วันพฤหัสบดีที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2557

คนไทยนับร้อย ตกนรกในอินโด

EyWwB5WU57MYnKOuFHRWCwKYUKYbSzqMEDQbSygXm4gtMtKYIeZMWBเปิดโปง “นรกบนดิน” และ “นรกกลางทะเล” หลังขบวนการค้ามนุษย์หลอกคนไทยด้วยกันไปขายแรงงานเป็นลูกเรือประมง แล้วถูกปล่อยเกาะทิ้งไว้ที่อินโดนีเซีย ตัดขาดการสื่อสารทั้งปวง เหมือนคนหายสาบสูญ ทนทุกข์ทรมานในชะตากรรมอันโหดร้าย ตกขุมนรกทั้งเป็น

แม้ไทยจะมีความพยายามในการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์อย่างต่อเนื่องมาหลายรัฐบาล แต่ไม่เคยประสบความสำเร็จอย่างจริงจัง เนื่องจากกฎหมายที่อ่อนแอไม่มีความเด็ดขาด ทำให้ประเทศไทยถูกกลุ่มประเทศอียู และสหรัฐอเมริกา ประกาศให้เป็นหนึ่งในกลุ่มประเทศที่มีสถานการณ์การค้ามนุษย์ในระดับเลวร้ายที่สุด ทำให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีประกาศให้การป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ เป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลที่จะต้องเร่งทำให้เสร็จก่อนประเทศไทยเข้าสู่ประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียนในปี 2558

ล่าสุด สถานการณ์ค้ามนุษย์ในประเทศไทยก็ยังไม่ดีขึ้น ซึ่งเหตุการณ์ “นรกบนดิน” ที่มีการเชื่อมโยงด้วยขบวนการของคนใจทมิฬ จนกลายเป็น “นรกกลางทะเล” ถูกเปิดเผยอีกครั้ง ภายหลังจากที่สื่อในเครือ “ไทยรัฐ” ประกอบด้วย ทีมข่าวไทยรัฐทีวี ไทยรัฐออนไลน์และหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ได้รับการประสานจากกลุ่มแรงงานไทยที่ถูกหลอกไปทำงานคนอวนในเรือประมงไทย ที่ได้รับอนุญาตให้เรือประมงเข้าไปทําการประมงในน่านน้ำบริเวณทะเลอาราฟูร่า (เขตอิเรียนจายา) เขตเศรษฐกิจจำเพาะของอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 18 ก.ย. ว่ายังมีคนไทยจำนวนมาก ถูกหลอกมาใช้งานให้เป็น “แรงงานทาสผิดกฎหมาย” บนเรือประมงไทย ที่จับปลาในทะเลอาราฟูร่า บริเวณตั้งแต่เส้นแวง 130 องศาตะวันออก ไปจนสุดเขตเศรษฐกิจจําเพาะ 200 ไมล์ทะเล และในบริเวณทะเลจีนใต้ (บริเวณหมู่เกาะนาทูน่า) ตั้งแต่เส้นรุ้ง 3 องศาเหนือ ไปจนสุดเขตเศรษฐกิจจําเพาะ 200 ไมล์ทะเล โดยที่ไม่มีสิทธิกลับประเทศไทย ติดต่อญาติพี่น้องก็ไม่ได้ ถูกบังคับปิดกั้นทุกอย่าง ต้องอาศัยอยู่ภายในหมู่บ้านประมงในเขตท่าเรือของเมืองอัมบล ตวล เบนจิน่า และเมอร์รูเก้ แถบหมู่ เกาะโมลุกกะ ของประเทศอินโดนีเซีย ทำให้เหมือนกับเป็นคนหายสาบสูญเพราะไม่สามารถติดต่อใครได้

นายสมหมาย จิราภักดี ชาวจังหวัดนครราชสีมา หนึ่งในคนงานเรือประมงชาวไทยที่ถูกหลอกมาทำงาน อยู่ในเมืองอัมบล เกาะอัมบล อินโดนีเซีย มีชีวิตอยู่เหมือนตายทั้งเป็น เปิดเผยกับทีมข่าวไทยรัฐทีวีว่า ถูกคนไทยด้วยกันหลอกจากสถานีขนส่งสายเหนือ (หมอชิต) เมื่อปี 2552 นำตัวไปกักขังไว้ในบ้านแห่งหนึ่งที่ไม่ทราบว่าอยู่ที่ไหน แล้วพาลงเรือโดยถูกหักค่าหัว 30,000 บาท เดินทางไปประเทศอินโดนีเซีย ถูกใช้งานให้เป็น “แรงงานทาสผิดกฎหมาย” อยู่บนเรือเป็นปีๆ ไม่ได้เหยียบพื้นดิน แม้ร่างกายจะเจ็บป่วยขนาดไหน จะเหนื่อยยังไงก็ต้องทำงาน เพราะถ้าหยุดนายจ้างก็ไม่ให้กินข้าว

