยังเดินออกจากงานพร้อมกันจนเหมือนว่า ทั้งคู่มางานด้วยกัน จนดูเหมือนว่า ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ชักจะยังไงเสียแล้ว เมื่อได้เจอกับอาเล็กในงานแถลงข่าวคอนเสิร์ต "หล่อมากมาก" จึงคว้าตัวมาสอบถามถึงเรื่องดังกล่าวเสียหน่อย อาเล็กชี้แจงดังนี้

แหล่งที่มา  :  คมชัดลึก

Source: 'อาเล็ก'โต้ไปงานแต่งกับ'จอย'

กสทช.ลุยให้คูปองหมู่คนแออัด2.8ล้านครอบครัว

กสทช.เทงบอีก 2,000 ล้านบาท ยื่นให้คูปองสนับสนุนการรับชมทีวีดิจิตอลให้ผู้ที่พักอาศัยในชุมชนแออัด เพิ่มอีก 2.8 ล้านครัวเรือน ขณะที่ ล่าสุดคูปองถึงมือประชาชนแล้ว 1.6 ล้านฉบับ จากยอด 4.6 ล้านฉบับ

เมื่อวันที่ 15 ต.ค.2557 นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะผู้ชี้ขาดกิจจานุกิจกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ กสทช. วานนี้ (14 ต.ค.) มีมติอนุมัติการแจกคูปองเพิ่มอีกอย่างน้อย 2.8 ล้านครัวเรือน ให้กับกลุ่มชุมชนแออัดที่ไม่มีสำมะโนครัวในกรมการปกครอง หรือ มีบ้าน แต่ไม่มีบ้านเลขที่ โดยจะใช้งบประมาณครั้งนี้ 2,000 ล้านบาท

เลขาธิการ กสทช. กล่าวต่อว่า หลังจากได้รับการร้องเรียนจากกลุ่มชุมชนแออัดที่เป็นกลุ่มตกสำรวจ จึงได้ขยายการแจกคูปองเพิ่ม โดยสามารถมาลงทะเบียนยืนยันสิทธิ์ และ กสทช. จะร่วมกับการปกครองในการตรวจสอบที่แล้วจะอนุมัติโดยคาดว่าจะเริ่มแจกได้ภายใน เดือนพฤศจิกายน รวมทั้งสิ้น 16.9 ล้านครัวเรือน

นายฐากร กล่าวด้วยว่า คณะกรรมการ กสทช. ยังได้อนุมัติโด่กลุ่มผู้ชี้ขาดตรวจสอบการแจกคูปอง โดยจะเชิญสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค และองค์กรคุ้มครองผู้บริโภคต่างๆ เข้าร่วมการตรวจสอบ เพื่อยืนยันว่าการแจกคูปองไม่มีการทุจริตขณะที่ ล่าสุดคูปองถึงมือประชาชนแล้ว 1.62 ล้านฉบับ จากยอดที่จัดส่งล็อตแรก 4.65 ล้านฉบับ นอกจากนี้ ยังอนุมัติให้คณะกรรมการ กสทช. ลดดูงานต่างประเทศลงมากกว่าร้อยละ 50 ในปี 2558  โดยยกเลิกการฝึกอบรมและสัมมนาในต่างประเทศ เหลือเพียงการเข้าร่วมประชุมกับองค์กรในต่างประเทศเท่านั้น เพราะจะช่วย ประหยัดงบประมาณลง 100 ถึง 200 ล้านบาท.
รับติดตั้งกล้องวงจรปิด กล้องcctv สนใจคลิก http://okamicctv.org

กสทช.ลุยปันออกคูปองชุมชนแออัด2.8ล้านครัวเรือน

กสทช.เทงบประมาณอีก 2,000 ล้านบาท สละคูปองสนับสนุนการรับชมทีวีดิจิตอลให้ผู้ที่พักอาศัยในชุมชนแออัด เพิ่มอีก 2.8 ล้านครัวเรือน ขณะที่ ล่าสุดคูปองถึงมือประชาชนแล้ว 1.6 ล้านฉบับ จากยอด 4.6 ล้านฉบับ...

เมื่อวันที่ 15 ต.ค.2557 นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะผู้ตัดสินธุรกิจกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ กสทช. วานนี้ (14 ต.ค.) มีมติอนุมัติการแจกคูปองเพิ่มอีกอย่างน้อย 2.8 ล้านครัวเรือน ให้กับกลุ่มชุมชนแออัดที่ไม่มีสำมะโนครัวในกรมการปกครอง หรือ มีบ้าน แต่ไม่มีบ้านเลขที่ โดยจะใช้งบประมาณครั้งนี้ 2,000 ล้านบาท

เลขาธิการ กสทช. กล่าวต่อว่า หลังจากได้รับการร้องทุกข์จากกลุ่มชุมชนแออัดที่เป็นกลุ่มตกสำรวจ จึงได้ขยายการแจกคูปองเพิ่ม โดยสามารถมาลงทะเบียนยืนยันสิทธิ์ และ กสทช. จะร่วมกับการปกครองในการตรวจสอบเดิมจะอนุมัติโดยคาดว่าจะเริ่มแจกได้ภายใน เดือนพฤศจิกายน รวมทั้งสิ้น 16.9 ล้านครัวเรือน

นายฐากร กล่าวด้วยว่า คณะกรรมการ กสทช. ยังได้อนุมัติจัดตั้งขึ้นฝ่ายผู้ตัดสินตรวจสอบการแจกคูปอง กล้องวงจรปิดโดยจะเชิญสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค และองค์กรคุ้มครองผู้บริโภคต่างๆ เข้าร่วมการตรวจสอบ เพื่อยืนยันว่าการแจกคูปองไม่มีการทุจริตขณะที่ ล่าสุดคูปองถึงมือประชาชนแล้ว 1.62 ล้านฉบับ จากยอดที่จัดส่งล็อตแรก 4.65 ล้านฉบับ นอกจากนี้ ยังอนุมัติให้คณะกรรมการ กสทช. ลดดูงานต่างประเทศลงมากกว่าร้อยละ 50 ในปี 2558  โดยยกเลิกการฝึกอบรมและสัมมนาในต่างประเทศ เหลือเพียงการเข้าร่วมประชุมกับองค์กรในต่างประเทศเท่านั้น เพราะจะช่วย ประหยัดงบประมาณลง 100 ถึง 200 ล้านบาท.
รับติดตั้งกล้องวงจรปิด กล้องcctv สนใจติดต่อไดที่ http://okamicctv.org

ทองลง 50 รูปพรรณขายออกบาทละ 19,350 บ.

ขณะที่สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป หรือยูโรสแตทรายงานว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของยูโรโซนปรับตัวลดลง 1.8% ในเดือนส.ค. เทียบกับเดือนก่อนหน้า

นอกจากนี้ตลาดทองคำนิวยอร์กได้รับปัจจัยหนุนจากกลุ่มผู้ซื้อของจีน โดยมีรายงานว่าความต้องการทองคำในช่วงในช่วงสัปดาห์ที่แล้วนั้น มีความแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม คาดว่าแรงบวกในตลาดทองคำจะถูกกดดันจากหลายปัจจัย รวมถึงสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่า ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลง และตลาดหุ้นที่เริ่มดีดตัวขึ้น

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 4.3 ดอลลาร์ หรือ 0.35% ปิดที่ 1,234.3 ดอลลาร์/ออนซ์ กระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกยังคงผลักดันให้นักลง ทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย โดยล่าสุดรัฐบาลเยอรมนีได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศใน ปีนี้และปีหน้า อันเนื่องมาจากวิกฤตการณ์ทางการเมืองในหลายภูมิภาคของโลก และเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอ

โดยในการคาดการณ์เศรษฐกิจประจำฤดูใบไม้ร่วง รัฐบาลเยอรมนีคาดการณ์ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) จะขยายตัว 1.2% ในปีนี้ ซึ่งลดลงอย่างมากจากระดับ 1.8% ในการคาดการณ์ประจำฤดูใบไม้ผลิ นอกจากนี้ยังได้ปรับลดการคาดการณ์เศรษฐกิจในปี 2558 ลงสู่ระดับ 1.3% จากก่อนหน้านี้ที่ 2%

อง COMEX บวก 4.3 เหรียญ หลังเยอรมนีปรับลดคาดการณ์จีดีพีปีนี้และปีหน้า หลังเจอวิกฤติการเมืองหลายภูมิภาคของโลก-เศรษฐกิจโลกอ่อนแอ

สมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาซื้อขายทองคำรอบแรก ประจำวันที่ 15 ต.ค. 57 ราคาทองปรับลดลง 50 บาท โดยทองคำแท่งรับซื้อบาทละ 18,850 บาท ขายออกบาทละ 18,950 บาท ทองรูปพรรณรับซื้อบาทละ 18,571 ขายออกบาทละ 19,350 บาท

แหล่งที่มา  :  ไทยรัฐ

Source: ทองลง 50 รูปพรรณขายออกบาทละ 19,350 บ.

ชาวบ้าน อ.โขงเจียม ออกล่าปลาบึกหลังปิดเขื่อน

สำหรับปลาบึกที่จับได้ชุดนี้ ชาวบ้านแจ้งว่าได้มาจากบ้านลาดวารี หมู่ที่ 14 ต.คำเขื่อนแก้ว อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี มีขนาดตั้งแต่ตั้งแต่ 30-150 กิโลกรัม ราคาที่จำหน่ายอยู่ที่กิโลกรัมละ 200-250 บาท ขึ้นอยู่ที่ใครเป็นคนขายหากชาวบ้านขายเองราคาก็จะอยู่ที่ประมาณ 200 บาท หากซื้อที่ตลาดก็จะอยู่ที่ 250 บาท การจับก็จะใช้มอง หรือ ตาข่ายดักปลาขนาดใหญ่ในการลาก แค่ 2 วันชาวบ้านมีรายได้อย่างน้อยรายละ 2 หมื่นบาท ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาทองของชาวบ้าน ปลาบึกที่ได้จะนำไปประกอบอาหารทั้งลวกจิ้ม ลาบ ต้มยำ ซึ่งถือเป็นอาหารชั้นเลิศของนักชิมนางสาวบุญฑริกา จัยสิน อายุ 36 ปี เจ้าของร้านอาหารแม่น้ำสองสี ต.โขงเจียม อ.โขงเจียม เปิดเผยว่า หลังจากที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยปิดประตูเขื่อนปากมูล ทำให้มีชาวประมงในพื้นที่ อำเภอโขงเจียม และใกล้เคียง ต่างนำเรือออกล่าปลาบึกมาขายให้กับร้านอาหารตามริมน้ำโขง สำหรับตนเองได้รับซื้อไว้ ทั้งหมด 4 ตัว น้ำหนักรวมกว่า 600 กิโลกรัม มูลค่า 78,000 บาท

นางสาวบุญฑริกา เผยอีกว่า สำหรับการจับปลาบึกในช่วงนี้จะมีระยะเวลาอยู่ประมาณ 2-3 วัน หลังจากนั้นก็แล้วแต่ตามดวง สาเหตุที่ชาวประมงสามารถจับปลาบึกได้เยอะในช่วงนี้ ก็เป็นเพราะการปิดเขื่อนปากมูลซึ่งทำให้น้ำนิ่งปลาบึกที่เคยว่ายตามกระแสน้ำ ก็จะเกิดอาการตื่นน้ำ หรืออาการ งง อีกช่วงก็จะเป็นช่วงที่ปิดเขื่อนใหม่ น้ำลด ปลาบึกจะติดตามซอกหิน ตามต้นไม้ ชาวบ้านก็จะออกย่ำปลา ซึ่งจะเป็นช่วงที่ชาวประมงในพื้นที่จะรู้และเตรียมตัวกันล่วงหน้าเมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 15 ต.ค.57 ผู้สื่อข่าวรายงาน บรรยากาศที่ร้านอาหาร และร้านขายปลาสดริมแม่น้ำโขง อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี ว่า เต็มไปด้วยความคึกคัก เนื่องจากมีชาวบ้านประมงต่างนำขายปลาบึกยักษ์ น้ำหนักตัวกว่า 150 กิโลกรัม ที่หาได้ในลำน้ำโขง หลังการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ปิดประตูเขื่อนปากมูลเพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ในการเกษตร มาขายให้กับร้านอาหาร และร้านขายปลาสด ไว้คอยนำไปประกอบอาหารต้อนรับนักท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้ชาวประมงวันละ 2 หมื่นบาท

แหล่งที่มา  :  เดลินิวส์

Source: ชาวบ้าน อ.โขงเจียม ออกล่าปลาบึกหลังปิดเขื่อน

บราซิลจัดดีเบตศึกชิงประธานาธิบดี

นายเนเวซต้องการลดบทบาทของรัฐบาลในเศรษฐกิจบราซิลแต่เปิดการค้ากับต่าง ประเทศมากขึ้นโดยเฉพาะกับสหรัฐและยุโรป แต่ประธานาธิบดีรุสเซฟฟ์ต้องการเพิ่มบทบาทของรัฐบาลในเศรษฐกิจภายในประเทศ และยังคงอุปสรรคทางการค้าเพื่อปกป้องอุตสาหกรรมที่เพิ่งเริ่มต้นของบราซิลนอกจากนี้ การโฆษณาหาเสียงของประธานาธิบดีรุสเซฟฟ์ยังเตือนไปถึงคนจนและชั้นชนกลาง ระดับล่างว่า เศรษฐกิจซบเซาจะกลับมาอีกครั้งหากนายเนเวซได้เป็นรัฐบาล ขณะที่นายเนเวซปฏิเสธการตัดโครงการสังคมสงเคราะห์ช่วยเหลือประชาชน  สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครเซาเปาโลประเทศบราซิล เมื่อวันที่15 ต.ค.ว่า ประธานาธิบดีดิลมา รุสเซฟฟ์ และนายเอซิโอ เนเวซ ผู้ท้าชิงในศึกเลือกตั้งรอบชิงดำวันที่26 ต.ค.นี้ ได้เผชิญหน้ากันเมื่อคืนวันอังคารตามเวลาท้องถิ่นในการดีเบตหรือแสดงวิสัย ทัศน์โต้วาทีครั้งแรกของสองฝ่ายนับตั้งแต่การเลือกตั้งรอบแรกเมื่อต้นเดือน จบลงไป โดยประธานาธิบดีรุสเซฟฟ์ได้คะแนนเสียงร้อยละ 42และนายเนเวซ ได้ร้อยละ34

