วันอังคารที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2557

ซิวหนุ่มสาวลอบขนยาแลกค่าจ้าง1แสน

842753พล.ต.ต.วิทวัส บูรณสมภพ ผบก.ภ.จว.มุกดาหาร พร้อมด้วย พ.ต.อ.ภณกช หรรษา ผกก.สส.ภ.จว.มุกดาหาร นำกำลังจับกุม นายอำไพ ไชยอาจ อายุ 44 ปี และ น.ส.สาวิตรี มีโชติ อายุ 30 ปี ทั้งสองเป็นชาว อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม พร้อมของกลางยาบ้า 38,000 เม็ด ยาไอซ์ 138 กรัม และรถกระบะนิสสัน นาวาร่า สีเทา ทะเบียน กง 1274 มหาสารคามกล้องวงจรปิดcctv โดยจับกุมได้ที่ถนนสายมุกดาหาร–ธาตุพนม บ้านคำป่าหลาย อ.เมืองมุกดาหาร ทั้งนี้สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับรายงานว่า จะมีการลักลอบขนยาเสพติดจากพื้นที่ จ.มุกดาหาร ไปยัง จ.อุบลราชธานี โดยใช้เส้นทางมุกดาหาร–ธาตุพนม–อุบลราชธานี จึงตั้งด่านสกัดจับกุม กระทั่งพบรถกระบะคันของกลาง ที่มี นายอำไพ เป็นคนขับ และมี น.ส.สาวิตรี นั่งมาด้วยที่เบาะข้าง เมื่อเรียกขอทำการตรวจค้น นายอำไพ กลับเร่งเครื่องยนต์หลบหนี ทางเจ้าหน้าที่จึงไล่ติดตามจับกุมตัวได้พร้อมของกลางทั้งหมด สอบสวนผู้ต้องหาทั้งสองให้การรับสารภาพว่า ได้รับการว่าจ้างให้ขนยาบ้าและยาไอซ์ ในราคา 1 แสนบาท เพื่อนำไปส่งที่ จ.อุบลราชธานี แต่ก็มาถูกตำรวจจับกุมเสียก่อน เจ้าหน้าที่จึงนำตัวไปสอบปากคำเพื่อขยายผล ก่อนดำเนินคดีต่อไป

แหล่งที่มา  :  เดลินิวส์

Source: ซิวหนุ่มสาวลอบขนยาแลกค่าจ้าง1แสน

ทัวร์ชนโครงเหล็กข้ามแยกอโศก-เพชรบุรีทับรถพัง3คัน

842284ขณะเดียวกันบนถนนเพชรบุรีฝั่งขาออก ช่วงเชิงสะพานข้ามแยก พบโครงเหล็กบอกทางได้หักโค่นลงมาทับรถที่จอดติดไฟแดงอยู่ จำนวน 3 คัน ประกอบด้วย รถแท็กซี่โตโยต้า รถเก๋งโตโยต้า และรถโดยสารประจำทาง ขสมก. สาย 206 วิ่งระหว่าง อุดมสุข-เกษตร สีครีม-แดง เบื้องต้นไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต แต่จากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นส่งผลให้จากจราจรติดขัดเป็นอย่างมาก สอบสวน นายเสน่ห์ ให้การว่า ขับรถรับลูกทัวร์ชาวไต้หวัน มาจากโรงแรมแกรนด์ลอร์ด ย่านศรีนครินทร์ เพื่อมาทานอาหารที่โรงแรมบางกอกพาเลซ ย่านเพชรบุรี โดยใช้เส้นทางถนนเพชรบุรีขาเข้าเป็นประจำ ปกติแล้วเมื่อมาถึงแยกอโศก-เพชรบุรี จะใช้เส้นทางด้านล่าง เนื่องจากรถสูงเกินไปขึ้นสะพานไม่ได้ แต่วันนี้ตนรู้สึกปวดหัวและมึนงงอย่างรุนแรง จึงได้เผลอขับรถขึ้นสะพานข้ามแยก จนกระทั่งไปชนโครงเหล็กบอกทางเสียหายดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงนำตัว นายเสน่ห์ ไปสอบสวนดำเนินคดีต่อไป ร.ต.ท.จักรภพ ฉิมผึ้งพะเนา พนักงานสอบสวนกล้องวงจรปิดcctv สน.มักกะสัน รับแจ้งอุบัติเหตรถทัวร์โดยสารชนโครงเหล็กบอกทางบนสะพานข้ามแยก อโศก-เพชรบุรี หล่นลงมาทับรถที่จอดติดไฟแดงอยู่บริเวณแยกอโศก-เพชรบุรี ถนนเพชรบุรีฝั่งขาออก แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี จึงรุดไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุบริเวณเชิงสะพานข้ามแยกอโศก-เพชรบุรี ฝั่งถนนเพชรบุรีขาเข้า พบรถโดยสารปรับอากาศไม่ประจำทาง ของบริษัท โอเอทรานสปอร์ต สีขาว ทะเบียนป้ายเหลือง 32-3387 กรุงเทพมหานคร จอดอยู่ในสภาพฝาปิดด้านบนหลังคารถพังเสียหาย และกระจกด้านหน้าแตก เนื่องจากชนกับโครงเหล็กบอกทาง โดยมี นายเสน่ห์ นุ่มโต อายุ59 ปี โชเฟอร์ ยืนรอให้การอยู่

แหล่งที่มา  :  เดลินิวส์

Source: ทัวร์ชนโครงเหล็กข้ามแยกอโศก-เพชรบุรีทับรถพัง3คัน

วันจันทร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2557

มือฆ่าหั่นศพรับลงมือจริงทนายโต้ป่วยทางจิต

dh8k6ejdkbcbjfbgbgbk7นายลูก้า ร็อคโค่ แม็กน็อตต้า อดีตนักแสดงหนังโป๊ชาวแคนาดาวัย 32 ปี ได้ยอมรับระหว่างการขึ้นศาลในเมืองมอนทรีออล เป็นครั้งแรกเมื่อวันจันทร์ว่า เขาเป็นคนลงมือฆ่าหั่นศพนายหลิน จุน นักศึกษาวิศวะชาวจีนวัย 33 ปี แต่ทนายของเขาพยายามแย้งว่า เป็นผลมาจากอาการป่วยทางจิตแม้ว่าจะยอมรับว่าก่อคดีสะเทือนขวัญที่สร้างความ ตกตะลึงไปทั่วประเทศและกลาย เป็นคดีดังระดับโลก จนได้ฉายาว่า " แคนาดา ไซโค" แต่นายแม็กน็อตต้า ก็ไม่ยอมรับข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา, ลบหลู่ศพ, ก่ออาชญากรรมรบกวนนายกรัฐมนตรีสตีเฟ่น ฮาร์เปอร์และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และข้อหาอื่นๆ ซึ่งมีโทษจำคุกตลอดชีวิต


          ผู้พิพากษาระบุว่า อยู่ในดุลพินิจของคณะลูกขุนว่า สภาวะทางจิตใจของนายแม็กน็อตต้าเป็นอย่างไรในช่วงที่เขาลงมือสังหารเหยื่อ และเขาต้องรับผิดชอบในคดีอาชญากรรมที่เกิดขึ้นหรือไม่ ด้านนายลุค เลอแคลร์ ทนายจำเลย ระบุว่า จะนำแฟ้มประวัติทางการแพทย์และพยานที่เป็นผู้เชี่ยวชาญมาพิสูจน์ว่า นายแม็คน็อตต้าเป็นโรคจิตเภทแบบหวาดระแวง มานานแล้ว ด้านอัยการได้โต้แย้งว่า เป็นการก่ออาชญากรรมที่มีการไตร่ตรองไว้ล่วงหน้า และไม่ใช่การกระทำของคนวิกลจริต


          นายแม็กน็อตต้า ถูกกล่าวหาว่าใช้เหล็กตอกน้ำแข็งแทงนายหลิน เมื่อเดือนพฤษภาคม ปี2555กล้องไอพี ก่อนจะแสดงท่าร่วมรักและหั่นศพเหยื่อ และยังโพสต์คลิปวิดิโอการกระทำเหล่านี้ทางออนไลน์ด้วย ซึ่งหลายวันหลังเกิดเหตุ ตำรวจนครมอนทรีออล ได้พบส่วนของลำตัวของเหยื่ออยู่ในกระเป๋าเดินทางที่ถูกทิ้งอยู่ด้านนอกอาคา รอพาร์ตเมนท์ บนถนนที่มีการสัญจรอย่างพลุกพล่าน ขณะที่มือและเท้าถูกส่งทางไปรษณีย์ไปยังที่ทำการพรรคการเมือง 2 แห่ง ในเมืองออตตาวา โดยหนึ่งในจำนวนนี้จ่าหน้าถึงนายกรัฐมนตรีฮาร์เปอร์ และที่เหลือส่งไปยังโรงเรียน 2 แห่ง ในเมืองแวนคูเวอร์ ส่วนศีรษะถูกพบในสวนสาธารณะในมอนทรีออล ในอีกหลายเดือนต่อมา นายแม็กน็อตต้าได้หนีออกจากแคนาดา ซึ่งมีรายงานว่าเขาหลบไปกบดานที่ฝรั่งเศส ก่อนถูกรวบตัวได้ที่ร้านอินเตอร์เน็ตที่เยอรมนี ในเดือนมิถุนายน ปี 2555 หลังแคนาดาประสานความร่วมมือไปยังตำรวจสากล และถูกส่งตัวกลับแคนาดา


          ในระหว่างที่อยู่ในห้องพิจารณาคดี นายแม็กน็อตต้านั่งด้วยอาการไม่สะทกสะท้านอยู่ในคอกจำเลยที่กั้นด้วยกระจก โดยมีบิดาของนายหลินนั่งมองจากที่นั่ง ที่จัดไว้เพียง 13 ที่เท่านั้น อัยการได้พยายามโน้มน้าวคณะลูกขุนไม่ให้โน้มเอียงไปกับความเชื่อว่านายแม็ก น็อตต้าลงมือก่อเหตุเพราะความผิดปกติทางจิต โดยระบุว่า เขามีการวางแผนและเจตนาสังหารเหยื่อ โดยอ้างหลักฐานเมื่อเดือนธันวาคม ปี 2554 ที่เขาส่งอีเมลไปถึงผู้สื่อข่าวชาวอังกฤษที่สืบเรื่องการฆ่าแมว ที่คนลงมือที่เชื่อว่าจะเป็นแม็กน็อตต้า บอกไว้ว่าเขาอยากถ่ายคลิปวิดีโอการฆ่าคนบ้าง ซึ่งทนายของเขา ได้เรียกร้องให้คณะลูกขุนตัดสินให้เขาถูกส่งไปเข้ารับการบำบัดที่โรงพยาบาล จิตเวช แทนที่จะส่งไปจำคุกตลอดชีวิต และถ้าเขาไม่ถูกตัดสินว่ามีความผิดเนื่องด้วยเหตุผลป่วยทางจิต เขาก็จะต้องเข้ารับการรักษาจนกว่าแพทย์จะลงความเห็นให้ได้รับการปล่อยตัว