“จากบ้านเกิดมา 5 ปี ยังไม่ได้กลับ ติดต่อใครก็ไม่ได้ ถูกบังคับปิดกั้นทุกอย่าง วันนี้พ่อแม่ก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองยังมีชีวิตอยู่ วันที่ถูกนำตัวขึ้นเรือนั้น พบว่ามีคนไทยถูกหลอกมาร่วมชะตากรรมเดียวกันอีก 40 คน แต่วันนี้ยังมีคนไทยตกเป็นแรงงานทาสอีกหลายร้อยคน ที่ไม่สามารถกลับออกจากขุมนรกกลางทะเลได้ ติดต่อหรือบอกใครก็ไม่ได้ จะมีใครรู้หรือไม่ว่ายังมีคนไทยถูกกดขี่เยี่ยงทาสอย่างผิดกฎหมายอยู่บนโลกใบนี้ และที่สำคัญ พวกเขาถูกหลอกจาก ‘คนไทย’ ด้วยกันเอง” นายสมหมายกล่าว

เหยื่อการค้ามนุษย์อีกรายที่ออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ คือ นายเสาร์ ปัญญาวัน อดีตลูกเรือประมงไทยที่ถูกหลอกไปขายแรงงานในเรือประมงไทยในน่านน้ำอินโดนีเซีย เป็นเวลากว่า 3 ปี กล่าวว่า เป็นคนจังหวัดสกลนคร เดินทางออกจากบ้านมุ่งหน้ามาหางานทำที่กรุงเทพมหานคร เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2553 หวังมาสร้างฐานะให้มั่นคง หลังเลิกรากับภรรยา โดยทิ้งแม่และลูกสาวไว้ที่บ้าน ทันทีที่รถโดยสารเข้าจอดที่สถานีขนส่งหมอชิต ก็มีชายรูปร่างผอมเข้ามาพูดคุยเป็นภาษาอีสาน ชักชวนไปทำงานเป็นกุ๊กบนเรือ เมื่อตอบตกลงก็ถูกพาไปพักที่บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ อ.มหาชัย จ.สมุทรสาคร เมื่อถึงบ้านหลังดังกล่าว ก็มีชายอีกคนนำเสื้อผ้าและอาหารแห้ง พร้อมเอกสารคล้ายพาสปอร์ตมามอบให้กล้องไอพี รายละเอียดภายในพาสปอร์ตนอกจากรูปที่เป็นของนายตน ส่วนชื่อและที่อยู่กลับเป็นของชายคนอื่นที่ไม่รู้จัก แค่เพียงชั่วอึดใจก็มีรถเข้ามารับตัว ตนและเพื่อนร่วมชะตากรรมทั้งชาวไทย ชาวพม่ากว่าอีก 10 ชีวิต ไปขึ้นเรือขนส่งปลาที่ท่ามหาชัย โดยตนและเพื่อนต้องหลบอยู่ในห้องใต้ท้องเรือประมงเป็นเวลานับเกือบ 10 วัน ก่อนจะถูกโอนถ่ายไปยังเรือประมงอีกลำหนึ่ง ซึ่งเป็นเรือของคนไทย