แหล่งที่มา  :  เดลินิวส์

Source: บราซิลจัดดีเบตศึกชิงประธานาธิบดี

โสมเหนือ-ใต้หารือลดความเกลียดชัง

นอกจากนี้เมื่อต้นสัปดาห์กองทัพเรือสองประเทศยิงเตือนใส่กันในบริเวณน่าน น้ำพิพาทของสองฝ่ายแต่ไม่มีรายงานความเสียหายหรือการสูญเสียชีวิต สำนักข่าวยอนฮัพรายงานอ้างแหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผยชื่อในรัฐบาลและพรรคการ เมืองเกาหลีใต้ว่าการเจรจาในวันพุธระหว่างเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงของเกาหลี เหนือและเกาหลีใต้จะพุ่งเป้าไปที่การยิงกันล่าสุด

นายปาร์กเจีย-วอน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคฝ่ายค้านกล่าวว่า การเจรจาเริ่มขึ้นในเวลา10.00น.ตามเวลาท้องถิ่นที่หมู่บ้านปันมุมจอม ขณะที่กระทรวงกลาโหมและกระทรวงเพื่อการรวมชาติเกาหลีใต้ไม่ได้ออกมาแสดงความ เห็นเรื่องนี้ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโซลประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่15ต.ค.อ้างสำนักข่าวยอนฮัพรายงานว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงทางทหารของเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้หารือกันที่หมู่บ้าน ปันมุนจอมตั้งอยู่ชายแดนระหว่างสองประเทศ เกี่ยวกับวิธีลดความเกลียดชังข้ามพรมแดน หลังจากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้ดวลกระสุนปืนใส่กัน ภายหลังนักเคลื่อนไหวชาวเกาหลีใต้ปล่อยลูกโป่งที่บรรจุใบปลิวโฆษณาชวนเชื่อ ต่อต้านรัฐบาลเกาหลีเหนือลอยข้ามพรมแดนเข้ามา

แหล่งที่มา  :  เดลินิวส์

Source: โสมเหนือ-ใต้หารือลดความเกลียดชัง

ทลายแก๊งพนันออนไลน์ใช้ไทยเป็นฐานก่อเหตุอาชญากรรม

ร.ต.อ.ทองเปลว กล่าวว่า หลังการจับกุมได้ขยายผลพบว่า กลุ่มผู้ต้องหามีลักษณะกระทำการเป็นขบวนการ ซึ่งมี นายชเว มยอง ฮุน เป็นหัวหน้า ดูแลเครือข่ายรับพนันออนไลน์ในประเทศไทย ซึ่งผู้ต้องหาที่เหลือได้ว่าจ้างมา โดยรับเงินค่าจ้างประมาณ 9 หมื่นบาทต่อเดือน โดยเริ่มทำมาหลังจากเดือนมกราคมปีที่ผ่านมา ซึ่งถูกชักชวนจากเพื่อนที่อยู่ในประเทศญี่ปุ่นให้มาเปิดเครือข่ายในประเทศ ไทย เบื้องต้นทราบว่า สาเหตุที่มารับจ้าง เพราะเงินหมดจากการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ทั้งนี้ ยังพบด้วยว่า ในแต่ละวันจะมีเงินหมุนเวียนในการพนันถึงวันละ 100 ล้านวอน หรือประมาณ 30 ล้านบาท

นับเป็นผลงานชิ้นโบแดงของตำรวจไทยที่ทลายเครือข่ายพนันออนไลน์สัญชาติเกาหลี ลงได้ ซึ่งสิ่งสำคัญที่ต้องทำควบคู่กับการปราบปรามคือ สร้างจิตสำนึกให้แก่เยาวชนและประชาชนทั่วไป ให้เห็นถึงโทษของการพนัน ว่า นอกจากจะสูญเสียทรัพย์สินเงินทองแล้ว ยังส่งผลกระทบถึงปัญหาอาชญากรรมที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เรียกได้ว่า “หากเข้าไปในวังวนวงจรนี้แล้ว นอกจากจะหมดตัว ยังหมดหนทางอีกด้วย” พ.ต.ท.วิชัย เล่าถึงการทลายแก๊งพนันออนไลน์ข้ามชาตินี้ ว่า ตำรวจทราบว่ามีกลุ่มชาวเกาหลีใต้ประมาณ 10 คน เข้ามาเช่าคอนโดแห่งหนึ่งย่านซอยทองหล่อ โดยชาวเกาหลีแต่ละรายมักมีการใช้จ่ายเงินหมุนเวียนวันละเกือบแสนบาท ถือเป็นจำนวนเงินที่สูงผิดปกติ ทั้งที่ไม่มีอาชีพทำแต่อย่างใด ดังนั้น จึงเฝ้าติดตาม กระทั่งพบว่าคอนโดดังกล่าวถูกปรับเปลี่ยนเป็นทั้งห้องพักและเป็นสำนักงาน พร้อมกับเปิดให้มีการเล่นพนันออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ โดยนักพนันส่วนใหญ่จะเป็นชาวเกาหลีใต้ที่มาประกอบธุรกิจในประเทศไทย รวมทั้งที่ยังอยู่ในประเทศเกาหลีใต้ ที่เป็นสมาชิกเท่านั้น เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบของตำรวจเกาหลีใต้ หลังสืบทราบเป็นที่แน่ชัด ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.ทองหล่อ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ทหาร ม.พัน.1 รอ. จึงเข้าตรวจค้นทันที

จากการตรวจค้นสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 9 คน เป็นชาวเกาหลี 8 คน และชาวพม่าอีก 1 คน พร้อมคอมพิวเตอร์ 9 เครื่อง สำหรับใช้ในการเปิดแอคเคานท์ และเครื่องรับรหัสการทำธุรกรรมทางการเงินของธนาคารเกาหลีอีก 87 เครื่อง เงินสด 121,300 บาท และอื่นๆ อีกมากมาย เมื่อตรวจสอบพบว่ามีการโอนเงินและจ่ายเงินผ่านเว็บไซต์ให้แก่นักพนันชาว เกาหลีใต้ไปแล้วกว่า 14,000 ราย ขณะนี้เว็บไซต์ดังกล่าวปิดตัวลงแล้ว ปัญหาการพนัน แม้หน่วยงานรัฐจะมีมาตรการสกัดกั้นทุกรูปแบบ แต่ก็ยังพบว่ามีการลักลอบเล่นการพนันอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ “การเล่นพนันออนไลน์” ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.ทองหล่อ นำโดย พ.ต.อ.ชูตระกูล ยศมาดี ผกก.สน.ทองหล่อ พ.ต.ท.วิชัย ณรงค์ รอง ผกก.สน.ทองหล่อ ร.ต.อ.ทองเปลว หาญไพบูลย์ รอง สว.สส.สน.ทองหล่อ ร.ต.อ.มานะพงษ์ วงศ์พิวัฒน์ รอง สว.สส.สน.ทองหล่อ สนธิกำลังเข้าจับกุมเครือข่ายพนันฟุตบอลออนไลน์ข้ามชาติ โดยพบว่ามีเงินหมุนเวียนถึงวันละกว่า 30 ล้านบาท

แหล่งที่มา :  คมชัดลึก

Source: ทลายแก๊งพนันออนไลน์ใช้ไทยเป็นฐานก่อเหตุอาชญากรรม

ม็อบจังโก้เผาที่ทำการรัฐแค้นคดีนศ.หายไม่คืบ

ทั้งนี้ ก่อนหน้าเหตุการณ์วางเพลิงสถานที่ราชการของรัฐเกร์เรโร กลุ่มผู้ชุมนุมราว 500 คนบุกไปยังสภาริติบัญญัติแห่งรัฐ ทำให้เกิดการปะทะกับตำรวจปราบจลาจลราว 150 นาย และส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 7 คน ในจำนวนนี้ 5 คนเป็นครูซึ่งมาร่วมการชุมนุม

กลุ่มนักศึกษาวิทยาลัยครู 43 คน หายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย หลังเกิดเหตุประท้วงในเมืองอิกัวลา เมื่อวันที่ 26 ก.ย. ซึ่งรถบัสของกลุ่มนักศึกษาถูกตำรวจท้องถิ่นระดมยิงโจมตี และเป็นคืนเดียวกับที่เกิดเหตุรุนแรงทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 6 ศพ และได้รับบาดเจ็บอีก 25 คน โดยหลังเกิดเหตุตำรวจเมืองอิกัวลา 26 นายถูกจับกุม ฐานต้องสงสัยร่วมมือกับแก๊งอาชญากรรมท้องถิ่นเพื่อก่อเหตุ

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเม็กซิโกซิตี ประเทศเม็กซิโก เมื่อวันที่ 13 ต.ค. ว่ากลุ่มผู้ประท้วงจำนวนมากก่อเหตุวางเพลิงสำนักงานรัฐบาลท้องถิ่นในเมืองชิ ลปันซิงโก เมืองเอกของรัฐเกร์เรโร ทางตอนใต้ของเม็กซิโก เพื่อแสดงความไม่พอใจอย่างรุนแรงต่อกระบวนการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ เกี่ยวกับการหายสาบสูญตั้งแต่ปลายเดือนที่แล้วของนักศึกษาวิทยาลัยครู 43 คนที่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้า

นอกจากนี้ กลุ่มผู้ก่อเหตุเรียกร้องให้นายอังเกล อาเกียร์เร ลาออกจากตำแหน่งผู้ว่าการรัฐเกร์เรโรเพื่อแสดงความรับผิดชอบด้วย อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายงานยืนยันแน่ชัด ว่าอาเกียร์เรอยู่ภายในอาคารขณะเกิดเหตุหรือไม่ ขณะที่ทางการระดมกำลังเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเข้ามาควบคุมเพลิงที่ลุกไหม้อย่าง รวดเร็ว

แหล่งที่มา  :  เดลินิวส์

Source: ม็อบจังโก้เผาที่ทำการรัฐแค้นคดีนศ.หายไม่คืบ

สุนัขของพยาบาลติดไวรัสอีโบลายังปลอดภัย

ทีมผู้เชี่ยวชาญยังได้เปิดไฟอพาร์ตเมนต์ที่พักให้กับสุนัขด้วยสุนัขของพยาบาลติดเชื้อไวรัสอีโบลาเคยเป็นประเด็นข่าวที่วิพากษ์วิจารณ์กัน อย่างมากในประเทศสเปนซึ่งเกิดขึ้นในแบบเดียวกันคือพยาบาลติดเชื้อไวรัสอี โบลามาจากคนไข้หมอสอนศาสนาที่ติดเชื้อไวรัสมาจากประเทศในแถบแอฟริกาตะวันตก แล้วสุนัขตัวนี้ชื่อเอ็กซ์คาลิเบอร์ ถูกฆ่าทิ้งเพราะเกรงว่ามันจะแพร่เชื้อไวรัสอีโบลาได้ท่ามกลางกระแสต่อต้าน และประท้วงอย่างรุนแรงแม้ทางการจะออกมาแจ้งว่าสุนัขอาจแพร่เชื้อได้

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองดัลลัสรัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 14ต.ค.ว่านพ.เดวิดเลกีย์ ผู้ตรวจการสาธารณสุขรัฐเท็กซัสแถลงที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อของ สหรัฐว่าสัตว์เลี้ยงซึ่งเป็นสุนัขพันธุ์คิงชาร์ลส์ สแปเนียล อายุ 1ปีของพยาบาลชาวเมืองดัลลัสซึ่งติดเชื้อไวรัส อีโบลาขณะทำการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสอีโบลา ที่โรงพยาบาลในเมืองดัลลัสนั้นยังคงอยู่ในอพาร์ตเมนต์ที่พักของพยาบาลขณะที่ ตัวพยาบาลนั้นถูกนำไปรักษาและกักกันโรคไว้แล้วแต่สุนัขตัวนี้ก็จะถูกนำไปไว้ ในสถานที่สามารถดูแลและตรวจสุขภาพของมันได้สุนัขตัวนี้ได้รับอาหารและน้ำโดยเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญซึ่งกำลังทำความ สะอาดและฆ่าเชื้อโรคอพาร์ตเมนต์ที่พักในเมืองดัลลัสของพยาบาลสาวซึ่งตาม รายงานของสื่อท้องถิ่นระบุว่าอายุประมาณ 25ปี

แหล่งที่มา  :  เดลินิวส์

Source: สุนัขของพยาบาลติดไวรัสอีโบลายังปลอดภัย

อิหร่านเดินหน้าเจรจานิวเคลียร์ต่อ

การเจรจาระหว่างอิหร่านกับกลุ่มพี5+1(อังกฤษ,จีน,ฝรั่งเศส,รัสเซีย และสหรัฐ บวกกับเยอรมนี)ได้ลงนามในข้อตกลงเฉพาะกาลเมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมาว่าอิหร่าน จะต้องได้รับการผ่อนปรนบางอย่างในเรื่องมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจเป็นการ ตอบแทนกับการยุติโครงการพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์ของอิหร่านแต่การบรรลุข้อ ตกลงขั้นสุดท้ายก็ยังมีปัญหาในเรื่องขอบเขตของการเสริมสมรรถนะยูเรเนียมซึ่ง อิหร่านได้รับการยินยอมให้ทำได้และ กำหนดเวลายกเลิกการคว่ำบาตรอิหร่านและอิหร่านก็ยังคงยืนกรานว่าโครงการ นิวเคลียร์ของอิหร่านนั้นเป็นการพัฒนาพลังงานเพื่อสันติเท่านั้น

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเตหะรานประเทศอิหร่าน เมื่อวันที่14ต.ค.ว่าแม้ว่าการเจรจาว่าด้วยโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านกับ ชาติตะวันตกยังไม่บรรลุข้อตกลงก่อนถึงกำหนดเส้นตายวันที่24พ.ย.นี้แต่คำแถลง ของประธานาธิบดีฮัสซันโรว์ฮานี แห่งอิหร่านก็สะท้อนให้เห็นว่าแม้จะยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงแต่การเจรจา เพื่อหาข้อยุติในเรื่องนี้ก็ยังคงต้องเดินหน้าต่อไปประธานาธิบดีโรว์ฮานีกล่าวว่าจะไม่มีการถอยหลังอย่างเด็ดขาดแม้จะเหลือเวลา เพียงแค่ 40วันก่อนถึงเส้นตายจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเดินหน้าเจรจากันต่อไป

แหล่งที่มา  :  เดลินิวส์

Source: อิหร่านเดินหน้าเจรจานิวเคลียร์ต่อ

ทองขึ้น 100 รูปพรรณขายออกบาทละ 19,350 บ.