แหล่งที่มา  :  เดลินิวส์

Source: มือฆ่าหั่นศพรับลงมือจริงทนายโต้ป่วยทางจิต

กรมสรรพสามิตพร้อมจัดเก็บภาษีสลากฯ

841238รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า สำหรับแนวคิดการจัดสรรรายได้เข้ารัฐผ่านการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตสลากกินแบ่ง รัฐบาลนั้นคงต้องให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลังศึกษารายละเอียดและเสนอให้นายสม หมาย ภาษี รมว.คลังพิจารณาและเห็นชอบก่อน โดยเชื่อว่าจะสามารถดำเนินการได้ทันที เพราะดำเนินการเพียงออกกฎกระทรวงตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดในราชกิจจา นุเบกษาของกรมสรรพสามิตเท่านั้น เนื่องจากเดิมการจัดเก็บภาษีสลากฯได้กำหนดไว้ที่พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2527 ในหมวดของกิจการเสี่ยงโชค เกี่ยวกับการออกสลากฯที่ปัจจุบันยังได้รับการยกเว้นภาษี

ทั้งนี้ แนวคิดการจัดเก็บภาษีดังกล่าวสศค.ยังไม่ได้เรียกให้กรมสรรพสามิตเข้าไปหารือ อย่างเป็นทางการกล้องไอพี เพราะคงต้องรอการพิจารณาของฝ่ายนโยบายว่าจะดำเนินการทันทีหรือไม่เนื่องจาก ภาษีดังกล่าวได้ยกเว้นภาษีมาเป็นเวลานานแล้ว หากจะให้กรมสรรพสามิตเข้าไปจัดเก็บภาษีก็พร้อมที่จะดำเนินการได้ทันทีเพราะ ที่ผ่านมาก็มีแนวทางในการจัดเก็บไว้อยู่แล้ว ซึ่งตามกฎหมายของกรมฯได้กำหนดเพดานการจัดเก็บภาษีสลากฯ ไว้ที่ไม่เกิน 20% แต่จะเริ่มเก็บในอัตราเท่าใดนั้นคงต้องพิจารณาจากปัจจัยหลาย ๆอย่าง ที่อาจเก็บเป็นขั้นบันไดอาจเริ่มที่ 5%, 10% และ 20% เป็นลำดับ

อย่างไรก็ตาม การจัดเก็บภาษีสรรพสามิตสลากฯจะทำให้รัฐบาลมีรายได้โดยตรงจากการขายสลาก ทันทีและลดการมอมเมาประชาชนในการซื้อสลากฯ ลง ถือเป็นส่วนหนึ่งในมาตรการแก้ไขปัญหาสลากฯขายเกินราคา ที่ทำให้คนซื้อตัดสินใจซื้อยากขึ้น ส่งผลให้ราคาสลากฯในแต่ละงวดไม่ขายในราคาที่สูงเกินไปแต่ที่ที่ผ่านมาไม่ได้ จัดเก็บภาษีดังกล่าว เพียงแต่ค่าอากรแสตมป์ค่าภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย จากผู้ที่ถูกรางวัลเท่านั้น

นายสมหมายภาษี รมว.คลัง กล่าวว่า การจัดเก็บภาษีสรรพสามิตสลากฯ เป็นแนวคิดที่ประธานคณะกรรมการสลากฯเสนอให้ สศค.พิจารณาถึงการจัดเก็บภาษีและรายได้นำส่งเข้ารัฐซึ่งยังไม่ได้รับการ รายงานจาก สศค. อย่างเป็นทางการ ว่าจะดำเนินการได้อย่างไรและมีแนวทางไหนบ้างแต่ขณะนี้ยังมีหลายเรื่องที่ ต้องดำเนินการก่อน โดยเฉพาะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลัง

แหล่งที่มา  :  เดลินิวส์

Source: กรมสรรพสามิตพร้อมจัดเก็บภาษีสลากฯ

วันอาทิตย์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2557

การเมืองฮ่องกงกดดันหุ้นเปิดตลาดลบ

840887จากเขตบริหารพิเศษฮ่องกง เมื่อวันที่ 29 ก.ย. ว่าบรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นของฮ่องกงเมื่อช่วงเช้าของวันนี้เปิดตัว ด้วยความผันผวนอย่างหนัก สืบเนื่องจากสถานการณ์ชุมนุมในย่านใจกลางเกาะฮ่องกงที่ยังไม่มีทีท่าจะยุติ โดยง่าย โดยดัชนีหั่งเส็งเปิดตลาดภาคเช้าติบลบทันที 278.90 จุด หรือร้อยละ 1.18 มาอยู่ที่ 23,399.51 จุด

ด้านหุ้นของสถาบันการเงินรายใหญ่ของฮ่องกงเปิดตลาดด้วยการติดลบเช่นกันกล้องวงจรปิด โดยหุ้นของเอชเอสบีซีลดลงร้อยละ 0.80 หุ้นของธนาคารหั่งเส็งลดลงร้อยละ 1.17 และหุ้นของธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ลดลงร้อยละ 1.33 ส่วนสกุลเงินดอลลาร์ฮ่องกงอ่อนตัวสุดในรอบ 6 เดือนเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ

ในเวลาไล่เลี่ยกัน สถาบันการเงินรายใหญ่ของฮ่องกง 17 แห่ง สั่งปิดสาขาในพื้นที่ชุมนุมทางการเมืองแล้ว 27 แห่ง รวมถึงตู้ฝาก-ถอนเงินสดด้วย พร้อมกับขอให้พนักงานทำงานจากที่บ้าน หรือเดินทางไปทำงานยังสาขาอื่นที่อยู่นอกบริเวณที่มีการประท้วงแทน

แหล่งที่มา  :  เดลินิวส์

Source: การเมืองฮ่องกงกดดันหุ้นเปิดตลาดลบ

ผู้พิพากษายิงเมียดับก่อนยิงตัวตายตาม

840800ร.ต.ท.วีระชน มั่นต่าย ร้อยเวร สภ.หนองปลิง ต.หนองปลิง อ.เมือง จ.นครสวรรค์ รับแจ้งเหตุฆ่ากันตายภายในบ้านเลขที่ 3/116 หมู่ 2 ต.หนองปลิง จึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้นมีรั้วล้อมรอบ พบบริเวณหน้าบ้านมีปลอกกระสุนขนาด 7 ม.ม.ตกอยู่ทั้งนอกรั้วและในเขตบ้าน 8 ปอก ส่วนภายในบ้าน บนชั้น 2 หน้าห้องนอนพบศพสองสามีภรรยา คือ นายเฉลิมพล บุตรดี อายุ 42 ปี เป็นผู้พิพากษาศาลแขวง จ.พิษณุโลก และนางสุวรรณา บุตรดี อายุ 40 ปี นอนเสียชีวิตอยู่ข้างกันในสภาพมีรอยบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนทั้งคู่ โดยมีอาวุธปืนขนาด 7 ม.ม. ตกอยู่ระหว่างกลางร่างของผู้ตายทั้ง 2 จึงได้เก็บไว้เป็นหลักฐาน

จากการสอบสวนนายเอ (นามสมมุติ) อายุ 16 ปี บุตรชายของนายเฉลิมพล และนางสุวรรณา ให้การว่า ขณะเกิดเหตุตนเองอยู่ภายในห้องนอนได้ยินเสียงพ่อตะโกนโวยวายหน้าบ้าน ก่อนจะได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด จากนั้นก็ได้ยินเสียงพ่อทะเลาะกับแม่อย่างรุนแรงที่หน้าประตูห้องนอน กระทั่งได้ยินเสียงปืนดังขึ้นอีก 2 นัด จึงได้รีบเปิดห้องออกมาดูก็พบพ่อกับแม่นอนจมกองเลือดเสียชีวิตอยู่หน้าห้อง นอนแล้ว

อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ทราบว่า ก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุการณ์นายเฉลิมพลได้ออกจากบ้านไปสังสรรค์กับเพื่อนฝูงกล้องวงจรปิด จนกระทั่งกลับมามีปากเสียงทะเลาะกับภรรยาอย่างรุนแรงจนถึงขั้นใช้อาวุธปืน เพื่อจบปัญหาชีวิต คาดว่านายเฉลิมพลและนางสุวรรณา น่าจะมีปัญหาครอบครัวในเรื่องอะไรบางอย่างแต่คุยกันไม่รู้เรื่อง จึงทำให้นายเฉลิมพลเกิดบันดาลโทสะใช้อาวุธปืนยิงภรรยาเสียชีวิต ก่อนยิงตัวเองตายตาม

แหล่งที่มา  :   เดลินิวส์

Source: ผู้พิพากษายิงเมียดับก่อนยิงตัวตายตาม

วันศุกร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2557

ปาเลสไตน์ตอกหน้าอิสราเอลบนเวทียูเอ็น

839412จากนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 26 ก.ย. ว่าประธานาธิบดีมาห์มูด อับบาส ผู้นำปาเลสไตน์ กล่าวสุนทรพจน์ต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ( ยูเอ็นจีเอ ) ประณามรัฐบาลอิสราเอลว่าก่อสงคราม "ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์" ในฉนวนกาซาต่อเนื่องถึง 50 วัน ระหว่างเดือนก.ค.-ปลายเดือนส.ค.  โดยนอกจากเข่นฆ่าชาวปาเลสไตน์ไปกว่า 2,140 ศพแล้ว ยังทำลายฉนวนกาซาจนพังราบเป็นหน้ากลอง

อับบาสไม่ได้กล่าวอย่างชัดเจนว่า จะฟ้องร้องดำเนินคดีกับนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอลหรือไม่ แต่กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะอยู่ในความทรงจำของชาวปาเลสไตน์ทุกคนตลอดไป และรัฐบาลขอยืนยันจะไม่มีทางปล่อยให้ผู้กระทำผิดรอดพ้นจากบทลงโทษตามกฎหมาย ไปได้cctv ก่อนเผยจะยื่นคำร้องต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ( ยูเอ็นเอสซี ) ให้กำหนดกฎกติกามารยาทพื้นฐาน สำหรับการเจรจาสันติภาพกับอิสราเอลในอนาคตด้วย

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ทางการปาเลสไตน์เคยแสดงความจำนงเรื่องการสมัครเข้าเป็นสมาชิกศาล อาญาระหว่างประเทศ ( ไอซีซี ) ซึ่งหากมีการยื่นเอกสารของรับการพิจารณาและผ่านการอนุมัติจริง จะเปิดโอกาสให้ปาเลสไตน์ดำเนินคดีอาชญากรรมสงครามกับอิสราเอลได้ง่ายขึ้น

ขณะที่น.ส.เจน ซากี โฆษกหญิงกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ กล่าวแสดงความผิดหวังต่อสุนทรพจน์ของผู้นำปาเลสไตน์ และตำหนิว่าเป็นการใช้ถ้อยคำที่รุนแรงเกินไป ซึ่งจะส่งผลต่อความพยายามสร้างสันติภาพกับอิสราเอลในอนาคต