นายเสาร์กล่าวอีกว่า การทำงานบนเรือ ลูกเรือประมงแต่ละคนจะมีเวลาพักเพียงแค่ 3 ชั่วโมงต่อวัน แลกกับค่าตอบแทนเดือนละ 5 แสนรูเปียะ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 1,500บาท โดย 6 เดือนแรกที่ทำงาน จะเป็นการทำงานใช้หนี้ให้กับไต้ก๋งเรือ หากคนไหนไม่ทำงาน หรือทำงานไม่ไหวก็จะถูกทำร้าย ส่วนคนที่บ่นอยากกลับบ้าน หรือเกิดป่วยจนไม่สามารถทำงานได้ เช้าวันรุ่งขึ้นก็จะหายสาบสูญโดยไม่ทราบสาเหตุ ทนใช้ชีวิตเป็นลูกเรือประมงอย่างนี้นานกว่า 3 ปี ก่อนตัดสินใจหลบหนีออกมาใช้ชีวิตบนเกาะอัมบล อย่างหลบๆ ซ่อนๆ นานกว่า 3 เดือน พยายามติดต่อกับลูกเรือประมงลำอื่นๆ เพื่อให้ช่วยพากลับบ้านเกิด ด้วยวิธีใดก็ได้ โดยนายเสาร์ยอมนำเงินเก็บจำนวน 4 ล้านรูเปีย หรือคิดเป็นเงินไทย 12,000 บาท มอบให้เป็นค่าตอบแทน วันนี้แม้จะเดินทางกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย แต่ยังคงเป็นห่วงเพื่อร่วมชะตากรรมอันโหดร้าย ที่ต้องทนทุกข์ทรมานกับการเป็นทาสเรือประมงโดยไม่มีวันรู้ว่าจะกลับมาบ้านเกิดได้เมื่อไร

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า จากการตรวจสอบข้อมูลจากกรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์การเกษตร พบว่า มีเรือประมงไทยเข้าไปทําการประมงอย่างถูกต้อง ในน่านนํ้าอินโดนีเซียประมาณ 309 ลํา โดยทําการประมงในบริเวณทะเลอาราฟูรา (เขตอิเรียนจายา) เรือที่ทําประมงเป็นเรือประมงขนาดกลางและใหญ่มีห้องเย็นบนเรือ จับปลาในบริเวณตั้งแต่เส้นแวง 130 องศาตะวันออก ไปจนสุดเขตเศรษฐกิจจําเพาะ 200 ไมล์ทะเล อัตราค่าใบอนุญาต 167 เหรียญสหรัฐฯ/ตันกรอส/ปี สัตว์นํ้าที่จับได้นำขึ้นท่าที่เมืองอัมบล ตวล เบนจินา เมอร์รูเกและเรือประมงอีกส่วนหนึ่งทําการประมงในบริเวณทะเลจีนใต้ (บริเวณหมู่เกาะนาทูนา) ตั้งแต่เส้นรุ้ง 3 องศาเหนือ ไปจนสุดเขตเศรษฐกิจจําเพาะ 200 ไมล์ทะเล เป็นเรือประมงขนาดเล็กและขนาดกลาง เป็นเรือน้ำแข็ง อัตราค่าใบอนุญาต 155 เหรียญสหรัฐฯ/ตันกรอส/ปี ระเบียบกำหนดว่าจะต้องนำสัตว์นํ้าที่จับได้มาขึ้นท่าที่เมืองทาเล็มปา ตันจูง และปีนัง เรือประมงที่เข้าไปทําการประมงในน่านน้ำอินโดนีเซียส่วนใหญ่เป็นเรืออวนลาก ประมาณ 90% ที่เหลือเป็นเรืออวนล้อมและเรืออวนลอย

เย็นวันเดียวกัน นางสุพจน์ สุขเอี่ยม อายุ 48 ปี ทำงานอยู่บริษัทแพลนเน็ตจำกัด อยู่บ้านเลขที่ 147/1 หมู่ 10 ต.ท่าบุญมี อ.เกาะจันทร์ จ.ชลบุรี เข้าแจ้ง พ.ต.อ.ปราโมทย์ งามประดิษฐ์ ผกก.สภ.เกาะจันทร์ ว่า นายสมชาย สุขเอี่ยม อายุ 33 ปี ลูกชายได้หายออกจากบ้านไปเมื่อ พ.ศ. 2547 เมื่อสอบถามเพื่อนลูกชายคนหนึ่งบอกว่าไปทำงานเป็นกระเป๋ารถเมล์อยู่แถวหมอชิต กทม. ได้ออกติดตามหาก็ไม่พบ คิดว่าลูกชายเสียชีวิตแล้ว แต่ไม่ได้แจ้งความไว้ จนมีทีมงานนักข่าวไทยรัฐมาแจ้งให้ตนทราบเบาะแสของลูกชายว่าถูกหลอกไปเป็นแรงงานประมง ติดอยู่ที่เกาะอำบล ประเทศอินโดนีเซีย จึงเข้าแจ้งตำรวจขอให้รัฐบาลช่วยลูกชายกลับบ้านด้วย

แหล่งที่มา : ไทยรัฐ

Source: คนไทยนับร้อย ตกนรกในอินโด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น