ทั้งนี้ รายงานการประชุมนโยบายการเงินของเฟดประจำวันที่ 16-17 ก.ย. ระบุว่า สัญญาณชี้นำล่วงหน้าของอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) นั้น จะขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจในปัจจุบัน และยังไม่มีสัญญาณบ่งชี้ว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะเกิดขึ้นหลังจาก โครงการซื้อสินทรัพย์สิ้นสุดลง ซึ่งรายงานดังกล่าวทำให้ตลาดคาดการณ์ว่าคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด จะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีกนาน เมื่อพิจารณาจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาในปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม สัญญาทองคำปรับตัวลงในกรอบที่จำกัด เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกและการร่วงลง ของตลาดหุ้นทั่วโลกนั้น ได้กระตุ้นให้นักลงทุนจำนวนหนึ่งยังคงเดินหน้าเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็น สินทรัพย์ที่ปลอดภัย นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้รับแรงหนุนจากรายงานที่ว่า ความต้องการทองคำในประเทศอินเดียปรับตัวสูงขึ้นก่อนช่วงเทศกาลดิวาลี

สมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาซื้อขายทองคำรอบแรก ประจำวันที่ 13 ต.ค. 57 ราคาทองปรับขึ้น 100 บาท โดยทองคำแท่งรับซื้อบาทละ 18,850 บาท ขายออกบาทละ 18,950 บาท ทองรูปพรรณรับซื้อบาทละ 18,571 ขายออกบาทละ 19,350 บาท

สัญญาทองคำได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่แข็งค่าขึ้น โดยดัชนีดอลลาร์ซึ่งวัดความเคลื่อนไหวของสกุลเงินของประเทศต่างๆ 6 ประเทศนั้น ปรับตัวสูงขึ้น 0.4% ในวันศุกร์ หลังจากในรายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้ส่งสัญญาณว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไป ซึ่งการแข็งค่าของดอลลาร์จะส่งผลให้สัญญาทองคำซึ่งซื้อขายในรูปสกุลเงิน ดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่นๆ

แหล่งที่มา  :  ไทยรัฐ

Source: ทองขึ้น 100 รูปพรรณขายออกบาทละ 19,350 บ.

วิตก ศก.โลก หุ้นไทยร่วงต่อเนื่อง 10.93 ปิดที่ 1,541.79 จุด

สำหรับหลักทรัพย์ซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน), บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน), บริษัท แนเชอรัล พาร์ค จำกัด (มหาชน) และ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)

ตก ศก.โลกชะลอตัว ยุโรปส่งสัญญาณสู่ภาวะถดถอย หุ้นไทยร่วงต่อเนื่อง 10.93 ปิดที่ 1,541.79 จุด มูลค่าซื้อขายทั้งสิ้น 17,040.62 ล้านบาท

วันที่ 13 ต.ค. ตลาดหุ้นไทยปิดการซื้อขายในแดนลบ ร่วง 10.93 จุด หรือ -0.70% ปิดที่ 1,541.79 จุด มูลค่าซื้อขาย 17,040.62 ล้านบาท โดยดัชนีหุ้นไทยที่ปรับลดลง เป็นในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในภูมิภาคเอเชีย จากความกังวลเศรษฐกิจโลกชะลอตัว โดยเฉพาะเศรษฐกิจยุโรปที่ยังมีปัญหา เริ่มส่งสัญญาณที่อาจจะเข้าสู่ภาวะถดถอย ซึ่งแรงขายที่ออกมาอยู่ในกลุ่มพลังงาน ธนาคารพาณิชย์ และหุ้น Big cap

แหล่งที่มา  :  ไทยรัฐ

Source: วิตก ศก.โลก หุ้นไทยร่วงต่อเนื่อง 10.93 ปิดที่ 1,541.79 จุด

สมุทรปราการไม่เอาปั๊มแก๊ส

อย่างไรก็ตาม "รองอ๊อด" ได้สอบถามตัวแทนปั๊มแก๊ส ก็ออกมาปฏิเสธ โดยบอกว่า ทำทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมายทุกขั้นตอน ซึ่งเชื่อว่าถูกกลั่นแกล้งจึงถูกต่อต้าน โดยนายอารีย เขตจุฎารัตน์ ตัวแทนปั๊มแก๊ส บริษัท แคลอริฟิกแก๊ส เชื่อว่า น่าจะถูกกลั่นแกล้งเพราะปั๊มแก๊สแอลพีจี 2 หัวจ่ายในพื้นที่ 1 ไร่ ก็ทำทุกอย่างถูกต้องตามขั้นตอนวิศวกรคำนวณถึงความปลอดภัยกับประชาชน ถังแก๊สก็อยู่ใต้ดิน

เรื่องนี้ทางเทศบาลบางพลีน้อยได้สั่งระงับการก่อสร้างชั่วคราวแล้ว เพื่อหาข้อยุติเพราะอาจเกิดความผิดพลาดทางข้อกฎหมาย โดยนายศรนิรันดร์ เกาใสนันทร์ ปลัดเทศบาลบางพลีน้อย บอกว่า เบื้องต้นสั่งให้มีการระงับการก่อสร้างปั๊มแก๊สดังกล่าวไว้ก่อน เพราะเรื่องนี้มีชาวบ้านร้องเรียนมา ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะมีการประชุมร่วมกับทุกฝ่ายกับผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาข้อยุติในเรื่องนี้เพื่อไม่ให้มีความผิดพลาดในข้อกฎหมายต่อไป ขณะที่ นายมงคล ผอ.ธุรกิจพลังงานจังหวัดสมุทรปราการ ยังต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงเสียก่อนว่าเป็นอย่างไร ตอนนี้ยังไม่ให้รายละเอียดอะไรไม่ได้สำหรับการประท้วงของชาวบ้านใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง จึงได้ข้อยุติ เมื่อทางเจ้าหน้าที่รับปากว่าจะระงับการก่อสร้างปั๊มแก๊สดังกล่าวออกไปก่อน และจะมีการประชุมร่วมกันกับทุกๆ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการหาทางออกเรื่องนี้ต่อไปชาวบ้านชุมชนวัดหอมศีล ต.บางพลีน้อย อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ รวมตัวกันชูป้ายเขียนข้อความ คัดค้านการก่อสร้างปั๊มแก๊สแอลพีจีในชุมชน หวั่นเกิดอันตราย "รองอ๊อด" ลงพื้นที่ตามไปแก้ ดูประเด็นนี้ว่าจะอันตรายมากน้อยแค่ไหน

ชาวชุมชนวัดหอมศีล ต.บางพลีน้อย รวมตัวประท้วงไม่ต้องการให้เอกชนมาสร้างปั๊มแก๊สในชุมชน เพราะอาจเกิดอันตรายและส่งผลกระทบต่อชุมชนในระยะยาว“รองอ๊อด” ลงพื้นที่ไปพบผู้พักอาศัยอยู่อพาร์ตเมนต์และชาวชุมชนใกล้เคียงกับจุดก่อ สร้างปั๊มแก๊ส พบว่าปั๊มแก๊สอยู่ในระหว่างดำเนินการก่อสร้าง ตั้งอยู่ในพื้นที่ 1 ไร่ ก่อนหน้านี้ชาวบ้านได้ยื่นหนังสือไปที่ทางการ เพื่อขอให้ระงับการก่อสร้างตั้งแต่เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2556

นางสุนันท์ จารุไพโรจน์ ชาวชุมชน แกนนำตัวแทนชาวบ้าน กล่าวว่า หลังจากมีการก่อสร้างปั๊มแก๊สบริเวณถนนบางนา-ตราด ก่อนทางเข้าย่านชุมชนวัดหอมศีล ก็รู้สึกไม่สบายใจ เนื่องจากเกรงอันตรายที่อาจเกิดจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เพราะมีประชาชนอยู่อาศัยในบริเวณดังกล่าวเป็นจำนวนมากมีบ้านเรือนประชาชน อพาร์ตเมนต์ ดังนั้นชาวบ้านต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือผู้ที่มีอำนาจดำเนินการ ระงับการก่อสร้างปั๊มแก๊สดังกล่าว เพราะชาวบ้านมีความหวาดกลัวว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้นจากปั๊มแก๊สดังกล่าว และปั๊มแก๊สนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่ไม่เหมาะสม เป็นทางลงของสะพานต่างระดับที่มีรถยนต์สัญจรไปมาอยู่ตลอดเวลา ก่อนหน้านี้ได้ร้องไปที่เทศบาลตำบลบางพลีน้อย และหลายหน่วยงาน เพื่อให้มีคำสั่งระงับการก่อสร้างไว้ก่อน

แหล่งที่มา  :  ข่าวสด

Source: สมุทรปราการไม่เอาปั๊มแก๊ส

เมื่อนายกฯอินเดียเมินสื่อหลัก

แต่สำหรับนายโมดี มีความไม่ไว้ใจสื่อหลักและตัดช่องทางเข้าถึงอย่างปรากฏชัด ผู้สื่อข่าวในกรุงนิวเดลีเผยว่า พวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้บินเครื่องบินลำเดียวกับนายกรัฐมนตรี ขณะที่การประชุมแถลงข่าวและเปิดโอกาสให้ซักถาม เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นน้อยมากนิลันจัน มูโคปัทติยา ผู้เขียนหนังสือชีวประวัติ "Narendra Modi: The Man The Times" กล่าวว่า สมัยเป็นมุขมนตรีรัฐคุชราต ในปี 2545 เกิดเหตุรุนแรงระหว่างชาวฮินดูกับมุสลิม มีผู้เสียชีวิตจากถูกสังหารหมู่เกือบพันคน สื่อกล่าวโทษมุขมนตรีโมดี ว่าไม่ได้พยายามมากพอระงับเหตุ แม้ผลสอบสวนไม่พบการกระทำผิดใดๆ แต่ก็กลายเป็นตราบาปมาจนถึงปัจจุบัน นายโมดีจึงหลีกเลี่ยงสื่อหลัก และสร้างช่องทางอื่นสื่อสารกับประชาชน ผู้นำอินเดียมองว่าสื่อแค่รับข่าวสารจากตัวเขาและนำไปเผยแพร่ก็พอ หรือเป็นเครื่องมือหนึ่งที่นำไปใช้โปรโมทตนเอง ไม่ใช่กลไกตรวจสอบผู้นำด้วยเหตุที่องค์กรสื่อส่วนมากในอินเดียเป็นของบริษัทขนาดใหญ่ที่ต้องพึ่งพา สายสัมพันธ์อันดีกับการเมือง จึงไม่ปรากฏเสียงโวยดังนัก