แหล่งที่มา  :  เดลินิวส์

Source: ปาเลสไตน์ตอกหน้าอิสราเอลบนเวทียูเอ็น

สหรัฐถล่มโรงกลั่นน้ำมันไอเอสในซีเรีย

837244สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 24 ก.ย. ว่าพล.ร.ต.จอห์น เคอร์บีย์ โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐ ( เพนตากอน ) แถลงเรื่องการขยายขอบเขตปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในซีเรีย เพื่อทำลายฐานที่มั่นและท่อน้ำเลี้ยงของกลุ่มรัฐอิสลาม ( ไอเอส ) ว่าเครื่องบินขับไล่ของสหรัฐและพันธมิตรกลุ่มอาหรับสามารถทำลายโรงกลั่น น้ำมันของกลุ่มไอเอสได้ 12 แห่งทั้งนี้ โรงกลั่นน้ำมันที่ถูกทำลายตั้งอยู่ทางตะวันออกของซีเรียทั้งหมด แม้เป็นโรงกลั่นขนาดเล็ก แต่น้ำมันจากโรงงานเหล่านั้นถูกส่งไปจำหน่ายในตลาดมืด และสามารถสร้างรายได้ให้กับกลุ่มไอเอสถึงวันละ 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 64.6 ล้านบาท )นับตั้งแต่เริ่มภารกิจโจมตีทางอากาศในซีเรียเป็นครั้งcctv แรกเมื่อวันจันทร์ สหรัฐและพันธมิตร 5 ประเทศที่เข้าร่วม ได้แก่ จอร์แดน บาห์เรน กาตาร์ ซาอุดิอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ( ยูเออี ) สามารถทำลายเป้าหมายได้อย่างน้อย 20 จุด จากการส่งเครื่องบินเข้าไปโจมตี 64 ครั้งขณะเดียวกัน เครื่องบินรบของสหรัฐอีกส่วนหนึ่งยังปฏิบัติการโจมตีทำลายเป้าหมายในอิรัก เพิ่มเติมด้วย แม้จะได้รับความสนับสนุนจากหลายประเทศ แต่ประเทศมหาอำนาจอย่างจีนและรัสเซียออกมาตั้งข้อสังเกตคล้ายคลึงกัน ว่าแน่นอนที่กลุ่มไอเอสต้องได้รับการกวาดล้างโดยเร็ว แต่ปฏิบัติการทุกอย่างจำเป็นต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะมนตรีความมั่นคง แห่งสหประชาชาติ ( ยูเอ็นเอสซี ) เสียก่อน

แหล่งที่มา  :  เดลินิวส์

Source: สหรัฐถล่มโรงกลั่นน้ำมันไอเอสในซีเรีย

วันพฤหัสบดีที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2557

หญิงสาวอุ้มทารกเพศชายแรกเกิด วางทิ้งกลางตลาดสัตหีบ!

14116973421411697440lร.ต.อ.นเรท บุญที่ พนักงานสอบสวน สภ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีหญิงนำเอาเด็กทารกแรกเกิดมาวางทิ้งเอาไว้ที่หน้าบ้านเลขที่ 601 ซอยข้างธนาคารไทยพาณิชย์ ตลาดสัตหีบ ม.2 ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี จึงรุดไปตรวจสอบ พร้อมเจ้าหน้าที่ หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างโรจนธรรมสถานสัตหีบ

จากการเข้าตรวจสอบพบเด็กทารกแรกเกิดเพศชาย วัย 2 เดือนเศษ ถูกห่อด้วยผ้าขนหนู ถูกวางทิ้งเอาไว้ที่โต๊ะหน้าบ้านกล้องวงจรปิด โดยไม่พบหลักฐานและเอกสารใดๆ โดยชาวบ้าน เห็นว่าเด็กร้องหิวนม จึงได้ช่วยกันชงนมนำมาให้ดูด ซึ่งหนูน้อยได้รีบดูดจนหมดขวดด้วยความหิวโหย เป็นภาพที่น่าสงสารอย่างมาก

สอบถาม นางเฉลิม แสนรัตน์ อายุ 69 ปี เจ้าของบ้านดังกล่าว เผยว่า เมื่อช่วงเช้า ตนได้เปิดบ้านตามปกติ ก็เห็นมีผ้าขนหนูห่อเหมือนสิ่งของอะไรอยู่ภายใน จึงเดินไปเปิดดู ก็พบ ว่าเป็นเด็กทารก จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่มาช่วยเหลือ ซึ่งน่าสงสารมาก ที่ถูกแม่ตัวเองนำมาทิ้ง และโชคดีที่ตนมาเห็นกอ่น หากไม่มีใครเห็น เด็กจะหิวหรือถูกสัตว์ทำร้ายจนเสียชีวิตก็เป็นได้

ร.ต.อ.นเรท บุญที่ พนักงานสอบสวน สภ.สัตหีบ กล่าวว่า เบื้องต้น ได้ให้เจ้าหน้าที่มูลนิธินำเด็กทารก ส่งตรวจยังโรงพยาบาลสัตหีบ กม.10 เบื้องต้นทารกมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงดี อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้เร่งติดตามหาแม่เด็กทารก คาดว่าน่าจะเป็นเด็กวัยรุ่นที่ตั้งครรภ์ขณะที่ยังไม่พร้อมที่จะมีลูก จึงได้นำทารกเพิ่งคลอดไม่กี่เดือนไปทิ้งไว้ดังกล่าว


แหล่งที่มา  :  ข่าวสด

Source: หญิงสาวอุ้มทารกเพศชายแรกเกิด วางทิ้งกลางตลาดสัตหีบ!

'จิ้ม' ให้ปลอดภัย

                            abc8ag9a6cccjacjk5djk ราวๆ กลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา "โฮเทลส์ ดอทคอม" ซึ่งเป็นเว็บไซต์เพื่อการท่องเที่ยว ได้เผยผลสำรวจพฤติกรรมการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อการสื่อสาร โดยมุ่งเน้นสำรวจพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์มือถือระหว่างเวลาเดินทางท่องเที่ยว ในช่วงวันหยุดพักผ่อน เป็นการสำรวจนักท่องเที่ยวจาก 28 ประเทศทั่วโลกผลสำรวจบ่งชี้ว่า คนเอเชียติดโทรศัพท์มือถือมากกว่าชาติอื่นๆ และ “คนไทย” เป็นชาติอันดับ 1 ที่ไม่ต้องการอยู่ห่างจากโทรศัพท์มือถือ แม้ในเวลาท่องเที่ยวใน รายงานฉบับดังกล่าวระบุว่า ประมาณ 85% ของคนไทยผู้ตอบแบบสอบถามเลือกที่จะพกโทรศัพท์มือถือติดตัวตลอด แม้แต่ในช่วงเที่ยวพักผ่อน ตามด้วยนักท่องเที่ยวเกาหลีที่มีจำนวนกว่า 78% ปฏิเสธที่จะงดใช้โทรศัพท์มือถือติดต่อทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวในเวลา ท่องเที่ยว ขณะที่นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นอยู่ในอันดับที่ 3 ด้วยสัดส่วน 69% และมีคนไทยน้อยกว่า 1% เท่านั้นที่รู้สึกเสียใจหรือรู้สึกผิด ที่ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับโทรศัพท์ในระหว่างการในส่วนของการใช้งานนั้น พบว่า 64% ใช้เวลาส่วนหนึ่งไปกับการเช็กอีเมลผ่านโทรศัพท์มือถือ และ 100% ใช้มือถือเพื่อเชื่อมต่อกับโซเชียลเน็ตเวิร์ก


                            เป็นผลสำรวจที่ทำให้หลายคนเงียบสนิทและยอมรับว่า ‘จริง’ เพราะโทรศัพท์มือถือกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตแบบแยกไม่ออกแล้ว สมาร์ทโฟนไม่ได้มีไว้สำหรับโทรเข้าโทรออก แต่ยังมีไว้เพื่อ “แชท” กับผู้คนทั้งที่รู้จักและไม่รู้จัก และเพื่อติดตามทุกเรื่องบนโลกโซเชียลเน็ตเวิร์ก ไม่นับรวมการดูหนัง ฟังเพลง รวมถึงการอ่านหนังสือที่เป็น “อี-บุ๊ก” ทั้งหลาย


                            ขณะที่หลายคนทำอะไรที่มากกว่านั้น นั่นคือ ทำธุรกรรมทางการเงินบนโทรศัพท์มือถือกล้องวงจรปิด ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสุ่มเสี่ยงไม่น้อย แม้ว่าสถาบันการเงินต่างๆ จะพยายามป้องกันการละเมิดข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลทางการเงินให้แก่ลูกค้าหลาย ชั้นแล้วก็ตาม


                            ดังนั้น ถ้าเลี่ยงได้ก็น่าเลี่ยง แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้ แบงก์ก็มีข้อแนะนำเพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการทำธุรกรรมทางการเงินผ่าน อุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต นั่นคือ หลีกเลี่ยงการดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นต่างๆ จากแหล่งอื่น นอกเหนือจาก Apple App Store, Google Play Store, Blackberry App World และ Windows Phone Store เท่านั้น หลีกเลี่ยงการกดลิงก์ (URL) ที่ส่งมากับ SMS, MMS หรืออีเมล หรือหน้าจอ (pop-up) หลอกลวง หลีกเลี่ยงการเชื่อมต่อ WiFi สาธารณะเมื่อทำธุรกรรมทางการเงิน (อันนี้เน้น - โดยเฉพาะในยุคที่เรามี free wifi ทุกที่ แม้กระทั่งรถเมล์และรถแท็กซี่) หลีกเลี่ยงการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านอุปกรณ์ที่ได้รับการดัดแปลงระบบ ปฏิบัติการ (jail break สำหรับระบบปฏิบัติการ iOS และ root สำหรับระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์)


                            นอกจากนี้ ยังควรติดตั้งแอพพลิเคชั่นป้องกันไวรัสบนโทรศัพท์มือถือ สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต โดยเฉพาะที่ใช้ทำธุรกรรมออนไลน์ รวมถึงตั้งรหัสในการเข้าใช้งานเครื่องโทรศัพท์มือถือ/อุปกรณ์อื่นๆ และระวังการป้อนรหัสลับในที่สาธารณะ ไม่กำหนด Mobile PIN ด้วยตัวเลขเรียงกัน ตัวเลขซ้ำกัน หรือเดาได้ง่าย เช่น หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชนหมายเลข บัตรเครดิต ทะเบียนรถ วันเดือนปีเกิด


                            ไม่กำหนด Password ด้วยตัวอักษรหรือตัวเลขเรียงกัน ซ้ำกัน หรือเดาได้ง่าย เช่น หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน หมายเลขบัตรเครดิต ทะเบียนรถ วันเดือนปีเกิด ชื่อนามสกุล ชื่อเล่น และกรณีที่กำหนด Password เป็นภาษาอังกฤษ ควรให้มีทั้งตัวอักษรภาษาอังกฤษ ตัวพิมพ์ใหญ่ และตัวพิมพ์เล็ก  สามารถเปลี่ยน Mobile PIN หรือรหัสลับส่วนตัว (Password) ได้บ่อยตามที่ต้องการ และหากส่งอุปกรณ์เข้าซ่อม หรือขายต่อ ให้ลบแอพพลิเคชั่นโมบาย แบงกิ้งออกจากเครื่อง เพื่อความปลอดภัย