อาราตี ราธิกา เจรัท นักวิจารณ์การเมืองในอินเดีย กล่าวว่า สื่อเป็นเสาหนึ่งของประชาธิปไตย เป็นสะพานเชื่อมรัฐบาลกับประชาชน นักข่าวเคยมีบทบาทสำคัญในการเปิดโปงการทุจริตในอินเดีย ประเทศประชาธิปไตยใหญ่สุดในโลก ไม่ถูกต้องนักที่นายกรัฐมนตรีจะกันระยะห่างกับสื่ออยู่ตลอดเวลา แต่ก็เชื่อว่า สื่ออินเดียจะไม่ถอดใจ อดีตมีบทเรียนมาแล้วว่า สื่อยกระดับภาพลักษณ์คนคนหนึ่งได้ และก็ทำให้ดับอย่างรวดเร็วได้สิ่งหนึ่งที่นักการเมืองในประเทศประชาธิปไตยต้องเผชิญยากหลีกพ้นคือ การตอบคำถามของสื่อ แต่ไม่น่าเชื่อว่าตั้งแต่รับตำแหน่งในเดือนพฤษภาคม นายกรัฐมนตรีคนดังอย่างนายนเรนทรา โมดี ไม่เคยต้องตอบคำถามนักข่าว ไม่เคยให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ นิตยสาร สถานีโทรทัศน์ หรือสถานีวิทยุแม้แต่รายเดียว แต่เลือกใช้ช่องทางใหม่ในการบอกกล่าวประชาชนอย่างเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ เขียนบล็อกและการพูดในที่สาธารณะ ยังไม่นับรวมรายการวิทยุประจำสัปดาห์ และปรากฏตัวในชุดเนี้ยบดีไซน์มาเฉพาะ สำหรับถ่ายรูปและคลิปนายโมดี มีเพื่อนบนเฟซบุ๊ก 23 ล้านคน และมีผู้ติดตามทวิตเตอร์เกือบ 10 ล้านเป็นรองแค่ประธานาธิบดีบารัก โอบามาแห่งสหรัฐการใช้สื่อใหม่เลี่ยงสื่อเก่าเข้าถึงผู้สนับสนุนโดยตรง จะมองเป็นยุทธศาสตร์ก็ย่อมได้ ประชากรออนไลน์ของอินเดียมีมากถึง 200 ล้านคน ส่วนมากเป็นคนรุ่นใหม่และคนเมือง ซึ่งเป็นฐานเสียงสำคัญของผู้สมัครหรือพรรคการเมืองทุกพรรค

แหล่งที่มา  :  ข่าวสด

Source: เมื่อนายกฯอินเดียเมินสื่อหลัก

ลือ!นายพลนะเคามวย ปลด2นายพันคุมกำลัง ปมยิงรถทหารเมียนมาร์

พันเอกไทเกอร์ นอกจากถูกทางการเมียนมาร์ออกหมายจับแล้วยังมีหมายจับที่ สภ.แม่สอด ด้วย ในข้อหาฉ้อโกงเงินกว่า 2 ล้านบาท ทำให้ขณะนี้ พันเอกไทเกอร์ ไม่สามารถอาศัยอยู่ในบริเวณชายแดนของทั้งสองประเทศ ต้องหนีเตลิดไปอยู่ทางด้านเหนือของประเทศเมียนมาร์ ซึ่งทหารเมียนมาร์กำลังไล่ติดตามอย่างไม่ลดละ

ส่วนสาเหตุการปลดฟ้าผ่าในครั้งนี้ สืบเนื่องจากนายทหารทั้งสองนาย ก่อเหตุนอกเหนือคำสั่งหลายครั้ง คือ การวางระเบิดที่เมียวดี 2 ครั้ง และยังยิงรถทหารเมียนมาร์ ที่ใกล้ชายแดนไทย ล่าสุด ขณะนี้พันเอกซานอ่อง ได้นำกำลังทหารกะเหรี่ยงดักยิงรถทหารเมียนมาร์ สังกัดกองพลที่ 22 ที่นำกำลังลงมาสับเปลี่ยน ที่จังหวัดเมียวดี และเกิดการปะทะกันอย่างหนัก ล่าสุด ทหารกะเหรี่ยงเสียชีวิตแล้ว 2 นาย ทำให้รถสินค้าที่จะเข้าไปที่ย่างกุ้ง และเมาะละแหม่ง ยังคงติดอยู่กลางทาง

ประวัติของนายพันซานอ่อง นายทหารฝ่ายเสนาธิการ กองกำลังโก๊ะทูบลอ อยู่ในตำแหน่งระดับที่ 3 ของกองบัญชาการโก๊ะทูบลอ ของนายพลนะเคามวย หลังจากนายพลนะเคามวยป่วย ต้องไปรักษาตัวที่สิงคโปร์ ทำให้พันเอกซานอ่อง ต้องการแสดงศักยภาพเหนือ พลตรีซอมูเซ ที่ถูกวางตัวแทนนายพลนะเคามวย หากเสียชีวิต เพื่อจะก้าวขึ้นมาแทน ด้วยการก่อเหตุกับทหารเมียนมาร์หลายครั้งที่ผ่านมา

ส่วนพันเอกไทเกอร์ เป็นที่รู้จักในแวดวงความมั่นคงฝ่ายไทยในนาม (ผู้พันเสือ) เนื่องจากพันเอกไทเกอร์ทำงานฝ่ายประสานงานระหว่างโก๊ะทูบลอ ดี.เค.บี.เอ.และฝ่ายทหารเมียนมาร์ รวมทั้งฝ่ายไทยมานาน พันเอกไทเกอร์ ยังมีภรรยาเป็นคนไทย และส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่ในพื้นที่ชายแดนไทยคอยเก็บภาษีสินค้าข้ามแดน นอกจากจะถูกทางโก๊ะทูบลอปลดออกจากตำแหน่งแล้ว ทางการเมียนมาร์ ยังได้ออกหมายจับบุคคลทั้งสองด้วย ในข้อหาละเมิดการหยุดยิง และลักลอบวางระเบิดหลายครั้งผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีรายงานข่าว นายพลนะเคามวย ผู้บัญชาการกองกำลังทหารกะเหรี่ยงโก๊ะ-ทู-บลอ ที่ตั้งอยู่แนวชายแดนด้านตรงข้าม อ.พบพระ จ.ตาก ได้ลงนามคำสั่งปลด พันเอกชานอ่อง นายทหารฝ่ายเสนาธิการ กองกำลังโก๊ะทูบลอ และพันเอกไทเกอร์ (หรือที่รู้จักกันในนามผู้พันเสือ) นายทหารฝ่ายประสานงานออกจากตำแหน่ง โดยคำสั่งนี้ได้สั่งการผ่านนายทหารคนสนิท คือ พลตรีซอมูเซ ซึ่งขณะนี้นายพลนะเคามวย ยังรักษาตัวอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ ด้วยโรคมะเร็งหลอดลมและโรคถุงลมโป่งพอง โดยพลตรี ซอมูเซ เป็นรองผู้บัญชาการ กองกำลังโก๊ะทูบลอ ที่รักษาการแทน นายพลนะเคามวย

แหล่งที่มา  :  ไทยรัฐ

Source: ลือ!นายพลนะเคามวย ปลด2นายพันคุมกำลัง ปมยิงรถทหารเมียนมาร์

คนอินเดียไม่ยอมใช้ส้วม

อินเดียถูกมองว่ามีระบบสุขอนามัยที่ย่ำแย่สุดของโลก แม้รัฐบาลทุ่มเงินไปแล้วราว3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ96,000ล้านบาทตั้งแต่มีโครงการสุขอนามัยเมื่อ ปี2529 ขณะที่นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดีประกาศให้ปัญหาขยะมูลฝอยและสุขอนามัยของประชาชนเป็นวาระแห่งชาติในปีแรก ที่เขาดำรงตำแหน่งผู้นำอินเดีย แม้รัฐบาลอินเดียพยายามสร้างความสะอาดมากขึ้น แต่ทีมวิจัยของสหรัฐกับอินเดียพบว่ายังไม่มีการปรับปรุงให้ดีขึ้นโดยเฉพาะ เด็กป่วยด้วยโรคอหิวาต์ยังมีจำนวนมากผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ชาวอินเดียมากถึง 640ล้านคนยังคงขับถ่ายกลางแจ้งโดยไม่ยอมใช้ห้องส้วม แม้ว่าพวกเขาจะมีส้วมอยู่ในบ้านก็ตาม ซึ่งเป็นเพราะว่าพวกเขายังนิยมการขับถ่ายของเสียนอกบ้านสำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงนิวเดลีประเทศอินเดีย เมื่อวันที่10 ต.ค.ว่า ผลการศึกษาฉบับใหม่ที่ตีพิมพ์ลงวารสารการแพทย์แลนเซ็ตระบุว่า การสร้างห้องส้วมในพื้นที่ชนบทของอินเดีย ยังไม่เพียงพอต่อการส่งเสริมด้านสาธารณสุขเนื่องจากประชาชนหลายร้อยล้านคน ยังคงขับถ่ายของเสียกลางแจ้ง ซึ่งทางการอินเดียต้องมองข้ามการสร้างห้องส้วมไปเลยแต่ควรมุ่งให้ความรู้แก่ ประชาชนและการปรับเปลี่ยนนิสัยความเคยชินที่มีมานานหลายร้อยปี รวมไปถึงการที่ผู้คนชอบขับถ่ายอุจจาระและปัสสาวะกลางแจ้ง

แหล่งที่มา  :  เดลินิวส์

Source: คนอินเดียไม่ยอมใช้ส้วม

นายกฯสเปนเยี่ยมโรงพยาบาลรักษาผู้ป่วยอีโบลา

หลายฝ่ายมองการปรากฏตัวของผู้นำสเปนที่โรงพยาบาลแห่งนี้ ว่าเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับทุกฝ่าย ว่ารัฐบาลสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลาในประเทศได้ เนื่องจากข่าวการติดเชื้อของโรเมโรสร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนจำนวนไม่ น้อย ซึ่งกล่าวโทษว่าเป็นความผิดพลาดในนโยบายสาธารณสุขของรัฐบาล โดยราฮอยกล่าวชื่นชมและให้กำลังใจคณะแพทย์และเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลคา ร์ลอสที่ 3 ซึ่งทำงานกันอย่างหนักตลอด 24 ชั่วโมง ในการดูแลโรเมโรและเฝ้าระวังผู้ต้องสงสัยอาจติดเชื้อ

ขณะที่แหล่งข่าว ในโรงพยาบาลคาร์ลอสที่ 3 เผยเรื่องการเตรียมใช้ยาทดลอง "ซีแมปป์" รักษาโรเมโรในเร็ววันนี้ หลังทางการสเปนสามารถวิ่งเต้นจนได้รับยามาจำนวนหนึ่ง ขณะที่มีรายงานว่ายาซีแมปป์เริ่มขาดแคลน เนื่องจากยาที่ผลิตออกมาส่วนใหญ่นำไปใช้ทดลองรักษาผู้ป่วยในภูมิภาคตะวันตก ของทวีปแอฟริกา ซึ่งเป็นพื้นที่แพร่ระบาดรุนแรงในเวลาเดียวกัน องค์การอนามัยโลก ( ฮู ) รายงานจำนวนผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสอีโบลาตั้งแต่เดือนมี.ค. อยู่ที่อย่างน้อย 4,033 ศพ จากจำนวนผู้ติดเชื้อกว่า 8,000 คนสำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมาดริด ประเทศสเปน เมื่อวันที่ 11 ต.ค. ว่าเมื่อวันศุกร์ นายกรัฐมนตรีมาริอาโน ราฮอย ผู้นำสเปน เดินทางไปยังโรงพยาบาลคาร์ลอส ที่ 3 ในกรุงมาดริด สถานที่พักรักษาตัวของนางเทเรซา โรเมโร พยาบาลวัย 44 ปี ซึ่งกำลังล้มป่วยอย่างหนักจากการติดเชื้อไวรัสอีโบลา และกักบริเวณบุคคลใกล้ชิดเธออีกอย่างน้อย 13 คน หนึ่งในนั้นคือสามีของโรเมโรที่ต้องเข้ารับการเฝ้าระวังเป็นครั้งที่ 2 เพื่อให้มั่นใจว่า ไม่ได้ติดเชื้อไวรัสมรณะต่อจากภรรยา

แหล่งที่มา  :  เดลินิวส์

Source: นายกฯสเปนเยี่ยมโรงพยาบาลรักษาผู้ป่วยอีโบลา

ม็อบฮ่องกงรวมพลใหญ่ครั้งใหม่

นายอเล็กซ์ โชว์ ประธานสหพันธ์นักศึกษาฮ่องกง ( เอชเคเอฟเอส ) เผยกำลังอยู่ระหว่างเร่งเตรียมการยกระดับการชุมนุมให้มีความเข้มข้นและ รุนแรงขึ้นอีก หากในอนาคตคณะผู้บริหารยังคงปฏิเสะการเจรจา ขณะที่นายโจชัว หว่อง หัวหน้ากลุ่มสกลาริซึม หนึ่งในแนวร่วมเคลื่อนไหวที่เข้าร่วมการชุมนุมด้วย กล่าวเรียกร้องให้ประชาชนออกมารวมตัวกันตามท้องถนนให้มากที่สุด ด้านสำนักงานตำรวจฮ่องกงออกแถลงการณ์เพียงว่า เจ้าหน้าที่จะเคลื่อนไหวตามกฎหมายเมื่อถึงเวลา "เหมาะสม" แต่แน่นอนไม่มีการะบุอย่างชัดเจนว่า จะเกิดขึ้นเมื่อใด

การกลับมา เตรียมเคลื่อนไหวครั้งใหญ่อีกครั้งของกลุ่มผู้ชุมนุมมีขึ้นหลังคณะผู้บริหาร เกาะฮ่องกงของนายเหลียง ชุน หยิง ประกาศเมื่อวันพฤหัสบดี ยกเลิกการเจรจาผ่านทางตันจากวิกฤติการเมืองร่วมกับแกนนำของกลุ่มผู้ชุมนุม ที่เป็นนักศึกษาที่มีกำหนดเมื่อวันศุกร์ โดยให้เหตุผลเรื่องการที่กลุ่มผู้ประท้วงเตรียมยกระดับมาตรการอารยะขัดขืน ต่อทางการให้มีความรุนแรงมากขึ้น ส้รางความไม่พอใจอย่างรุนแรงให้กับกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งยืนยันจะเดินหน้าการเคลื่อนไหวต่อไป จนกว่าข้อเรียกร้องสำคัญจะได้รับการตอบสนอง นั่นคือการเลือกตั้งอย่างเสรีตามหลักประชาธิปไตยสากล ในปี 2560สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเขตบริหารพิเศษฮ่องกง เมื่อวันที่ 11 ต.ค. ว่าชาวฮ่องกงจำนวนมากออกมาร่วมการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยอีกครั้งเมื่อ วันศุกร์ ทั้งนี้ ผู้ชุมนุมส่วนใหญ่เตรียมความพร้อมสำหรับการปักหลักระยะยาวมากขึ้น ด้วยการนำเต๊นท์ ที่นอนและอุปกรณ์พื้นฐานสำหรับการดำรงชีพมาด้วย