                            กรณีโทรศัพท์มือถือสูญหาย ขอให้รีบติดต่อเจ้าหน้าที่ธนาคาร เพื่อระงับการใช้บริการชั่วคราว กรณีเปลี่ยนแปลงหมายเลขโทรศัพท์มือถือที่ลงทะเบียนไว้กับธนาคาร ขอให้ติดต่อที่สาขาธนาคาร เพื่อแก้ไขข้อมูลการใช้บริการ ธนาคารจะมีการแจ้งผลทางอีเมลแอดเดรสทุกครั้ง เพื่อยืนยันการทำธุรกรรมทั้งการโอนเงิน และการชำระค่าสินค้าและบริการ โดยจะส่งไปยังอีเมลแอดเดรสที่ลงทะเบียนไว้กับธนาคารตั้งแต่ตอนสมัครใช้ บริการ หากท่านไม่ได้เป็นผู้ทำรายการ ควรรีบติดต่อเจ้าหน้าที่ธนาคารทันที


                            คำแนะนำทั้งหมดที่ยกมา เป็นคำแนะนำของธนาคารกรุงเทพ ที่แจ้งเตือนสำหรับลูกค้าบัวหลวง เอ็มแบงกิ้ง ของธนาคาร


                            มี 2 ข้อที่เป็นไฮไลท์ คือ หนึ่ง - หลีกเลี่ยงการเชื่อมต่อ WiFi สาธารณะเมื่อทำธุรกรรมทางการเงิน และสอง - ระวังการป้อนรหัสลับในที่สาธารณะ โดยเฉพาะข้อสองที่อันตรายมาก เพราะระหว่างที่เราก้มๆ เงยๆ กับโทรศัพท์ในมือ เราไม่รู้เลยว่า ใครจับจ้องการป้อนรหัสลับของเราอยู่บ้าง อีกหนึ่งวิธีที่ช่วยป้องกันได้หากจำเป็นจริงๆ ก็คือ กระจกกันรอยหรือไพรเวซี่ กลาส (Privacy Glass) ที่ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัว


                            “กิตติพงศ์ กิตติภัสสร” ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์และการตลาด บมจ.ทีดับบลิวแซด คอร์ปอเรชั่น บอกว่า ความพิเศษของทีดับบลิวแซด ไพรเวซี่ กลาส อยู่ที่กระจกกันรอยดังกล่าวจะป้องกันการมองเห็นจากคนข้างๆ อย่างรอบทิศทาง ด้วยการบังคับการตกกระทบและการหักเหของแสง ทำให้ความสามารถในการมองเห็นหน้าจอโทรศัพท์มือถือจะอยู่ในระดับ 30 องศาจากจุดกึ่งกลางของหน้าจอ ไม่ว่าจะเป็นด้านบนหรือล่าง ด้านซ้ายหรือขวา หรือพูดง่ายๆ ก็คือ ผู้ที่ถือโทรศัพท์เท่านั้นที่จะมองเห็นหน้าจอโทรศัพท์


                            “ใครที่เคยรู้สึกอึดอัด ต้องคอยระแวงระวังคนข้างๆ โดยเฉพาะเมื่อเราใช้จำเป็นต้องโทรศัพท์ในที่สาธารณะ ในรถไฟฟ้าที่เต็มไปด้วยผู้คน ในธนาคารพาณิชย์ หรือในสถานที่อื่นที่ปริมาณคนคับคั่ง ปัญหาเหล่านี้จะหมดไป ซึ่งนอกจากจะป้องกันการมองเห็นเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัว และเพิ่มความปลอดภัยในการใช้โทรศัพท์มือถือแล้ว ทีดับบลิวแซด ไพรเวซี่ กลาส ยังป้องกันการสะท้อน ป้องกันรอยขีดข่วน และป้องกันรอยนิ้วอีกด้วย”


                            ดูเหมือนทีดับบลิวแซด ไพรเวซี่ กลาส กระจกกันรอยเพิ่มความเป็นส่วนตัว จะช่วยให้การป้อนรหัสลับ หรือการจิ้มโทรศัพท์มือถือเพื่อทำธุรกรรมทางการเงินปลอดภัยขึ้น แต่มีข้อจำกัด 2 ข้อที่คนที่สนใจต้องยอมรับ นั่นคือ หนึ่ง - หาซื้อได้ที่ช็อปทีดับบลิวแซด และสอง - ณ เวลานี้ เขาทำมาเฉพาะไอโฟน 6 และไอโฟน 6 พลัสเท่านั้น

แหล่งที่มา  :  คมชัดลึก

Source: 'จิ้ม' ให้ปลอดภัย

วันพุธที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2557

'สน' ย้ำคำเดิมสนิท 'แพทริเซีย' แค่น้อง ไม่กล้าคิดเกินเลย

EyWwB5WU57MYnKOuFHOriH4Y5oP1VRtvB65CxVuTObLLo7ID744v9Kเป็นคู่พระนางที่สนิทกันมาก จนหลายคนมองว่าความจริงแล้วเป็นคู่รักนอกจอกันรึเปล่า ระหว่างหนุ่ม สน-ยุกต์ ส่งไพศาล กับ แพทริเซีย-ธัญชนก กู๊ด เพราะมักจะเห็นหนุ่มสนอัพรูปในอินสตาแกรมคู่สาวแพทอยู่บ่อยๆ พร้อมกับติดแท็กถึงกันอีกต่างหาก และล่าสุดก็มีคนตาดีเห็นว่า หลังจากที่แพทริเซียเลิกงานโชว์ตัวที่พารากอนแล้ว ก็เห็นหนุ่มสนไปรอรับอีกด้วย เมื่อได้เจอสนมาร่วมงานช่อง one เปิดตัวช่วงเวลาใหม่ละครหลังสี่ทุ่ม ภายใต้ชื่อ "one บรรลุนิติภาวะ" ที่ลานอีเดน ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ จึงได้ขอล้วงหัวใจถามว่า ตกลงแล้วสนและน้องแพทริเซีย คบกันแบบไหนเอ่ย"กับน้องแพทสนิทกันเพราะผมไม่ได้เจอใครเลย อยู่กอง ถ่ายละคร 7 วัน เจอน้องแพท และน้องกองนางงามนี้" ขึ้นรูปบ่อยๆ กลัวคนคิดไปไหมว่ามีความพิเศษ? "เราสนิทกัน ก็ไม่เห็นเป็นไร เราไม่ได้ซีเรียสกับข่าว น้องก็ยังเด็กด้วย เราก็เป็นพี่ที่ดี" ล่าสุดแพทไปงานอีเวนต์ที่พารากอนบริษัท แล้วมีคนเห็นว่าสนไปรอหลังเลิกงานด้วย? "ผมไลน์ไปหาว่าอยู่พารากอนเหรอ เพราะเค้าขึ้นรูปไอจี ผมก็อยู่ใกล้ๆ เลยไปหา เดินไปคุยกันแป๊บนึง" ไม่ได้นัดกันมา? "ไม่ได้นัดครับ พอดีผมไปเรียนภาษาจีนที่นั่น" ปกติเจอกันบ่อยไหม? "บ้างครับ น้องเค้าเรียนอยู่จุฬาฯ ผมเล่นฟิตเนสข้างๆ จุฬาฯ พอเล่นเสร็จ ผมไม่มีอะไรทำก็จะถามเค้าว่าอยู่รึเปล่า เจอกันกินข้าวมั้ย" ไม่กลัวปาปารัซซี่เหรอ? "ทุกครั้งที่ไปเจอเค้าก็อยู่กับแม่เค้าด้วย ก็ปลอดภัย"บริษัทcctv นอกกองก็ยังมีเจอกันแบบนี้คนยิ่งคิดนะ? "พี่น้องกันครับ น้องยังเด็กอยู่ อย่าไปมองแบบนั้นเลย ไม่ดี" ติดที่แค่น้องยังเด็กอย่างเดียวรึเปล่า? "ไม่หรอก เค้าเพิ่งเข้ามหาวิทยาลัย เพิ่งได้เจอเพื่อนใหม่ๆ เราก็คอยให้คำแนะนำเยอะ มีอะไรเค้าก็ถามเราเรื่องทั่วไป เรื่องเรียน การแสดง"

เรื่องหนุ่มๆ ล่ะ เค้าถามไหม? "อันนั้นไม่ได้ถามนะ เรื่องส่วนตัวเค้า" เรียกว่าคุยกันได้ทุกเรื่อง? "ใช่ครับ เรียกว่าสนิทมากนะ" ครอบครัวเค้าล่ะ คุณแม่น้องชาย? "ก็สนิทด้วย" เห็นว่าคุณแม่แพทก็ดุ จริงๆ ดุไหม? "กับผมไม่ดุนะ เค้าใจดีกับผม" มีคนเข้าใจผิดไปแล้วไหมว่าเราเป็นแฟนกัน? "ก็คงมีแหละ ก็เคยมีคนถามนะ เราก็บอกว่าไม่ใช่ น้องยังเด็กอยู่ อย่าเพิ่งคิดอย่างนั้น เป็นพี่อยู่ตอนนี้" ตกใจไหมที่คนอื่นคิด? "ไม่ครับ มันก็ต้องมีข่าวอยู่แล้ว เล่นละครด้วยกัน ไม่ได้ซีเรียส ก็อยากแจ้งให้กระจ่าง เพราะน้องเค้ายังเด็กอายุ 17 เอง" ทำให้สาวคนอื่นคิดไปแล้วจนไม่กล้าเข้ามารึเปล่า? "เราก็บอกว่าเป็นน้องสนิท จะเชื่อไม่เชื่อก็แล้วแต่"

แหล่งที่มา  :  ไทยรัฐ

Source: 'สน' ย้ำคำเดิมสนิท 'แพทริเซีย' แค่น้อง ไม่กล้าคิดเกินเลย

“บัวขาว”ฮอตเว่อร์ สาวนอกเก็บ“เหงื่อ”ใส่ขวด

EyWwB5WU57MYnKOuFHOrhvPuGEUN7DDzr3706U6xisqURXXsO9p8Klนักมวยซุป’ตาร์ บัวขาว บัญชาเมฆ โดนน็อกคาเวที เมื่อ พ่อหมอลักษณ์ ฟันธงทะลุทะลวงเรื่องบนเตียงว่าเป็น “จอมอึด” เล่นเอาเจ้าตัวเขิน “ตอนไปซ้อมที่เมืองนอก มีสาวๆ เอาผ้ามาซับเหงื่อผมแล้วก็บีบใส่ขวดเก็บไป แบบจู่โจมก็มีมาเปิดหน้าอกให้ดูรอยสักชื่อผม ถึงขั้นมาขอแต่งงานขออยู่ด้วยก็มี” งานนี้บัวขาวยังยอมรับเองว่าบริษัทcctv “เล่นของ!” ใน “ทอล์คทะลุดาว” พฤหัสฯนี้ 4 ทุ่ม 15 ทาง ไทยรัฐทีวี ช่อง 32 HD, “ทรู, ซีทีเอช, ซันบ็อกซ์ ช่อง 42” และ “พีเอสไอ, จีเอ็มเอ็ม แซท ช่อง 3, 42”

แหล่งที่มา  :  ไทยรัฐ

Source: “บัวขาว”ฮอตเว่อร์ สาวนอกเก็บ“เหงื่อ”ใส่ขวด

วันอังคารที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2557

กสท ช่อง3ถกออกคู่ขนานไม่คืบจ่อยื่นศาลขอคุ้มครอง

835564ที่อาคารเอ็กซิมแบงก์ ผู้บริหาร บริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเมนต์ จำกัด (ช่อง 3 ) ประกอบด้วย นายประสาร มาลีนนท์ นายประวิทย์ มาลีนนท์ และนายฉัตรชัย เทียมทอง เข้าหารือกับคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์(กสท.) 5 คน คือพ.อ.ดร. นที ศุกลรัตน์ ประธาน กสท. , พ.ต.อ.ทวีศักดิ์ งามสง่า กรรมการ ,พล.ท. พีระพงษ์ มานะกิจ กรรมการ , นายธวัชชัย จิตรภาษนันท์ กรรมการ และ น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการ เพื่อหาทางออกกรณีการออกอากาศช่อง 3 อนาล็อค คู่ขนานกับทีวีดิจิตอลซึ่งเป็นการเจรจาอย่างเป็นทางการครั้งที่ 2 โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ชั่วโมงนายฉัตรชัย เทียมทอง ผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน ในฐานะตัวแทนช่อง 3 เปิดเผยหลังการเจรจาครั้งนี้ ว่า ยังไม่คืบหน้า โดยช่อง 3 ต้องการความชัดเจนว่าหากช่อง 3 อนาล็อก ออกอากาศคู่ขนานดิจิตอลจะผิดกฎหมายหรือไม่ ส่วนการลดหย่อนค่าธรรมเพื่อเยียวยาการออกคู่ขนานนั้นไม่ใช่ประเด็นหลักของ ช่อง 3 โดยขอให้ กสท.ชี้แนะว่าควรต้องทำอย่างไรไม่ให้ผิดข้อกฎหมายบริษัทกล้องวงจรปิด ซึ่งหากช่อง 3 อนาล็อกจดดำบนโครงข่ายดาวเทียมและเคเบิลทีวี ฐานคนดูจำนวน 16 ล้านครัวเรือนคิดเป็นประชากรจำนวน 50 ล้านคนจะเกิดผลกระทบ รวมถึงต้องจ่ายค่าชดเชยค่าชดเชยให้กับเอเจนซี่และลูกค้าจำนวน 70% ในขณะเดียวกันมีแนวโน้มที่จะดำเนินการขอให้ศาลปกครองมีการคุ้มครองชั่วคราว ก่อนจะเกิดจอดำในวันที่ 30ก.ย.นี้

"มองว่าเป็นเรื่อง ที่สร้างความเสียหายให้ช่อง3 ได้พอสมควร แผนรับมือค่อนข้างจำกัดเพราะช่อง3 ทำตามกฎกติกา ตอนนี้ ช่องยังมองในแง่ดี ไม่เอาคนดูเป็นตัวประกัน และคิดว่าคณะกรรมการ กสท. น่าจะผ่อนผันระยะเวลาจอดำ และถ้าเป็นไปได้อย่าทรมานคนดูเลย และหวังว่าจะจบลงด้วยดี และมีประเด็นที่กสท.รับปากจะไปดูเรื่องกฎหมายให้ และถ้าทำได้ช่อง3 อยากออกคู่ขนาน ก่อนวันที่10ต.ค.นี้ ต้องขึ้นอยู่กับ กสท."

น.ส.สุ ภิญญา กลางณรงค์ กสท. กล่าวว่า การเจรจาครั้งนี้เนื้อหาไม่ได้อยู่ที่การลดค่าธรรมเนียม 4% ให้กับช่อง 3 ที่ยอมมาออกอากาศคู่ขนาน แต่ต้องการความชัดเจนเรื่องข้อกฎหมายว่าสามารถออกอากาศคู่ขนานได้ด้วยไม่ผิด ข้อกฎหมายของกสท. ดังนั้นช่อง 3 ควรทำหนังสือสอบถามมายังกสท.เป็นลายลักษณ์อักษรเท่านั้น ซึ่งกสท.จะตอบข้อสงสัยทั้งหมด

ในขณะที่ ช่วงเช้าที่ผ่านมาคณะอนุกรรมการเนื้อหาและผังรายการได้เชิญช่องช่อง 3 และผู้ให้บริการโครงข่ายกองทัพบก และโครงข่ายไทยพีบีเอส เพื่อทำความเข้าใจเรื่องการนำเสนอข่าวที่คลาดเคลื่อน เนื่องจากช่อง 3 อ้างว่าไม่สามารถไปสู่ทีวีดิจิตอลได้ เนื่องจากโครงข่ายไม่มีความพร้อม ขยายการติดตั้งไม่ครอบคลุมพื้นที่ซึ่งมองว่าเป็นการนำเสนอข่าวที่ไม่ครบถ้วน รอบด้าน โดยหากต้องการข้อมูลที่กสทช.หรือผู้ให้บริการโครงข่าย ซึ่งภาพรวมการขยายโครงข่ายดิจิตอลมีการขยายตามแผนโดยไทยพีบีเอสขยายไปตาม กำหนดของกสทช.ส่วนโครงข่ายอสมทที่ล่าช้า ซึ่งสำนักงานกสทช.ได้ดำเนินการเตือนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

แหล่งที่มา :  เดลินิวส์

Source: กสท ช่อง3ถกออกคู่ขนานไม่คืบจ่อยื่นศาลขอคุ้มครอง

ไทม์ชี้ด้านมืดคดีฆ่านักเที่ยว

836028นิตยสารไทม์ของสหรัฐอเมริกา เผยแพร่บทวิเคราะห์ผ่านเว็บไซต์ในวันนี้ กล่าวถึงเหตุการณ์ฆาตรกรรมโหด 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ น.ส.ฮานนาห์ วิทเธอริดจ์ วัย 23 ปี และนายเดวิด มิลเลอร์ วัย 24 ปี ที่เกาะเต่า อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 15 ก.ย. ที่ผ่านมา ที่เผยให้เห็นด้านมืดของสังคมไทย ไม่ว่าจะเป็นค่านิยมความเชื่อของสังคม ศักยภาพการทำงานของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ อีกมุมหนึ่งของสถานที่ท่องเที่ยวหาดสวยทะเลใส รวมไปถึงทัศนคติของผู้นำประเทศด้วย โดยอ้างความเห็นบางส่วนจาก "นายพอล กวาลญา" นักวิเคราะห์ความเสี่ยงที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย

ประเด็นแรก ที่ถูกหยิบยกมากล่าวถึงคือ การทำงานของเจ้าหน้าที่ที่ดูเหมือนจะเหวี่ยงแหไปเรื่อย เริ่มจากการตั้งธงผู้ต้องสงสัยหันไปทางกลุ่มแรงงานชาวเมียนมาร์ พร้อมกับคำกล่าวของนายตำรวจระดับหัวหน้าที่เปรยว่า "คนไทยไม่ทำเรื่องนี้" ซึ่งสะท้อนถึงอคติทางด้านเชื้อชาติที่ฝังลึกมานาน และขุดรากถอนโคนออกไปไม่ได้ง่าย ๆ แต่หลังจากผลดีเอ็นเอของผู้ต้องสงสัยกลุ่มแรกไม่ปรากฏผลใด ๆ ตำรวจจึงเบนเข็มไปที่คนนอกบริษัทกล้องวงจรปิด ซึ่งก็คือนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษอีกคนที่เช่าห้องพักร่วมกับนายมิลเลอร์ ซึ่งผลวิเคราะห์เปรียบเทียบดีเอ็นเอของผู้ต้องสงสัยกับก้นบุหรี่ที่พบในที่ เกิดเหตุก็ไม่ตรงกันอีก

ตัวละครใหม่ที่โผล่มาคือ นายฌอน แมคแอนนา ชาวสกอตติช วัย 25 ปี เพื่อนของผู้ตาย ที่อ้างว่าเห็นชายไทย 2 คน พยายามเข้ามาเกาะแกะ น.ส.วิทเธอริดจ์ ก่อนจะถูกเธอปฏิเสธไป ในคืนเดียวกับที่เธอเสียชีวิต ซึ่งนายแมคแอนนา ได้ถ่ายภาพของชายทั้งคู่ไว้ ก่อนโพสต์ลงอินเตอร์เน็ต แต่สิ่งที่ตามมาคือ เขาถูกขู่ฆ่าจากผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ จนต้องหนีหัวซุกหัวซุน ขณะที่ผู้ต้องสงสัยทั้ง 2 คน ในภาพได้รับการปล่อยตัวไป หลังการสอบสวนเบื้องต้น แม้พวกเขาปฏิเสธที่จะให้ตัวอย่างดีเอ็นเอก็ตาม โดยนายกวาลญาให้ความเห็นว่า ปัญหาของเจ้าหน้าที่ คือการต้องเผชิญแรงกดดันมากมาย จากการเกาะติดสถานการณ์รายงานข่าว ทั้งสื่อไทยและสื่อนอก ที่ทวงถามหาความคืบหน้าของคดีตลอดเวลา

ไทม์ รายงานอีกว่า ภาพลักษณ์ของประเทศไทย คือสถานที่ที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนปีละไม่ต่ำกว่า 20 ล้านคน ซึ่งต่างก็เพลิดเพลินไปกับหาดทรายขาวบริสุทธิ์ วัดวาอารามที่สวยงามโอ่อ่า และอาหารไทยรสเลิศ นักท่องเที่ยวส่วนมากมีโอกาสหรรษาไปกับวันหยุดพักผ่อนของพวกเขา แต่ไม่ใช่สำหรับทุกคน ในอีกมุมหนึ่งของบรรดาแหล่งท่องเที่ยว อาทิเช่น พัทยา นักท่องเที่ยวกลับต้องเผชิญกับการลักวิ่งชิงปล้น การทำร้ายร่างกายด้วยมีดและปืน การคุกคามทางเพศ อุบัติเหตุรุนแรงบนท้องถนน และการจมน้ำ ซึ่งมักเป็นเรื่องที่เงียบหายไป โดยเฉพาะฟุลมูนปาร์ตีบนเกาะพงันที่มีชื่อเสียงระดับโลก

แหล่งที่มา  :  เดลินิวส์

Source: ไทม์ชี้ด้านมืดคดีฆ่านักเที่ยว

เตือนนักวิชาการ

“ประวิตร” ลั่น คสช.เดินมาถูกทางแล้วรัฐบาลต้องเดินตาม เล็งประชุม ร่วมกันทุกเดือน ทำงานแบบคู่ขนาน เสียงแข็งใส่นักวิชาการอย่าล้ำเส้น ยันจัดงานเสวนาต้องมาขอ อนุญาต คสช.ก่อน มอบนโยบายกลาโหมดูแลเข้มด้านความมั่นคง กำชับทำแผนงบประมาณรอบ 3 เดือน เน้นโปร่งใสตรวจสอบได้ นายกฯสั่ง คตร.ไล่เบี้ยตรวจสอบไมค์แพงให้แล้วเสร็จใน 3 เดือน รังนักข่าวส่อโดนทุบสร้างใหม่ หลัง “บิ๊กตู่” มองแล้วไม่เข้ากับสถาปัตยกรรมในทำเนียบฯ รัฐบาลท้าส่งหลักฐานล็อกสเปกเลือก สปช.ระบุถ้ามีจริงพร้อมฟันทันที สนช.จี้ตรวจสอบลดข้อครหา จังหวัดไหนมีปัญหาให้แขวนไว้ก่อน พร้อมแนะเปิดเผยรายชื่อคนผ่านคัดสรรให้สังคมสบายใจ


หลังจากที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ออกมาให้สัมภาษณ์ด้วยอารมณ์ดุดันยืนยันว่าขั้นตอนการคัดเลือกสภาปฏิรูปแห่ง ชาติ (สปช.) ไม่มีการล็อกสเปกตามที่มีการกล่าวหา ล่าสุดยังออกมาปรามการจัดงานเสวนาของนักวิชาการว่าห้ามล้ำเส้น และจะต้องทำการขออนุญาตจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก่อนด้วย


นายกฯสางงานก่อนพ้นตำแหน่ง ผบ.ทบ.