แหล่งที่มา  :  เดลินิวส์

Source: ม็อบฮ่องกงรวมพลใหญ่ครั้งใหม่

โพลชี้คนไทยอยากให้ รมว.ศธ. ยกระดับการศึกษาสู่สากล

ส่วน 5 อันดับของ "นโยบายเร่งด่วน 10 ข้อ" ที่ประชาชนคิดว่าควรเร่งดำเนินงานมากที่สุด พบว่า อันดับ 1 ทบทวนหลักสูตร การเรียนการสอน เพื่อให้ผู้เรียนพัฒนากระบวนการคิด วิเคราะห์ มีเวลาทำกิจกรรมเพื่อพัฒนา 75.27% อันดับ 2 ปัญหาความรุนแรงและเหตุทะเลาะวิวาทของนักศึกษาอาชีวศึกษาอย่างเป็นระบบและ ต่อเนื่อง 67.50% อันดับ 3 สร้างค่านิยม ปรับภาพลักษณ์อาชีวะเพื่อจูงใจให้พ่อแม่และผู้ปกครองส่งเสริมให้บุตรหลาน เข้ารับการศึกษา 62.14% อันดับ 4 ปรับระบบการบรรจุครูและการรับรองมาตรฐานวิชาชีพครู การเพิ่มโอกาสให้บุคลากรที่มีความรู้เข้ามามากขึ้น 60.93% อันดับ 5 สำรวจช่วยเหลือเยียวยา รวมทั้งฟื้นฟูสถานศึกษา และผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์อุทกภัย 58.94%

ทั้งนี้ สิ่งที่ประชาชนอยากบอก "รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ" คนใหม่ ได้แก่ อันดับ 1 ควรมีการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนให้ทันสมัย มีประสิทธิภาพ ได้มาตรฐานสากล 73.66% อันดับ 2 เน้นการผลิตครูและบุคลากรทางการศึกษาที่มีคุณภาพ มีความรู้ความสามารถ และเป็นครูอย่างแท้จริง 71.16% อันดับ 3 เร่งแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ความไม่เท่าเทียมทางการศึกษาของเด็กโดยเฉพาะในเมืองกับนอกเมือง 68.22% อันดับ 4 เน้นให้เด็กได้คิด เรียนรู้และฝึกปฏิบัติด้วยตนเองมากกว่าการท่องจำ 66.67% อันดับ 5 ปราบปรามการทุจริต ความไม่โปร่งใสในแวดวงการศึกษา เช่น แป๊ะเจี๊ยะ การโยกย้ายตำแหน่ง เป็นต้น 61.83%

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า "สวนดุสิตโพล" มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ เกี่ยวกับนโยบาย พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) คือ "5 นโยบายทั่วไป และ 7 นโยบายเฉพาะ" ซึ่งสามารถใช้เวลาดำเนินการให้เห็นผลได้ภายใน 1 ปี และ "10 นโยบายเร่งด่วน" ที่จะต้องทำให้เห็นความเปลี่ยนแปลงใน 3 เดือน โดยการสำรวจได้สะท้อนความคิดเห็นของประชาชน จำนวน 1,158 คน ระหว่างวันที่ 2-8 ต.ค.57

โดย 5 อันดับ "นโยบายทั่วไป" ที่ประชาชนคิดว่าควรเร่งดำเนินงานมากที่สุด พบว่า อันดับ 1 การพัฒนาระบบการจัดการศึกษาและหลักสูตร จะต้องยกระดับความรู้ให้มีคุณภาพและได้มาตรฐานสากล 72.61% อันดับ 2 การสร้างโอกาสทางการศึกษาในสังคมไทย จะต้องให้ความสำคัญกับการสร้างความเท่าเทียมและเป็นธรรม 71.37% อันดับ 3 การส่งเสริมและยกสถานะของครูจะต้องให้ความสำคัญกับการสร้างเสริมให้วิชาชีพ ครูเป็นวิชาชีพชั้นสูงในสังคม 57.43% อันดับ 4 การพัฒนาและปฏิรูปการศึกษาต้องยึดหลักการมีส่วนร่วม กระจายอำนาจ และความต้องการของทุกภาคส่วน 56.21% และอันดับ 5 การบริหารและการปฏิบัติราชการกระทรวงในทุกระดับ จะต้องบูรณาการและให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน 47.30%

สำหรับ 5 อันดับ "นโยบายเฉพาะ 7 นโยบาย" ที่ประชาชนคิดว่าควรเร่งดำเนินงานมากที่สุด พบว่า อันดับ 1 การมุ่งเน้นการผลิตและพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาให้มีคุณภาพ 72.76% อันดับ 2 การพัฒนาการศึกษาและสนับสนุนการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ภาคใต้ (เช่น ค่าตอบแทน ความปลอดภัย) 61.38% อันดับ 3 การพัฒนาศักยภาพ การแข่งขันและสนับสนุนการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน 59.38% อันดับ 4 การเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี พ.ศ. 2558 และการดำรงความต่อเนื่อง 56.44% อันดับ 5 การพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษาให้ทันสมัย 55.41%

แหล่งที่มา :  ไทยรัฐ

Source: โพลชี้คนไทยอยากให้ รมว.ศธ. ยกระดับการศึกษาสู่สากล

เตือน จชต. เฝ้าระวังเหตุป่วน วันสำคัญเชิงสัญลักษณ์

ด้านหน่วยข่าวกรองในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ หลังจากได้มีการแจ้งเตือนให้เฝ้าระวังรถยนต์จำนวน 9 คัน ที่ถูกขโมยไปว่า คนร้ายอาจจะนำไปประกอบเป็นวัตถุระเบิดเพื่อนำมาก่อเหตุในช่วงเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งภายในเดือนนี้ ซึ่งมีวันสำคัญเชิงสัญลักษณ์หลายเหตุการณ์ เช่น วันสถาปนากองกำลังติดอาวุธบีอาร์เอ็น, วันสถาปนาขบวนการพูโล ตรงกับวันที่ 12 ตุลาคม, เหตุการณ์ตากใบ 26 ตุลาคม และเหตุระเบิดบนเกาะบาหลี โดยให้มีการตั้งจุดตรวจจุดสกัดให้แน่นหนาขึ้น และหมุนเวียนกำลังครอบคลุมทุกพื้นที่ สำรวจท่อลอดที่อาจฝังระเบิด และการปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย

ด้าน นายสามารถ วราดิศัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ได้สั่งการไปยังนายอำเภอทุกอำเภอและกำนันผู้ใหญ่บ้าน ให้เฝ้าระวังจับตามองความเคลื่อนไหวของแนวร่วมในพื้นที่ระยะนี้ เนื่องจากว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงมีการเคลื่อนไหวโดยการลอบทำร้ายเจ้าหน้าที่รัฐมากขึ้น โดยเฉพาะเหตุลอบยิง ผู้ใหญ่บ้าน ม.3 ต.สะเอ๊ะ อ.กรงปินัง เมื่อวานนี้ และขอให้มีการตั้งจุดตรวจจุดสกัดภายในเส้นทางเข้าออกหมู่บ้าน โดยใช้กำลังของอาสาสมัครรักษาดินแดน ร่วมกับกำลังชุดป้องกันหมู่บ้านด้วยเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 10 ต.ค. ที่ห้องประชุมชั้น 2 ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ อ.เมือง จ.ยะลา พล.ต.ท.อนุรุต กฤษณะการะเกตุ รองผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (รักษาราชการแทน ผบช.ศชต.) ได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องเข้าประชุมเพื่อสรุปผลการ ปฏิบัติงาน ซึ่งเป็นการประชุมบริการประจำเดือน ต.ค.57 พร้อมทั้งได้เน้นย้ำ ในการเฝ้าระวังเหตุร้ายและการปฏิบัติในการป้องกันเหตุร้ายพร้อมการปฏิบัติใน ด้านเชิงรุกต่อผู้ก่อเหตุรุนแรงอีกด้วย

แหล่งที่มา  :  ไทยรัฐ

Source: เตือน จชต. เฝ้าระวังเหตุป่วน วันสำคัญเชิงสัญลักษณ์

ฝึกปฏิบัติการแพทย์'ฉุกเฉิน'อาสาสมัครฯลดการสูญเสีย

นายสมาน ยังบอกด้วยว่า หลักสูตรอาสาสมัครฉุกเฉินการแพทย์ เป็นหลักสูตรที่คิดค้นรวบรวมความรู้ด้านทฤษฎีและปฏิบัติ รวมถึงทักษะต่างๆ จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่ออบรมอาสาสมัครและเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ ในระดับชุมชน โดยจะเน้นการมีส่วนร่วมของชุมชนเพื่อให้ชุมชนสามารถดูแลตัวเองในระยะวิกฤติ หรือมีความฉุกเฉินทางการแพทย์ และเน้นความถูกต้องรวดเร็วในการลำเลียงขนย้ายผู้เจ็บป่วยมากกว่าการรักษา เบื้องต้นในจุดเกิดเหตุ รวมถึงสามารถเชื่อมโยงกับหน่วยบริการการแพทย์ฉุกเฉินในระดับที่สูงกว่าได้ อย่างมีประสิทธิภาพ และจัดการในการคัดแยกผู้เจ็บป่วยฉุกเฉินในกรณีเกิดสาธารณภัยได้

หลักสูตรดังกล่าวใช้เวลาในการอบรมภาคทฤษฎีและฝึกภาคปฏิบัติจริงในพื้นที่รวม 24 ชั่วโมง ผู้เข้ารับการฝึกอบรมต้องมีเวลาในการอบรมไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 และต้องผ่านการประเมินทั้งเรื่องของทฤษฎีความรู้ต่างๆ ไม่น้อยกว่าร้อยละ 60 และผ่านเกณฑ์การฝึกภาคปฏิบัติทุกทักษะการเรียนรู้ตลอดการฝึกเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ เพื่อให้การปฏิบัติเป็นไปในมาตรฐานเดียวกัน

สำหรับการเรียนรู้ของผู้เข้ารับการอบรมปรากฏว่า ผลตอบรับต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ได้รับความรู้ความเข้าใจในหลักการวิธีการให้ความช่วยเหลือประชาชนในภาวะ สถานการณ์ต่างๆ มากขึ้น ทำให้มีความคล่องตัว ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่รู้ว่าเวลาเกิดเหตุจริงจะทำอย่างไรก่อนหลัง ซึ่งทุกอย่างต้องทำแข่งกับเวลาเป็นเรื่องสำคัญที่สุด เพราะเป็นความเป็นความตายของผู้ประสบเหตุ จะต้องไม่ประมาทและทำงานเป็นทีม รวมถึงจะต้องมีใจรักที่จะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆระบบการแพทย์ฉุกเฉินเป็นการช่วยเหลือเบื้องต้นภายหลังมีผู้บาดเจ็บ หรือเกิดอุบัติเหตุฉุกเฉิน ที่ต้องการความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งวิธีการช่วยเหลือเป็นส่วนสำคัญในการลดการสูญเสียหรือภาวะพิการของผู้บาด เจ็บ ทางมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จึงมีนโยบายพัฒนาศักยภาพอาสาสมัครมูลนิธิช่วยเหลือผู้ป่วย ผู้บาดเจ็บฉุกเฉิน ประจำปี 2557 โดยมีผู้เข้าร่วมอบรมสัมมนาครั้งนี้จำนวนทั้งสิ้น 400 คน ในการฝึกอบรมโครงการอาสาสมัครฉุกเฉินการแพทย์ หลักสูตรการแพทย์ฉุกเฉิน (First Responder) และการให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยหรือผู้บาดเจ็บอย่างมืออาชีพ โดยมีคณะแพทย์พยาบาลผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านการแพทย์ฉุกเฉินจากโรงพยาบาลหัว เฉียว มาให้ความรู้เพิ่มทักษะในการปฏิบัติหน้าที่

นายสมาน โอภาสวงศ์ ประธานกรรมการมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ระบุว่า โครงการฝึกอบรมหลักสูตรอาสาสมัครฉุกเฉินการแพทย์ เป็นหนึ่งในนโยบายที่มูลนิธิให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือสังคม โดยทางมูลนิธิได้เริ่มเปิดอบรมให้ความรู้แก่อาสาสมัครมาตั้งแต่ปี 2556 ที่ผ่านมาและทำอย่างต่อเนื่องมาตลอด เพราะการเจ็บป่วยฉุกเฉินเป็นภาวะวิกฤติทางสุขภาพ ซึ่งถ้าหากเกิดขึ้นแล้วไม่ได้รับการช่วยเหลือด้วยวิธีการที่ถูกต้องในเวลา ที่รวดเร็ว อาจทำให้เกิดการสูญเสียหรือก่อให้เกิดความพิการ ดังนั้น การดูแลเบื้องต้นเป็นสิ่งจำเป็นและสำคัญที่สุด