เมื่อเวลา 08.09 น. วันที่ 22 ก.ย. ที่ทำเนียบ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เดินทางเข้าทำงานที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล โดยไม่มีรัฐมนตรี หัวหน้าส่วนราชการคนใดเข้าพบ กระทั่งเวลา 12.00 น.นายกฯเดินทางออกจากทำเนียบฯไปยังกองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) เพื่อสะสางงานในตำแหน่ง ผบ.ทบ.ที่จะเกษียณอายุราชการจากตำแหน่งดังกล่าว ในวันที่ 30 ก.ย.นี้


“ประวิตร” ยันรัฐบาลต้องเดินตาม คสช.


เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 22 ก.ย. ที่กระทรวง กลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมสภา กลาโหม ถึงการประชุมกำหนดนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อทำงานคู่ขนานกับรัฐบาลว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรียังไม่ได้กำหนดว่าจะประชุมเดือนละกี่วัน แต่ยืนยันว่าจะต้องมีแน่นอนเพื่อทำงานคู่ขนานกับรัฐบาล เพราะว่ารัฐบาลชุดนี้ต้องเดินตามนโยบาย คสช. และขณะนี้ คสช. เดินมาได้ถูกต้องและประชาชนก็พอใจ


จัดงานเสวนาต้องขออนุญาตอย่าล้ำเส้น


พล.อ.ประวิตรกล่าวถึงกรณี 60 นักวิชาการ อจ.มหาวิทยาลัยเข้าชื่อแสดงความไม่เห็นด้วยกับการระงับงานเสวนาที่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 18 ก.ย.ที่ผ่านมา ว่า ทุกอย่างต้องทำตามกฎหมาย อย่าให้ล้ำเส้นอะไรทำตามกฎหมายได้ก็ทำ เมื่อถามว่า นักวิชาการเรียกร้องให้เปิดพื้นที่แสดงความคิดเห็น และจัดเสวนา พล.อ.ประวิตรตอบว่า สามารถทำเรื่องไปที่ คสช.เพราะเรื่องเหล่านี้ คสช.จะเป็นผู้กำหนดว่าจะดำเนินการอย่างไร ขอย้ำว่าทุกอย่างดำเนินการตามกฎหมาย เพราะ คสช. ต้องการให้เกิดความสงบสุข และความปรองดอง แต่อะไรที่จะเกี่ยวข้องกับการเมืองคงไม่ได้ เมื่อถามว่า หากนักวิชาการจะเสนอเสวนาวิชาการได้หรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า ทุกเรื่อง คสช.จะประชุมกัน ถ้ามีความชัดเจนทางวิชาการก็ไม่มีใครว่าอะไร


ถกสภากลาโหมปกป้องชาติ–ประชาชน


ต่อมาเวลา 10.00 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมสภากลาโหมครั้งแรกภายหลังได้รับการโปรดเกล้าฯให้ดำรง ตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม โดยมี พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รอง ผบ.ทบ.และ รมช.กลาโหม พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผบ.ทร. พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผบ.ทอ. เข้าร่วมประชุม ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ ผบ.ทบ.รวมถึง พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผบ.ทหารสูงสุด ไม่ได้เดินทางมาร่วมประชุม


พ.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงผลการประชุมสภากลาโหม ครั้งที่ 7/2557 ว่า พล.อ.ประวิตรได้เน้นย้ำแนวทางปฏิบัติงานโดยนำเอาแนวพระราชดำรัสของพระบาท สมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ไปปฏิบัติเพื่อความมั่นคงของประเทศ ชาติ รวมทั้งต้องปกป้องและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างเต็มกำลังความสามารถ อีกทั้งจะสนับสนุนการเสริมสร้างความมั่นคงตามแนวชายแดน เน้นการรักษาอธิปไตย แก้ไขปัญหายาเสพติดและอาวุธสงคราม การลักลอบขนสิ่งของผิดกฎหมายและการหลบหนีเข้าเมือง ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ


สั่งทำแผนใช้งบประมาณรอบ 3 เดือน


พ.อ.คงชีพกล่าวว่า พล.อ.ประวิตรได้เน้นย้ำเรื่องการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับมิตรประเทศ การเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน และให้สื่อต่างๆมีความสำคัญต่อความมั่นคง ขอให้ทุกส่วนราชการ สร้างความเข้าใจให้กับสื่อมวลชนเพื่อเสนอข่าวให้ไปทิศทางเดียวกัน ส่วนการป้องกันประเทศเน้นการเสริมสร้างขีดความสามารถของกองทัพให้มีความ พร้อมในการรักษาเอกราช อธิปไตย และพร้อมรับมือกับภัยคุกคามทุกรูปแบบ รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือประชาชน เพื่อให้ประชาชนศรัทธากองทัพ ส่วนด้านยุทโธปกรณ์กองทัพต้องมีความทันสมัยมีประสิทธิภาพ เพียงพอต่อการปฏิบัติงาน ปรับปรุงโครงสร้างกองทัพให้สอดคล้องกับสถานการณ์ความมั่นคง สำหรับงบประมาณขอให้ทุกส่วนราชการดำเนินการโดยโปร่งใส ตรวจสอบได้ ให้ทุกส่วนงานจัดทำแผนการใช้จ่ายงบประมาณให้สอดคล้องต่อการใช้จ่าย โดยเน้นการวางแผนการเบิกจ่ายงบประมาณในไตรมาสที่ 1 เพื่อไม่ให้เกิดการกระจุกตัวในปลายปีงบประมาณ โดยต้องวางแผนงบประมาณในรอบ 3 เดือน เพื่อให้มีผลต่อการปฏิบัติ และการเบิกจ่ายต้องสอดคล้องกับนโยบาย คสช.


มท.1 กำชับโยธาฯเร่งออกผังเมือง 5 จว.


เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 22 ก.ย.ที่กรมโยธาธิการและผังเมือง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ตรวจเยี่ยมกรมโยธาธิการและผังเมือง โดยมีนายมณฑล สุดประเสริฐ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง ให้การต้อนรับ พล.อ.อนุพงษ์กล่าวมอบนโยบายว่า ขอให้เร่งดำเนินการออกผังเมืองรวม บริเวณชุมชนที่รองรับการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ 5 จังหวัด คือ ตาก มุกดาหาร สระแก้ว ตราด และสงขลา เพื่อให้การกำหนดโซนนิ่งของพื้นที่คมนาคมขนส่งและโครงสร้างพื้นฐาน สำหรับแนวทางการป้องกันน้ำท่วม ขอให้ก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำและริมทะเลทั่วประเทศ แก้ไขปัญหาการพังทลายของตลิ่ง เรื่องการกำจัดผักตบชวาและวัชพืช เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ เร่งแก้ไขปัญหาขยะในทุกพื้นที่ ส่วนศูนย์ดำรงธรรมขอให้ส่งเจ้าหน้าที่ไปอยู่ประจำ


ตามประเมิน ผวจ.ขี้เกียจเจอลงแส้


ผู้สื่อข่าวถามถึง แนวทางการสร้างความปรองดอง ของกระทรวงมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ตอบว่า ได้ให้แนวทางกับผู้ว่าราชการจังหวัดแล้ว หลักใหญ่คือถึงเวลาแล้วที่จะต้องอยู่ร่วมกันด้วยความสงบ เห็นต่างกันได้แต่ต้องอยู่ร่วมกันโดยสันติ ส่วนการประเมินผลงาน ผวจ.ทุกเดือนนั้นเป็นการประเมินเพื่อกระตุ้นการทำงาน ไม่ใช่ประเมินว่าสอบผ่านหรือไม่ผ่าน แต่หากมีการเพิกเฉย หรือไม่ปฏิบัติงานก็ต้องมีมาตรการทางวินัย เมื่อถามว่า วันนี้ครบรอบ 4 เดือนของการปฏิวัติคิดว่าผลงานของ คสช.ที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง พล.อ.อนุพงษ์ตอบว่า ถ้านับวันที่มีความแตกแยกของคนในชาติรุนแรง ประเทศเดินไปไม่ได้ การที่ คสช.เข้ามาแก้ปัญหาแล้วกระแสสังคมรับได้กับสถานการณ์ที่เรียบร้อย และ คสช.มีความโปร่งใส ประชาชนก็คงจะให้เราสามารถแก้ปัญหา ไปตามโรดแม็ปได้ เมื่อถามว่า ล่าสุดมีผลโพลออกมาว่าต้องการให้รัฐบาลอยู่แก้ปัญหาจนเสร็จ ซึ่งอาจจะเลย 1 ปี พล.อ.อนุพงษ์ตอบว่า ก็คงต้องเป็นไปตามโรดแม็ปก่อน ตอนนี้ก็ต้องทำให้เกิดความปรองดองสมานฉันท์อย่าให้กลับไปสู่วังวนของความแตก แยก เมื่อถามว่า รู้สึกอย่างไรที่มีพรรคการเมืองออกมาวิพากษ์วิจารณ์ คสช. พล.อ.อนุพงษ์ตอบว่า ไม่ได้รู้สึกอะไร เราทำตามหน้าที่ คสช.ซึ่งบอกชัดว่าจะแก้ไขปัญหาประเทศชาติให้ได้ ฉะนั้นไม่เห็นว่าเราจะต้องไปยุ่งอะไรกับใคร


ยัน สปช.หลากหลาย–ไม่ล็อกสเปก


พล.อ.อนุพงษ์ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการคัดสรรสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ว่า ในส่วนของตนทำหน้าที่เป็นกรรมการคัดสรรในส่วนของภูมิภาค ได้ส่งรายชื่อให้ คสช.เป็นที่เรียบร้อยแล้วจำนวน 50 คน สำหรับความกังวลในเรื่องของการล็อกสเปกนั้น ยืนยันว่าไม่มีแน่นอน เพราะนโยบายของนายกฯต้องการที่จะได้คนในแต่ละส่วนเป็นผู้ที่รู้จริง เช่น ในส่วนของการปกครองส่วนท้องถิ่นก็จะมีหลากหลาย มีนักวิชาการ นักปกครองท้องถิ่น ผู้ที่เคยทำงานในสายของกระทรวงมหาดไทยและมีความรู้ในเรื่องของการปกครองส่วน ท้องถิ่น และภาคเอกชน ขอยืนยันว่าในส่วนอื่นๆทั้ง 11 ด้าน ก็จะหลากหลายเช่นเดียวกัน