แหล่งที่มา  :  คมชัดลึก

Source: ฝึกปฏิบัติการแพทย์'ฉุกเฉิน'อาสาสมัครฯลดการสูญเสีย

สลด!ทิ้งทารกแรกเกิดข้างป้ายรถเมล์

ต่อมานายจักรพงษ์ โพธิ์ทอง เจ้าหน้าที่อาสามูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบกับเจ้าหน้าที่ รปภ.ของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง แจ้ง ว่าขณะที่ตนเข้าเวรทำงานอยู่ได้ยินเสียงเด็กร้องมาจากฝั่งตรงข้ามถนน จึงเดินข้ามถนนไปดูก็พบว่ามีเด็กห่อผ้าอ้อมวางอยู่บนรถเข็นข้างป้ายรถประจำ ทาง จึงอุ้มมาไว้ในที่สว่างหน้าปั๊มน้ำมัน ก่อนแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบจากการตรวจสอบพบว่า เป็นเด็กทารกเพศหญิแรกเกิดได้ประมาณ 2 สัปดาห์ มีเพียงผ้าอ้อมห่อตัวอยู่ และที่ใบหน้ามีตุ้มคล้ายยุงกัด เจ้าหน้าที่ป่อเต็กตึ๊งจึงนำเด็กส่ง รพ.ปทุมธานี เพื่อให้แพทย์ดูอาการ แต่ตอนนี้เด็กปลอดภัยแล้ว ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่า แม่เด็กน่าจะเป็นเด็กสาวใจแตกและเมื่อลูกเกิดมาแล้วไม่สามารถเลี้ยงดูได้จึง นำมาทิ้ง และจะได้ติดตามแม่ใจยักษ์มาดำเนินคดีต่อไป       วันที่ 10 ต.ค.57 เมื่อเวลา 01.30 น.  ศูนย์วิทยุ สภ.เมืองปทุมธานี ได้รับแจ้งเหตุพบเด็กทารกถูกนำวางทิ้งไว้บนรถเข็นขายของข้างป้ายรอรถประจำ ทาง ถนนปทุม-นนทบุรี ต.บางเดื่อ อ.เมือง จ.ปทุมธานี จึงประสานให้เจ้าหน้าที่ป่อเต็กตึ๊งไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ บริเวณปั้มบางจาก

แหล่งที่มา  :  คมชัดลึก

Source: สลด!ทิ้งทารกแรกเกิดข้างป้ายรถเมล์

ช่วยลูกเรือประมงในอินโดกลับไทย

เมื่อวันที่ 9 ต.ค. ที่กรมการกงสุล ถนนแจ้งวัฒนะ&nbsp นายธงชัย ชาสวัสดิ์ อธิบดีกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ แถลงภายหลังการประชุมร่วมกันระหว่างกรมการกงสุล กระทรวงแรงงาน กองทัพเรือ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และสมาคมการประมงนอกน่านน้ำไทย เพื่อหาวิธีการช่วยเหลือลูกเรือประมงชาวไทยที่ตกทุกข์ได้ยากในประเทศ อินโดนีเซีย เดินทางกลับประเทศไทย ว่า ที่ประชุมเห็นร่วมกันว่ามีความจำเป็นต้องบูรณาการการจ้างงานทำประมงนอกน่าน น้ำในเรื่องต่าง ๆ รวมทั้งวิธีการดูแลและเรื่องของกฎระเบียบ ทั้งนี้จะมีการเพิ่มทางเลือกให้ลูกเรือที่ตกทุกข์ได้ยาก สามารถเดินทางกลับเมืองไทยได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ด้วยวิธีการโดยสารกลับทางเรือแทนเครื่องบิน ซึ่งลูกเรือจะมีค่าใช้จ่ายด้วยการรับสภาพหนี้กับรัฐในการช่วยเหลือเป็นเงิน 30,000 บาท ยกเว้นลูกเรือที่ได้รับการตรวจสอบแล้วพบแน่ชัดว่าเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ จะถูกพากลับด้วยการเดินทางด้วยเครื่องบินเพื่อให้กลับประเทศได้อย่างปลอดภัย โดยไม่เสียเงิน ทั้งนี้จะมีเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ให้การคุ้มครองดูแลจนถึงการขึ้นเครื่องบิน

นายธงชัย กล่าวอีกว่า ลูกเรือที่ตกทุกข์ได้ยากจะต้องแจ้งขอความช่วยเหลือในการขอเดินทางกลับประเทศ ไทย ผ่านทางเจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(ตม.) อินโดนีเซียที่ประจำในท้องถิ่นนั้น ๆ ที่ลูกเรืออาศัยอยู่ เพื่อให้แจ้งมายังสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เพื่อที่ทางการไทยจะได้ประสานให้ความช่วยเหลือในทันที จากนั้นลูกเรือจะต้องผ่านการตรวจพิสูจน์เบื้องต้นว่ามีสัญชาติไทยจริงหรือ ไม่ และเป็นแรงงานที่ถูกหลอกลวงเท่านั้น สำหรับการประเมินเบื้องต้น ขณะนี้เราได้ช่วยเหลือลูกเรือไทยกลับมาประเทศไทยแล้ว จำนวน 6 คน และมีผู้ที่อยู่ในกระบวนการเตรียมส่งกลับ อีก 4 คน รวมถึงมีผู้ที่ทราบชื่อแล้วและอยู่ระหว่างการตรวจสอบความสมัครใจเดินทางกลับ ประเทศ 11 คน อย่างไรก็ตาม เราคาดว่ายังคงมีลูกเรือที่ตกทุกข์ได้ยากในอินโดนีเซีย ประมาณ 35 คน ส่วนจะเข้าข่ายการค้ามนุษย์หรือไม่นั้น เราต้องรอการประเมินและตรวจสอบรายละเอียดโดยสถานเอกอัครราชทูตไทยฯ และกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ก่อนจะมีการสรุปตัวเลขที่ชัดเจนต่อไป.

รถร่วมทวงขอขึ้นค่าโดยสาร

นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวหลังพบตัวแทนสมาคมพัฒนารถร่วมบริการเอกชนและชมรมผู้ประกอบการรถโดยสาร ประจำทางหมวด 4 เอกชนแห่งประเทศไทยว่า ภาคเอกชนได้ยื่นหนังสือขอให้กระทรวงคมนาคม พิจารณาขึ้นค่าโดยสารรถสองแถวและ รถร่วมเอกชน 2-3 บาท เพื่อลดภาระขาดทุนสะสม หลังจากที่ผ่านมา ถูกรัฐบาลตรึงค่าโดยสารมาตั้งแต่ปี 55 ประกอบกับราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงถูกผลกระทบจากนโยบายจัดระเบียบรถจักรยานยนต์รับจ้าง ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ที่ทำให้จำนวนรถฯ เข้าสู่ระบบมากขึ้น

“เรา ยังตอบไม่ได้ว่าจะให้ปรับราคาหรือไม่ จะไปหารือกับกรมการขนส่งทางบก เพื่อศึกษาข้อเท็จจริงก่อน แต่ยอมรับว่าต้นทุนผู้ประกอบการสูงขึ้น เช่น ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง จำนวนรถตู้ และรถมอเตอร์ไซค์ ที่วิ่งให้บริการเมื่อได้ข้อสรุปจะนำเสนอให้ รมว.คมนาคมพิจารณาอีกครั้ง”

ส่วน กรณีผู้ประกอบการเกรงว่าการจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวี 3,183คัน ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จะเข้ามาซ้ำเติมการแข่งขันกับรถเอกชนนั้น ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการนำเข้ารถเมล์มาเพิ่ม เพราะเป็นการนำรถใหม่เข้ามาทดแทนรถเก่า ที่จะปลดระวาง ซึ่งไม่ได้ทำให้จำนวนรถเมล์เพิ่มขึ้นตามที่กังวล

นายวิทยา เปรมจิตร์ นายกสมาคมพัฒนารถร่วมบริการเอกชน (รถร่วม ขสมก.) เปิดเผยว่า รถร่วมขสมก.ประสบปัญหาขาดทุนอย่างหนัก หลังรัฐบาลไม่ได้ให้ปรับขึ้นค่าโดยสารมา 10 ปี ทั้งที่ขณะนี้ต้นทุนค่าแรงงานเพิ่มเป็นวันละ300 บาทแล้วเบื้องต้นต้องการให้กระทรวงคมนาคมช่วยเหลือจัดหาแหล่งเงินกู้ ดอกเบี้ย ต่ำ 500 ล้านบาท ให้ผู้ประกอบการนำมาเสริมสภาพคล่อง ซ่อมแซมรถให้บริการต่อได้ รวมทั้งเสนอขอขึ้นค่าโดยสารในเขตกรุงเทพมหานคร ประกอบด้วย รถสองแถว ขอปรับจากคนละ 7 บาท เป็น 10 บาท รถโดยสารธรรมดา ปรับจาก 8 บาท เป็น 10 บาท และรถโดยสารปรับอากาศ ปรับจากค่าโดยสารตามระยะทาง 12-24 บาท เป็น 14-26 บาท

“ขณะนี้ค่า โดยสารที่เก็บเป็นราคาที่ต่ำกว่าทุน เช่น รถร้อนต้นทุนอยู่ที่ 9.60 บาท แต่เก็บค่าโดยสารเพียง 8 บาท ซึ่งถูกที่สุดในโลก ทำให้ผู้ประกอบการรถร่วม 30% จากทั้งหมด 3,800 คัน ต้องหยุดวิ่งไปแล้ว เพราะทนภาระขาดทุนไม่ไหว หากสิ้นปีนี้ไม่ได้รับอนุมัติให้รถร่วมขสมก.ปรับขึ้นราคา รถร่วมคงจำเป็นต้องหยุดวิ่งในบางเส้นทาง”

แหล่งที่มา  :  เดลินิวส์

Source: รถร่วมทวงขอขึ้นค่าโดยสาร

แลนด์มาร์คใหม่กินดื่มสไตล์นิวยอร์ก

การสร้างสรรค์ร้านอาหารสุดเก๋ได้แรงบันดาลใจมาจากการใช้ชีวิตตามแบบฉบับ ชาวนิวยอร์ก ที่ผู้คนทำงานอย่างหนักและใช้ชีวิตเร่งรีบ เมื่อถึงเวลาส่วนตัวจึงมองหาสถานที่ที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ที่สามารถพบปะสังสรรค์กับเพื่อนฝูงได้สนุกสนาน แต่ไม่ละทิ้งความมีสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ของสถานที่ รวมถึงอาหารชั้นเลิศด้วยวัตถุดิบที่มาจากทุกมุมโลก โดยมีเมนูแนะนำหลากหลาย อาทิ มัตซึ ซาชิมิ เซ็ท ประกอบด้วย ปลาแซลมอน ทูน่า ฮามาจิ ซาบะ กะพงขาว หอยเชลล์ กุ้งหวาน กินกับวาซาบิทั้งแบบดองและแบบสด, โรลข้าวปั้นไส้ปลาแซลมอน ห่อฟัวกราส์ชิ้นพอดีคำที่กริลล์มาหอมได้ที่ โรยหน้าด้วยไข่กุ้งและน้ำมันเห็ดทรัฟเฟิล กิน  กับซอสหวานและมายองเนส, พาสต้าซอสครีมไข่กุ้ง ราด ด้วยไข่ออนเซนสไตล์ฟิวชั่น เป็นต้น

ตอกย้ำการใช้ชีวิตสไตล์ นิวยอร์ก คณชัย เบญจรงคกุล ช่างภาพหนุ่มสุดฮอต ผู้เคยใช้ชีวิตในนิวยอร์กเผยความประทับใจว่า  เป็นร้านที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ได้ครบ โดยเฉพาะการตกแต่ง ที่ให้ความใส่ใจในทุกรายละเอียด ตั้งแต่การแบ่งสัดส่วนพื้นที่ในร้านให้มีความหลากหลาย ทั้งพื้นที่ที่เป็นส่วนตัว โซนที่เปิดสำหรับชอบความสนุกคึกคัก และโซนเอาต์ดอร์ ด้านผู้จัดละครหน้าใหม่ที่ชอบเสาะหาของอร่อย สิทธิโชค เปล่งพานิช บอกว่า  อาหารอร่อยทุกจานตั้งแต่เมนูเรียกน้ำย่อยจนถึงของหวาน หลังชิมรสชาติแล้ว รู้เลยว่าแต่ละเมนูผ่านการคิดมาแล้ว เพราะวัตถุดิบของญี่ปุ่นและตะวันตกมีมาก แต่เชฟสามารถเลือกมาปรุงด้วยกันได้อย่างลงตัว ไม่ขาด ไม่เกิน ไม่รู้สึกมากเกินไป ให้ความรู้สึกเต็มอิ่มในรสชาติอย่างพอดีในแต่ละจานได้รับการตอบรับอย่างดีสำหรับการเปิดตัวสถานที่แฮงก์เอาต์แห่งใหม่ในซอยอารี ย์ “มาร์ลิน คาเฟ่” (Marlin Cafe ) ร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์ใหม่ที่นำความเป็นบาร์เข้ามาผสมผสาน สะท้อนผ่านดีไซน์ร้านและอาหาร โดย เอ๊ด-อกนิษฐ์ วิเชียรเจริญ ผู้ร่วมก่อตั้งและหนึ่งในผู้บริหารร้าน ได้ตกแต่งร้านแบบอินดัสเตรียล โชว์ความดิบของโครงสร้างร้านทั้งคานเหล็ก ผนังอิฐสีส้มตัดด้วยโทนสีดำขรึม ๆ เบรกให้รู้สึกผ่อนคลายด้วยต้นไม้ตามมุมต่าง ๆ รวมถึง กระเช้าต้นไม้ในห้องคล้ายเรือนกระจกที่เปิดออกไปยังระเบียงภายนอกได้ เหมาะสำหรับผู้ที่มองหาสถานที่สังสรรค์ยามค่ำคืนกับกลุ่มเพื่อนไลฟ์สไตล์ เดียวกัน

แหล่งที่มา  :  เดลินิวส์

 

Source: แลนด์มาร์คใหม่กินดื่มสไตล์นิวยอร์ก

ทวิตเตอร์ยื่นฟ้องรัฐบาลสหรัฐกรณีกฎหมายควบคุม

อย่างไรก็ตามบริษัททวิตเตอร์ระบุด้วยความหวังว่าบริษัทเทคโนโลยีอื่นๆจะ ดำเนินรอยตามทวิตเตอร์ในการฟ้องร้องหน่วยงานรัฐบาลและมีความซื่อสัตย์ต่อ ลูกค้าเกี่ยวกับข้อมูลของพวกเขา ทั้งนี้บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีหลายแห่งกำลังต่อสู้กับการร้องขอของ รัฐบาลสหรัฐเกี่ยวกับข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ รวมทั้งไมโครซอฟต์, กูเกิล,เฟซบุ๊คและดรอปบ็อกซ์ กสำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตันประเทศสหรัฐ เมื่อวันที่ 8ต.ค.ว่า บริษัททวิตเตอร์เป็นโจทก์ยื่นฟ้องรัฐบาลสหรัฐ เนื่องจากภายใต้กฎหมายปัจจุบันทวิตเตอร์ไม่สามารถเผยข้อมูลกรณีที่รัฐบาล ร้องขอข้อมูลของผู้ใช้ที่เกี่ยวพันกับความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งทวิตเตอร์อ้างว่า เป็นการละเมิดเสรีภาพในการแสดงความเห็น และการยื่นฟ้องก็เพื่อบังคับให้รัฐบาลดำเนินการอย่างโปร่งใสเกี่ยวกับการ ร้องขอข้อมูลส่วนตัว

แหล่งที่มา  :  เดลินิวส์

Source: ทวิตเตอร์ยื่นฟ้องรัฐบาลสหรัฐกรณีกฎหมายควบคุม

ชง 1.8 พันล้านสร้างสนามบินใหม่ “เบตง”

สำหรับการเวนคืนที่ดินนั้นได้ดำเนินการไปแล้ว 98% คาดไม่มีปัญหาอะไร เพราะที่ดินแปลงสุดท้ายที่ได้ขอให้ท้องถิ่นไปเจรจากับเจ้าของที่ดินได้ข้อ สรุปที่จะขายให้กับกรมการบินพลเรือนแล้ว จะเหลือเพียงแค่การหาพื้นที่ใหม่เพื่อให้นกที่อยู่ในพื้นที่ไปอยู่อาศัยแทน เท่านั้นส่วนการก่อสร้างท่าอากาศยานแม่สอด จ.ตาก จะของบประมาณกลางปี 58 ประมาณ 400 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงให้รองรับผู้โดยสารเพิ่มเป็น 1 แสนคนต่อปี จากปัจจุบันรองรับได้ 4 หมื่นคนต่อปี โดยจัดซื้อที่ดินเพิ่มอีก 300 ไร่ และขยายรันเวย์จาก 1,500 เมตร เป็น 2,100 เมตร คาดก่อสร้างได้ประมาณกลางปี 59 และเปิดให้บริการปี 60“กรมฯได้รับงบ ประมาณเพื่อจัดซื้อที่ดิน มา 98 ล้านบาท แต่พอเจ้าของที่ดินรู้ว่าจะซื้อที่ดินเพื่อขยายสนามบิน ก็เพิ่มราคาขึ้น อีก 5 เท่าของราคาประเมิน ดังนั้นกรมฯ คงจะใช้วิธีออกเป็น พรฎ.เวนคืน เพื่อนำที่ดินดังกล่าวมาก่อสร้างสนามบินแทนการเจรจา”

รายงานข่าวจากกรมการบินพลเรือน เปิดเผยถึงกรณีกระทรวงคมนาคมเตรียมปรับปรุง และก่อสร้างสนามบินภูมิภาค 6 แห่ง เพื่อรองรับการเชื่อมต่อกับเขตเศรษฐกิจพิเศษว่า กรมฯ เตรียมของบประมาณกลางปี 58 ประมาณ 1,800 ล้านบาท เพื่อใช้ในการก่อสร้างท่าอากาศยานเบตง จังหวัดยะลา หลังจากโครงการนี้ได้ผ่านรายงานวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) แล้ว โดยค่าก่อสร้างจะแบ่งงานโยธา 1,400 ล้านบาท งานก่อสร้างอาคารผู้โดยสาร 400 ล้านบาท มีขนาดรันเวย์ยาว 1,800 เมตร คาดจะก่อสร้างเสร็จและเปิดให้บริการได้ปี 61 รองรับผู้โดยสารได้ 3 แสนคนต่อปี

“กรมฯ ได้จัดทำเงื่อนไขการประกวดราคา (ทีโออาร์) เสร็จนานแล้ว หากได้รับการอนุมัติ ก็เดินหน้าประกวดราคาได้ทันที แต่อาจจะต้องทบทวนตัวเลขราคากลางอีกเล็กน้อย โดยการก่อสร้างสนามบินแห่งนี้ เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์การเชื่อมโยงทางอากาศ เพื่อรองรับรับการเปิดเสรีอาเซียนด้วย หลังจากที่ผ่านมา การดำเนินงานล่าช้ากว่ากำหนด1-2 ปี”

แหล่งที่มา  :  เดลินิวส์

Source: ชง 1.8 พันล้านสร้างสนามบินใหม่ “เบตง”

ปิดหูปิดตากูเกิล รอบรู้ไอทีรอบโลกเทคโนโลยี

ในตอนแรก AEPD ของสเปนก็มีคำสั่งให้กูเกิลลบลิงก์เว็บไซต์ดังกล่าวออกจากผลการสืบค้นเสีย แต่ในส่วนของข้อมูลที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ต้นตอของหนังสือพิมพ์ข่าวนั้นยังคง อยู่เหมือนเดิม เพราะเป็นการเผยแพร่ข้อมูลโดยชอบด้วยกฎหมาย เมื่อเรื่องเป็นเสียอย่างนี้แล้ว แน่นอนครับว่าเว็บไซต์สืบค้นสัญชาติอเมริกันที่เน้นความอิสระเสรีของข้อมูล อย่างกูเกิลมีหรือจะยอมง่าย ๆ โดยกูเกิลได้ทำการฟ้องเพิกถอนคำสั่งของ AEPD ต่อศาลยุติ
ธรรมแห่งสหภาพยุโรป โดยให้เหตุผลแย้งว่ามนุษย์เราทุกคนมีสิทธิในการรับรู้ข้อมูลได้เช่นเดียวกัน

ท้าย ที่สุดแล้วในปี ค.ศ. 2014 นี้เอง ศาลยุติธรรมแห่งสหภาพยุโรปได้อ้างบทบัญญัติในกฎหมายสิทธิมนุษยชนของยุโรป เรื่องสิทธิในการถูกลืม ซึ่งได้ถูกเสนอเป็นแนวทางปฏิบัติไว้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2012 ใจความสำคัญว่า “ข้อมูลเก่า ข้อมูลที่ผิดพลาด หรือ ข้อมูลที่ไม่จำเป็น สมควรที่จะถูกลบออกจากระบบการค้นหาหากบุคคลที่เกี่ยวข้องร้องขอ” อ้างอิงจากแนวทางนี้ศาลจึงมีคำสั่งให้กูเกิลลบลิงก์การค้นหาที่ไปเจอข้อมูล หนี้สินของหนุ่มสเปนคนนี้ออกเสียจากผลการสืบค้น ถือเป็นชัยชนะของกลุ่มคนที่อยากปกปิดพฤติกรรมในอดีตของตนในยุโรปให้รอดพ้น จากระบบค้นหาออนไลน์ที่มีหูตาอย่างกับสับปะรดอย่างกูเกิลเลยล่ะครับ
ยิ่ง เทคโนโลยีวิ่งเร็วเท่าไหร่ ยิ่งมันเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเรามากเท่าไหร่ คนที่ต้องวิ่งไล่กวดเทคโนโลยีให้ทันก็ไม่ได้จำกัดแค่กลุ่มคนในวิชาชีพสาขา วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีแต่เพียงอย่างเดียวแล้วนะครับ แต่ไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจการค้า นักการธนาคาร ไม่เว้นแม้แต่ศาลสถิตยุติธรรมเอง ก็จำต้องออกแรงวิ่งเพื่อลดความเหลื่อมล้ำระหว่างเทคโนโลยีที่ล้ำหน้ากับขนบ ปฏิบัติหรือกฎหมายข้อบังคับที่อาจล้าหลัง ไม่ทันต่อพลวัตของเทคโนโลยีและสังคมโลกที่เปลี่ยนไป

เพราะในท้ายที่ สุดแล้วกฎหมายหรือข้อบังคับใดที่ฝืนเหตุและผล ดึงดันยืนกรานที่จะต่อต้านพลวัตของโลก ก็รังแต่จะต้องล้มหายตายจากไป หรือ แม้มีอยู่แต่ไม่สามารถบังคับใช้ได้จริงก็เท่านั้นเองเมื่อเร็ว ๆ นี้ผมได้มีโอกาสเดินทางไปเข้าร่วมงานประชุมวิชาการที่ประเทศสเปนครับ พูดถึงสเปนแล้วคุณผู้อ่านหลายคนอาจจะนึกถึงแบรนด์เสื้อผ้าชื่อดังก้องโลก อย่างซาร่า ฟุตบอลลาลีกาสเปน หรือ ประเพณีวิ่งวัวกระทิง แต่ถ้าพูดถึงในมิติด้านเทคโนโลยี สเปนถือเป็นอีกประเทศหนึ่งในยุโรปที่มีโครงสร้างพื้นฐานทางด้านสื่อสารที่ดี เยี่ยมเลยล่ะครับ ผมเดินไปย่านต่าง ๆ เห็นป้าย 4G เต็มไปหมด ไปนั่งร้านอาหารในเมืองไหนก็มีสัญญาณไวไฟให้ต่อ แถมยังมีแบรนด์อีคอมเมิร์ซอย่างบริษัทพลิวาเรีย (Privalia) ที่ใช้เศรษฐกิจดิจิตอลสร้างสรรค์ ในการสร้างเม็ดเงินหลักหมื่นล้านบาทได้ภายในเวลาไม่ถึง 10 ปี หรืออย่างบริษัทเทเลโฟนิก้า (Telefonica)บริษัทสื่อสารโทรคมนาคมของสเปนก็มีขนาดใหญ่ถึงขนาดได้รับการจัด อันดับให้เป็นที่หกของโลกเลยทีเดียว

วันนี้ผมมีเรื่องเล่าน่าสนใจ เกี่ยวกับประเทศสเปนที่อาจเปลี่ยนโฉมการค้าขายและการสืบค้นในโลกออนไลน์ไป ทั่วทั้งยุโรปเลยล่ะครับ เรื่องนี้เริ่มขึ้นเมื่อ 4 ปีก่อน หนุ่มชาวสเปนรายหนึ่งได้ยื่นข้อร้องเรียนต่อหน่วยงานคุ้มครองข้อมูลส่วน บุคคลของสเปน (AEPD) ว่าเขาได้ลองนำชื่อของตนเองไปค้นในเว็บไซต์กูเกิล ผลการสืบค้นปรากฏลิงก์เว็บไซต์ข้อมูลเกี่ยวกับการประกาศขายทอดตลาดทรัพย์สิน ของเขาเพื่อชำระหนี้ ซึ่งถูกตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว ว่าง่าย ๆ ก็คือ หนุ่มคนนี้เขาไม่พอใจครับ ที่เวลาผ่านมาเป็นสิบปีแล้ว แต่ข้อมูลครั้งอดีตสมัยเป็นหนี้สินของเขายังอุตส่าห์ถูกกูเกิลขุดคุ้ยเจอได้ ทำให้ใครต่อใครก็สามารถเอาชื่อของเขามาสืบค้นเข้าถึงข้อมูลที่เจ้าตัวไม่ ต้องการเปิดเผยต่อสาธารณะได้อย่างง่ายดายแค่ปลายนิ้วคลิกอย่างนี้
ประเด็น นี้ถือว่าน่าสนใจมากครับ เพราะในยุคแห่งโลกเสรีนี้ที่รัฐธรรมนูญประเทศต่าง ๆ ต่างก็มุ่งแต่เรื่องของสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ ซึ่งรวมไปถึงสิทธิในการเข้าถึงข้อมูล (Right to Know) ได้อย่างอิสระ อยู่ ๆ ก็เกิดคำถามขึ้นมาว่าเราควรจะมีสิทธิในการถูกลืม (Right to be Forgotten) เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวอย่างที่หนุ่มสเปนคนนี้ร้องขอมาด้วยหรือไม่

แหล่งที่มา  :  เดลินิวส์

Source: ปิดหูปิดตากูเกิล รอบรู้ไอทีรอบโลกเทคโนโลยี

นักบินลุฟต์ฮันซาเตรียมสไตรค์ครั้งใหม่

ขณะที่ผู้บริหารของลุฟต์ฮันซาประกาศรับมือด้วยการเตรียมขนส่งสินค้าบาง ส่วนไปพร้อมกับเที่ยวบินโดยสาร และขอความช่วยเหลือจากออสเตรียน แอร์ไลน์ส กล้องcctvซึ่งเป็นหนึ่งในสายการบินภายใต้การบริหารงานของกลุ่มบริษัทลุฟต์ ฮันซาทั้ง นี้ การผละงานที่กำลังจะเกิดขึ้นถือเป็นการประท้วงครั้งที่ 5 ครั้งที่ 5 นับตั้งแต่ปลายเดือนส.ค. โดยครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 ก.ย. สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้โดยสารราว 20,000 คน  โดยสหภาพนักบินยังคงยืนกรานข้อเรียกร้องเรื่องการอนุญาตให้นักบินเกษียณอายุ ก่อนกำหนดได้ที่ 55 ปี และรับค่าตอบแทนร้อยละ 60 จนกว่ากำหนดจ่ายเงินบำนาญจะเริ่มต้น แต่ผู้บริหารยังไม่ยินยอมสำนักข่าวต่าง ประเทศรายงานจากนครแฟรงค์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี เมื่อวันที่ 7 ต.ค. ว่าสหภาพนักบินลุฟต์ฮันซา สายการบินแห่งชาติของเยอรมนี ออกแถลงการณ์เรื่องการผละงานประท้วงครั้งใหม่ในวันพุธนี้ ระหว่างเวลา 03.00 - 22.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น ( 8.00-03.30 น. วันพฤหัสบดีตามเวลาในประเทศไทย ) โดยการประท้วงครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อเที่ยวบินขนส่งสินค้าของลุฟต์ฮันซา ทั้งหมด ที่ออกเดินทางจากสนามบินทุกแห่งในเยอรมนีในวันและเวลาดังกล่าว

แหล่งที่มา  :  เดลินิวส์

Source: นักบินลุฟต์ฮันซาเตรียมสไตรค์ครั้งใหม่

เหนือ-อีสานเริ่มเย็น ใต้ฝนยังตกหนัก

สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันจะมีกำลังแรงขึ้นทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและปริมาณฝนที่ตกสะสมต่อ เนื่องกล้องcctv ส่วนชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันควร งดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 7-8 ตุลาคม ไว้ด้วยอนึ่ง หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลอันดามันจะมีกำลังแรงขึ้น โดยมีทิศทางการเคลื่อนตัวไปทางประเทศอินเดียในระยะต่อไป

กรมอุตุนิยมวิทยารายงานว่า บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนได้แผ่ลงมาปกคลุมตอนบนของ ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือแล้ว ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนอุณหภูมิลดลง 2-4 องศาเซลเซียสสำหรับร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคใต้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนเกือบทั่ว ไป และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล

แหล่งที่มา  :  เดลินิวส์

Source: เหนือ-อีสานเริ่มเย็น ใต้ฝนยังตกหนัก

บิ๊กโด่งคลอดโผผู้บังคับการกรม

ขณะที่พ.อ.อิทธิพล สุวรรณรัฐ ผบ.กรมสน.พล.ร.9 เป็น ผบ.ร.29  พ.อ.นฤดล ท้าวฤทธิ์ (ตท.24) ผบ.ป.1 รอ. เป็นรองจทบ.กาญจนบุรี พ.อ.คชา ชาตบุญดี (ตท.27) ผบ.กรม ทพ.36 เป็น ผบ.ป.1 รอ.โดยที่ผ่านมาพ.อ.คชาชาต เคยอยู่ป.พัน31รอ. จ.ลพบุรี ถือเป็นลูกหม้อพล.1รอ. ก่อนที่จะไปใช้ชีวิตนักรบที่เติบโตมาจากชายแดนภาคเหนือ ทั้งที่เป็นคน กทม. แต่ไม่เคยได้อยู่หน่วยในกทม. แต่ที่ผ่านมามีผลงานสำคัญต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะการดูแลปัญหาลักลอบตัดไม้ จึงชื่อว่าเป็น “นักรบแห่งลุ่มน้ำสาละวิน”ทำให้พล.อ.อุดมเดช นำมาทำงานสำคัญ

ส่วน ตำแหน่งต่างๆ นั้น อาทิ พ.อ.ศักดิ์ศรี งอยปัดพันธ์ เสธ.มทบ.13 กล้องวงจรปิด เป็นรอง ผบ.มทบ.13พ.อ.กัณฑ์ชัย ประจวบอารีย์ ผบ.ร.31 รอ. เป็นเสธ.มทบ.13 พ.อ.พงษ์ศักดิ์ เอี่ยมพญา รองผบ.ร.21 รอ. เป็นผบ.ร.31 รอ. พ.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผบ.ร.21 รอ. เป็นรองผบ.พล.ร.2 รอ. พ.อ.วรยุทธ แก้ววิบูลย์พันธุ์ เสธ.พล.ร.2 รอ. เป็น ผบ.ร.21 รอ. พ.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ผบ.ร.19เป็นรอง ผบ.พล.ร. 9 พ.อ.วุฒิชัย นาควานิช ผบ.ร.29 เป็นรอง ผบ.พล.ร.9 พ.อ.พงษ์สวัสดิ์ ภาชนะทิพย์ ผบ.กรม ทพ.14 เป็น ผบ.ร.19  พ.อ.สุรินทร์ นิลเหลือง ผบ.ร.9 เป็นรอง ผบ.จทบ.ส.บ. พ.อ.ยุทธพงศ์ คงนิล รอง ผบ.ร.9 เป็นผบ.ร.9พ.อ.ณรงค์ กลั่นวารี รอง ผบ.ป.6  เป็นผบ.ป.6 พ.อ.สวราชย์ แสงผล รอง ผบ.ร.8 เป็นผบ.ร.8

พ.อ.ธานินทร์ สนิทชน ผบ.ร.13 เป็นรอง ผบ.พล.ร.3 พ.อ.สัญชัย รุ่งศรีทอง ผบ.ร.3 เป็น ผบ.ร.13 พ.อ.ปราโมทย์ นาคจันทึก เสธ.พล.ร.3เป็น ผบ.ร.3  พ.อ.ยุวัต ขันธปรีชา รองผบ.ป.3 เป็น ผบ.ป.3  พ.อ.จรัส ปัญญาดี ผอ.กยก.ทภ.3 เป็น ผบ.ร.7  พ.อ.โสภณ นันทสุวรรณ ผบ.ร.14 เป็นผบ.ร.4 พ.อ.เกรียงชัย อนันตศานต์ ผอ.กขว.ทน.3  เป็นผบ.ร.14 พ.อ.ทะเบียนเมืองพระฝาง รอง ผบ.ร.15  เป็น ผบ.ร.153 พ.อ.เสนีย์ ศรีหิรัญ รอง เสธ.พล.ร.5  เป็น ผบ.ร.15 พ.อ.ประเสริฐ กิตติรัต รอง ผบ.ป.5 เป็นผบ.ป.5 พ.อ.นวกร สงวนศักดิ์โยธิน ผอ.กยก.นปอ. เป็น ผบ.ปตอ.1  พ.อ.วีระพงษ์ ศรีรัตน์ รอง ผบ.ป.1 รอ. เป็นผบ.ป.71 พ.อ.นิติ ติณสูลานนท์ รอง เสธ.มทบ.42 ซึ่งเป็นหลานชายของพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ได้เป็นรอง ผบ.กรม นนร.รอ.รร.จปร. ด้านพ.อ.วินธัย สุวารี รอง ผอ.กอง สลก.ทบ. ได้ขยับเป็นฝ่ายเสนาธิการประจำสำนักงานเลขานุการกองทัพบก

พล.อ.อุดม เดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้ลงนามในคำสั่งกองทัพบกที่ 325/2557 ลงวันที่ 3 ต.ค. 2557  เรื่องให้นายทหารรับราชการและปรับระดับเงินเดือนจำนวน  371 นาย ซึ่งเป็นนายทหารระดับพันเอกพิเศษ โดยการปรับย้ายครั้งนี้ พล.อ.อุดมเดช ได้มีการปรับระดับผู้บังคับการกรม เพื่อต้องการให้ผู้บังคับการกรมคนใหม่สามารถปฏิบัติภารกิจแรกได้ทันที คือการประชุมหน่วยขึ้นตรงของกองทัพบก (นขต.ทบ.) วาระพิเศษ ในวันที่ 6 ต.ค.ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ถ.ราชดำเนิน

ทั้งนี้เป็นที่น่า สังเกตว่าการปรับย้ายครั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นหน่วยคุม กำลังหลักของกองทัพบก ทั้งหน่วยรบและหน่วยที่ได้เข้ามาเป็นกำลังหลักในการดูแลพื้นที่ช่วงที่คณะ รักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เข้ามาควบคุมการบริหารประเทศเมื่อวันที่ 22 พ.ค. ที่ผ่านมา เพื่อเป็นการตอบแทนที่ช่วยดูแลความสงบเรียบร้อยในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งมีนายทหารในสายของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรมว.กลาโหม และพล.อ.อุดมเดช

สำหรับตำแหน่งที่น่าสนใจมีดังนี้ พ.อ.เอกรัตน์ ช้างแก้ว ผบ.ร.1 รอ. ซึ่งเป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 23 (ตท.23) ขยับเป็นรองผบ.พล.1 รอ.โดย พ.อ.อาสาศึก ขันติรัตน์ (ตท.28) นายทหารฝ่ายเสนาธิการของพล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้ช่วยผบ.ทบ.มาเป็นผบ.ร.1รอ. แทน ด้านพ.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี (ตท.24) ผบ.ร.11รอ. ได้ขึ้นเป็นรองผบ.พล.1รอ.เนื่องจากมีผลงานในการรักษาความสงบเรียบร้อยที่ ม.รามคำแหง และบริเวณสี่แยกหลักสี่ในช่วงการชุมนุมที่ผ่านมา สำหรับพ.อ.สุชาติ พรมใหม่ (ตท.27) นายทหารฝ่ายเสนาธิการของพล.อ.อุดมเดช ได้เป็น ผบ.ร.11รอ. คุมกำลัง เพื่อความมั่นใจของพล.อ.อุดมเดช เนื่องจากเป็นนายทหารคนสนิทที่ไว้ใจได้มากที่สุด

แหล่งที่มา :  เดลินิวส์

Source: บิ๊กโด่งคลอดโผผู้บังคับการกรม

แทงเพื่อนดับ!ดื่มเลือดสยบวิญญาณ

พ.ต.อ.สาโรช กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 3 ต.ค. เวลา 07.30 น พนักงานสอบสวนสน.อุดมสุข รับแจ้งจากพลเมืองดีว่ามีคนร้ายใช้อาวุธมีดแทงนายไส ลิน อายุ 20 ปี สัญขาติพม่า นอนเสียชีวิตอยู่ภายในห้อง 3/2 ชั้น 3 ที่หมู่บ้านรุ่งอรุณ เลขที่ 40/253 ห้อง3/2 ชั้น 3 (ชุมชน 40 ไร่ ) แขวงประเวศเขตประเวศ กรุงเทพ ฯ จึงสั่งการให้ฝ่ายสืบสวนเร่งหาตัวคนร้าย จากการสอบถาม กล้องวงจรปิดนายชวัลกรยา กลิ่นหอม ผู้ดูแลห้องเช่าให้การว่า ผู้ตายได้เข้ามาพักอาศัยในห้องดังกล่าว เมื่อวันที่ 2 ก.ย. ที่ผ่านมา พร้อมกับผู้ต้องหา โดยทั้งคู่มีอาชีพเป็นช่างทาสี ภายหลังเกิดเหตุนายอากีได้หายตัวไป

จาก การสอบสวนนายอากี ให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ลงมือฆ่านายไส เนื่องจากไม่พอใจที่ผู้ตายมาติดพันแฟนสาวของตนเอง โดยใช้ไม่ตีพริกทุบไปที่ศีรษะและคอของผู้ตายหลายครั้ง ก่อนจะแน่นิ่งไปแล้วจึงใช้มีดปลายแหลมแทงไปที่คอ และลำตัวอีกหลายแผลจนเสียชีวิต หลังเสร็จตนจึงเอาผ้าคลุมผู้ตายไว้ ก่อนจะใช้ชีวิตอยู่ในห้องเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และยังใช้มีดที่แทงเพื่อนไปทำกับข้าว และนอนข้างผู้ตาย ทั้งยังมีการดื่มเลือดของเพื่อนตามความเชื่อทางไสยศาสตร์ที่ต้องการสยบ วิญญาณไม่ให้เพื่อนเข้าสิงร่างตนด้วย กระทั่งเวลาผ่านไปจน 05.30น. ของวันที่ 3 ต.ค. ตนเองจึงตื่นมาเก็บข้าวของ เพื่อหลบหนีคดี เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา ฆ่าผู้อื่น ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไปที่สถานีตำรวจนครบาลอุดมสุข พ.ต.อ.สาโรชซุ่นทรัพย์ รอง.ผบก.น.4 พ.ต.อ.สง่า กรรภิรมย์ ผกก.กก.สส.บก.น.4 พ.ต.อ.สมพร กฤษณะพิพัฒน์ ผกก.สน.อุดมสุข พ.ต.ท.สมปอง สำราญใจ รอง.ผกก.สส. พ.ต.ท.สุพจน์ พุ่มแหยม สว.สส. และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนร่วมกันแถลงผลการจับกุม นายอากี หล่า อายุ 30 ปีสัญชาติพม่า ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดพระโขนงที่ ส.503/2557 ลงวันที่ 4 ต.ค.57 ข้อหาใช้อาวุธมีดแทงผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย พร้อมของกลางอาวุธมีด ไม้ตีพริก เสื้อผ้าที่ใช่ก่อเหตุ และโทรศัพท์มือถือ จับกุมได้ที่ห้องเช่าภายในซอยสำโรงเหนือซอย 5ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ

แหล่งที่มา  :  เดลินิวส์

Source: แทงเพื่อนดับ!ดื่มเลือดสยบวิญญาณ