นายกฯให้ คตร.สอบไมค์แพง 3 เดือน


เมื่อเวลา 10.00 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี วันที่ 23 ก.ย.ยังคงใช้ตึกสันติไมตรีหลังในเป็นที่ประชุม ส่วนห้องประชุม ครม.ชั้น 5 ตึกบัญชาการ 1 ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.สั่งให้มีการรื้อถอนไมโครโฟนที่มีปัญหาเรื่องของการจัดซื้อในราคาที่แพง เกินความเป็นจริง ได้นำส่งคืนบริษัทหมดแล้ว เพราะยังไม่ได้มีการจัดซื้อจัดจ้าง และนายกฯสั่งการให้คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ดำเนินการตรวจสอบให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน สอบขั้นตอนต่างๆ ทั้งการทำทีโออาร์ การว่าจ้างบริษัท การทำสัญญาและมีใครกระทำความผิดหรือไม่ จากนั้นรายงานผลสอบให้นายกรัฐมนตรีรับทราบ ส่วนจะสามารถใช้ห้องประชุม 501 เป็นสถานที่ประชุม ครม.ได้เมื่อไหร่นั้น คงต้องดูที่ความพร้อมและความเหมาะสม แต่คงไม่ถึงขั้นที่ต้องให้ คตร.สอบเสร็จ


ถึงคิวเข้าปรับรังนกกระจอก


ร.อ.นพ.ยงยุทธกล่าวว่า ส่วนการปรับปรุงห้องผู้สื่อข่าวทำเนียบฯทั้ง 3 ห้อง เป็นการปรับปรุงให้เกิดความเหมาะสม เพียงพอกับจำนวนผู้สื่อข่าวที่มากขึ้น แต่ทั้งหมดต้องหารือและรับทราบถึงความต้องการของสื่อมวลชนที่ปฏิบัติหน้าที่ อยู่ประจำทำเนียบฯก่อน โดยทั้งหมดจะทำให้เพียงพอต่อการปฏิบัติหน้าที่ ถือเป็นการอำนวยความสะดวกในการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชน


เลขาฯนายกฯส่งคนเจรจาสื่อทุบรัง 1


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากช่วงวันหยุดคนงานทำเนียบรัฐบาล ทำการปรับปรุงภูมิทัศน์ นำต้นไทรอังกฤษความสูง 2.5 เมตร จำนวน 50 ต้น มาปลูกเรียงเป็นกำแพงความยาวกว่า 10 เมตร กั้นระหว่างรังนกกระจอกกับสวนหย่อม ปรากฏว่าตลอดวันเดียวกัน ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ พ.อ.วีรชน สุคนธปฏิภาค คณะทำงานนายกรัฐมนตรี มาพูดคุยกับสื่อมวลชนที่ห้องผู้สื่อข่าว 1 เพื่อหาข้อยุติการปรับปรุงห้องผู้สื่อข่าว โดยช่วงเช้าผู้สื่อข่าวยืนยันไม่ให้ทุบสร้างใหม่ แต่ให้ปรับปรุงขยายพื้นที่ให้เหมาะสมเท่านั้น ปรากฏว่า ช่วงบ่าย พ.อ.วีรชน มาพูดคุยกับผู้สื่อข่าวที่รังนกกระจอก 1 อีกครั้ง นำแบบแปลนภาพรังนกกระจอกที่ออกแบบใหม่ให้ผู้สื่อข่าวดู พร้อมระบุว่าเนื่องจาก พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำรวจพื้นที่แล้วเห็นว่ารังนกกระจอก 1 ซึ่งใช้งานมากว่า 30 ปี รูปแบบไม่เข้ากับสถาปัตยกรรมของตึกนารีสโมสร และตึกไทยคู่ฟ้า จึงสั่งให้สถาปนิกร่างแบบใหม่สร้างให้เข้ากับสถาปัตยกรรมตึกนารีสโมสร และตึกไทยคู่ฟ้า และระบุว่าแบบดังกล่าวผ่านความเห็นชอบจากนายกฯแล้ว


อ้างไม่กลมกลืนกับตึกในทำเนียบฯ


พ.อ.วีรชนกล่าวว่า หลังจากได้ข้อสรุปที่ชัดเจน ผู้รับเหมาจะเข้าดำเนินการทันที มีความจำเป็นต้องทุบตึกเดิมและสร้างตึกใหม่เพื่อความรวดเร็ว ใช้ระยะเวลาดำเนินการ 60-90 วันโดยประมาณ ระหว่างการรื้อถอนจะให้สื่อมวลชนทำงานในตู้คอนเทนเนอร์ที่จัดเตรียมไว้ให้ ปรับใช้เป็นที่ทำงานสื่อชั่วคราว ตั้งใกล้รังนกกระจอก 1 และยืนยันกับสื่อมวลชนว่าหลังก่อสร้างแล้วเสร็จ จะให้สื่อมวลชนกลับมาประจำในห้องปฏิบัติการเดิมอย่างแน่นอน เรื่องดังกล่าวนายกฯ ปรารภกับคณะทำงานว่ามองลงไปแล้วรังนกกระจอก 1 ไม่กลมกลืนกับตึกไทยคู่ฟ้า และตึกนารีสโมสร ต้องการให้ปรับปรุงเข้าสถาปัตยกรรมในภาพรวม สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเรียบร้อย การซ่อมแซมห้องพักสื่อมวลชนทั้ง 3 จุด ใช้งบประมาณ 2,020,000 บาท คำนวณจากสถาปนิกของกรมโยธาธิการและผังเมือง รังนกกระจอก 1 ใช้งบฯ 622,000 บาท เพิ่มตามความเหมาะสม


สื่อรวบรวมรายชื่อค้านทุบสร้างใหม่


จากนั้นสื่อมวลชนประจำรังนกกระจอก 1 ได้รวบรวมรายชื่อ เพื่อแสดงจุดยืนว่าไม่ต้องการให้ทุบรังนกกระจอกทิ้ง เพราะเห็นว่าเป็นสถาปัตยกรรมดั้งเดิมและมีประวัติศาสตร์ทางการเมืองมายาวนาน เสนอไปยังเลขาธิการนายกรัฐมนตรี แต่หากจะทุบก็ไม่ขัด ถ้าทำให้ภูมิทัศน์ในทำเนียบรัฐบาลดีขึ้น เพียงแต่ขอให้สื่อมวลชนกลับมาอยู่ที่เดิมตามที่ตกลงกันไว้ เนื่องจากจุดนี้ถือเป็นสถานที่ทำงานจุดแรกในทำเนียบรัฐบาลของสื่อมวลชน และเป็นจุดที่มีภูมิทัศน์เหมาะต่อการติดตามความเคลื่อนไหวต่างๆในทำเนียบ รัฐบาลได้อย่างเหมาะสม


“สุวพันธุ์” เล็งตั้งวิปประสาน สนช.21 คน


เมื่อเวลา 13.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงความคืบหน้าการตั้งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติว่า ตามที่ประชุม ครม.มีมติและนายกรัฐมนตรีมอบหมายให้ตนเป็นผู้ดำเนินการ ล่าสุดได้สั่งการให้รองเลขาธิการคณะรัฐมนตรีประสานไปยังสภานิติบัญญัติแห่ง ชาติ (สนช.) แล้วเพื่อร่วมกันพิจารณาองค์ประกอบ อำนาจหน้าที่ ก่อนที่จะมีการตั้งคณะกรรมการ 21 คน ที่มีผู้ทรงคุณวุฒิจากฝ่ายรัฐบาลและสมาชิก สนช.ร่วมเป็นคณะกรรมการ และมีตนเป็นหนึ่งในคณะกรรมการ โดยจะเร่งดำเนินการจัดตั้งให้เร็วที่สุด เพื่อเสนอรายชื่อให้นายกฯลงนามแต่งตั้งต่อไป


ครม.เตรียมตั้ง สมช.-สขช.แทนคนเก่า


นายสุวพันธุ์ในฐานะผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ (สขช.) เปิดเผยว่า สำหรับการแต่งตั้งผู้อำนวยการ สขช.แทนตนที่จะเกษียณอายุราชการเดือน ก.ย.นี้ สัปดาห์ที่ผ่านมาส่งรายชื่อผู้ที่เหมาะสม ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.พิจารณาแล้ว ส่วนจะมีการนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 23 ก.ย.หรือไม่ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายกฯ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุวพันธุ์ได้เสนอชื่อนายฉัตรพงษ์ ฉัตราคม รองผู้อำนวยการ สขช. อาวุโสลำดับที่ 1 ดำรงตำแหน่งแทน และมีรายงานข่าวว่า การประชุม ครม.วันที่ 23 ก.ย.จะมีการพิจารณาแต่งตั้งข้าราชการระดับสูงทดแทนในตำแหน่งที่จะเกษียณอายุ ราชการในเดือน ก.ย.นี้ หลายตำแหน่งด้วย อาทิ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เสนอชื่อนายอนุสิษฐ คุณากร รองเลขาธิการ สมช.เป็นเลขาธิการ สมช.โดยชื่อได้เสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ พิจารณาก่อนแล้วเช่นเดียวกัน


รมว.แรงงานเสนอ ครม.ตั้งปลัดใหม่


พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.แรงงาน กล่าวว่า วันที่ 23 ก.ย. จะเสนอรายชื่อแต่งตั้งปลัดกระทรวงแรงงาน และอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) รวมทั้งเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ทดแทนผู้ที่เกษียณ โดยจะยึดเกณฑ์ตามที่นายจีรศักดิ์ สุคนธชาติ ปลัดกระทรวงแรงงานนำเสนอ เนื่องจากเป็นผู้ที่เข้าใจและรู้จักข้าราชการดี ตนให้ความสำคัญในเรื่องของความอาวุโส ความรู้ความสามารถเป็นองค์ประกอบในการพิจารณาแต่งตั้ง และมั่นใจว่าเมื่อแต่งตั้งไปแล้วจะสามารถอธิบายเหตุผลให้ข้าราชการได้เข้าใจ อย่างไรก็ตามหากเกิดปัญหาที่ตัวบุคคลในภายหลัง ก็สามารถปรับเปลี่ยนโยกย้ายได้อีก


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายจีรศักดิ์ได้เสนอให้นายนคร ศิลปอาชา อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) ขึ้นเป็นปลัดกระทรวงแรงงานคนใหม่ เนื่องจากมีความอาวุโสสูงสุด เหลืออายุราชการ 1 ปี และเคยเป็นอธิบดีมาแล้ว 3 กรม


รบ.ท้าส่งหลักฐานล็อกสเปก สปช.


ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการร้องเรียนล็อกสเปกสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ว่า หากมีเบาะแสว่าล็อกสเปกจริง ขอให้ส่งเรื่องร้องเรียนเข้ามายังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หรือรัฐบาล จะสอบสวนเรื่องดังกล่าวทันที และจะดำเนินการกับผู้กระทำความผิดหากตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นเรื่องจริง ขอยืนยันว่าไม่มีการล็อกสเปกแน่นอน คณะกรรมการสรรหา สปช.มีแนวทางในกระบวนการสรรหาอยู่แล้ว และกรรมการทุกคนยึดความถูกต้องโปร่งใส เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีห้ามไม่ให้เปิดเผยข้อมูลการสรรหาสปช.จะเป็นข้อดีหรือข้อเสียต่อ รัฐบาล ร.อ.นพ.ยงยุทธตอบว่า คณะกรรมการทำงานด้วยความบริสุทธิ์ใจ เพื่อให้ได้คนที่มีคุณภาพ คุณสมบัติเหมาะสม มีความรู้ความสามารถ หากสงสัยอะไรสามารถสอบถามผู้ที่เกี่ยวข้องได้อยู่แล้ว


สนช.จี้ คสช.ตรวจสอบลบข้อครหา


ที่รัฐสภา นายสมชาย แสวงการ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้ คสช. เข้ามาตรวจสอบข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการสรรหา สปช. ในหลายจังหวัดที่ถูกระบุว่าไม่มีความโปร่งใสและมีการล็อกสเปกจากกรรมการ สรรหา ส่วนตัวก็ได้รับทราบข้อมูลว่ามีปัญหานี้เกิดขึ้นจริง เช่น กรณีที่จังหวัดสุรินทร์ พัทลุงและหลายจังหวัด แม้ว่าองค์ประกอบในกรรมการสรรหาจะมีฝ่ายตุลาการอยู่ด้วยแต่ก็เป็นเพียงแค่ เสียงข้างน้อย ทำให้รายชื่อที่ได้รับการเสนอไปถึง คสช.ถูกล็อกให้เป็นคนที่กรรมการสรรหาส่วนใหญ่ในจังหวัดนั้น กล้องcctvต้องการให้เป็น สปช.เท่านั้น จึงอยากให้มีการแก้ปัญหานี้ก่อนไม่เช่นนั้นอาจจะกระทบต่อภาพรวมในการตั้ง สปช. ทั้งที่ในส่วนกลาง 11 ด้านไม่มีปัญหาเรื่องความโปร่งใส


จังหวัดไหนมีปัญหาให้แขวนไว้ก่อน


นายสมชายกล่าวว่า สำหรับการกำหนดให้ปกปิดรายชื่อผู้ที่ได้รับการทาบทาม จนถึงผู้ที่ได้รับการสรรหาเพื่อเสนอต่อ คสช.เป็นความลับทั้งกระบวนการ มีจุดอ่อนทำให้ประชาชนไม่มีโอกาสได้ตรวจสอบว่า กรรมการสรรหาทำหน้าที่อย่างโปร่งใสหรือไม่ หาก คสช.ตรวจสอบเรื่องนี้และพบว่าในจังหวัดใดที่มีปัญหาก็อาจจะระงับการเลือก สปช.ในจังหวัดนั้นออกไปก่อน เพราะตามรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ว่า ให้ตั้ง สปช.ไม่เกิน 250 คน หากจังหวัดใดมีปัญหาก็ยังไม่ต้องตั้ง ควรแก้ไขให้เกิดความโปร่งใส เป็นที่ยอมรับของประชาชนในพื้นที่ก่อน เหมือนกับการตั้ง สนช.ที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้ตั้งจำนวน 220 คน แต่ปัจจุบันก็มีไม่ครบตามจำนวนดังกล่าว มีเพียงแค่ 192 คนก็ทำหน้าที่ได้


อดีต ส.ว.จี้เปิดรายชื่อผู้ผ่านการคัดสรร


นายยุทธนา ยุพฤทธิ์ อดีต ส.ว.ยโสธร และผู้เข้ารับการสรรหาเป็น สปช. จ.ยโสธร กล่าวถึงกระบวนการคัดเลือกผู้สมัคร สปช. จ.ยโสธร โดยมิชอบว่า ในวันที่ 23 ก.ย. จะไปยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. เพื่อขอความเป็นธรรม กรณีที่คณะกรรมการสรรหา สปช. จ.ยโสธร ใช้อำนาจตัดสิทธิผู้สมัครสปช. จ.ยโสธรหลายคน โดยไม่ถูกต้อง ล่าสุดได้ขอเอกสารจากคณะกรรมการสรรหา สปช. จ.ยโสธร ถึงหลักเกณฑ์การคัดเลือก และวิธีการให้คะแนน แต่คณะกรรมการสรรหาฯไม่ให้ข้อมูล บอกว่าให้ไปขอ คสช. การไม่ยอมเปิดเผยรายละเอียด ทั้งที่ตนเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงถือว่าทำผิดกฎหมาย ขัดต่อ พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร อยากให้คณะกรรมการสรรหา สปช. จ.ยโสธร เปิดเผยรายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือก 5 คน ให้สังคมช่วยตรวจสอบด้วย ไม่ใช่ปิดเป็นความลับ ถ้าไม่เปิดเผยจะยิ่งถูกครหาว่าล็อกสเปก การอ้างว่ากลัวการวิ่งเต้นจึงไม่เปิดเผยรายชื่อนั้น แม้จะเปิดเผยหรือไม่เปิดเผยก็มีการวิ่งเต้นอยู่ดี จึงควรเปิดเผยเพื่อความโปร่งใส พร้อมชี้แจงด้วยว่ามีวิธีการให้คะแนนอย่างไร


โยน คสช.ตัดสินเปิดชื่อคนผ่านรอบแรก


นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติ คนที่ 1 ในฐานะคณะกรรมการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ด้านการเมือง ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวการล็อกสเปกสรรหา สปช.ว่า กระบวนการสรรหาเป็นไปตามขั้นตอน ยืนยันไม่มีการล็อกสเปก เพราะใช้วิธีคัดเลือกด้วยการลงคะแนนลับ ส่วนจะต้องเปิดเผยรายชื่อผู้ผ่านสรรหารอบแรกหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับคณะรักษา ความสงบแห่งชาติ (คสช.) แต่ตนเห็นว่ามีข้อดีที่จะได้โปร่งใสตรวจสอบได้ แต่ข้อเสียคือ อาจทำให้เกิดการวิ่งเต้นเพื่อให้ผ่านการคัดเลือกรอบสุดท้าย


สนช.ไม่สนเสียงค้านลุยติดดาบถอดถอน


นายสุรชัยยังกล่าวถึงการพิจารณาร่างข้อบังคับการประชุมสภานิติบัญญัติ แห่งชาติ วาระ 2 ในที่ประชุม สนช. วันที่ 25 ก.ย.ว่า เบื้องต้นมีสมาชิกขอยื่นคำแปรญัตติ โดยมีทั้งกรรมาธิการเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ในส่วนที่เห็นด้วยและยอมปรับแก้ไขแล้วคือเรื่องการถอดถอนที่จะมีการตั้งวิป ขึ้นมาเพื่อกลั่นกรองเรื่องก่อนส่งเรื่องให้ สนช. ดำเนินการถอดถอน ส่วนที่วิพากษ์วิจารณ์ว่าการถอดถอนอาจค้านต่อแนวทางสร้างความปรองดองนั้น ยืนยันว่าการถอด ถอนจะเป็นไปตามหลักเกณฑ์ โดยเฉพาะเรื่องทุจริตคอร์รัปชันที่ต้องตรวจสอบจนถึงที่สุด เพราะไม่เช่นนั้นประชาชนอาจจะไม่ยอมรับ เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน


กกต.ย้ำส่งรายชื่อให้ คสช.ทั้งหมด 23 ก.ย.


เมื่อเวลา 12.40 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง กล่าวถึงการเสนอชื่อผู้เหมาะสมเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ระดับจังหวัดว่า ทราบว่ามี 68 จังหวัด สรรหาแล้วเสร็จ เหลืออีก 9 จังหวัดคาดว่าจะแล้วเสร็จในวันนี้ (22 ก.ย.) และจะส่งให้ คสช.พิจารณาได้ในวันที่ 23 ก.ย. ส่วนกรณีที่ นพ.อนันต์ อริยะชัยพาณิชย์ อดีตรองประธานวุฒิสภาและผู้เสนอชื่อเข้ารับการสรรหา สปช.จังหวัดสุรินทร์ กล่าวหาว่ามีการล็อกสเปกนั้น ท่านรู้ได้อย่างไรว่าท่านไม่มีชื่อ ดังนั้น จึงเป็นเพียงการคาดการณ์ เราระมัดระวังเรื่องนี้อย่างเต็มที่ และคณะกรรมการสรรหาจังหวัดคงไม่ทำอย่างนั้น เหมือนเนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่งเอากระดูกแขวนคอ อย่างไรก็ตาม การสรรหา สปช. 250 คน อาจไม่ต้องครบในครั้งเดียว หากมีกรณีไม่ถูกต้อง คสช.มีอำนาจสั่งให้มีการเลือก สปช.ใหม่ได้


ใช้งบฯ 57 ทัวร์นอกไม่ขัดนโยบาย คสช.


นายภุชงค์ยังกล่าวถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่และกกต.ใช้งบประมาณเดินทางไปดู งานกับหลักสูตรพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง (พตส.) รุ่นที่ 5 ว่า หลักสูตร พตส.ได้รับเงินสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาการเมืองกับงบประมาณของสำนักงาน กกต.ซึ่งใช้งบประมาณที่ขออนุมัติไว้แล้วตั้งแต่ปี 2557 โดยหลักสูตรของ พตส.จะต้องไปทัศนศึกษาดูงานเกี่ยวกับการเลือกตั้งเพื่อรับฟังข้อเสนอแนะและ นำมาพัฒนาการเลือกตั้ง ยืนยันว่าเป็นการดำเนินการตามงบประมาณที่ขอไว้ล่วงหน้า 6-7 เดือนแล้ว ยอมรับว่ามีเจ้าหน้าที่เดินทางไปด้วยจริง ซึ่งไปเพื่ออำนวยความสะดวกและเพื่อบันทึกข้อมูล ทุกคนที่ไป ไม่ได้ไปเที่ยว เมื่อถามว่าการไปทัศนศึกษาต่างประเทศขัดนโยบาย คสช.หรือไม่ นายภุชงค์ตอบว่า คสช.มอบนโยบายไม่ให้เดินทางไปต่างประเทศในการใช้งบประมาณปี 2558 แต่การเดินทางไปดูงานของ พตส.ครั้งนี้ใช้งบประมาณปี 2557 ยืนยันว่าในงบประมาณปี 2558 จะไม่มีการไปทัศนศึกษาต่างประเทศแน่นอน


“สมชัย” นัดแจงประโยชน์ดูงานนอก


นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง ชี้แจงกรณีเดินทางไปดูงานการออกเสียงประชามติเพื่อแยกประเทศของสกอตแลนด์ ร่วมกับนักศึกษาหลักสูตรพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง (พตส.) รุ่นที่ 5 ว่า จะไม่ชี้แจงว่าการไปดูงานนี้สิ้นเปลืองงบฯหรือไม่ เพราะตนไม่ได้เป็นผู้ริเริ่มหลักสูตรนี้ ต้องให้สำนักงานชี้แจงประเด็นนี้ รวมถึงประเด็นที่มีเจ้าหน้าที่ซึ่งไม่ใช่นักศึกษาร่วมคณะไปด้วย เพราะตนมีผู้ติดตามไปคนเดียว ไม่ได้มีผู้ติดตามมากถึง 7-8 คนเหมือน กกต.ชุดก่อน ส่วนตัวจะนำเสนอเฉพาะประโยชน์ที่ได้รับจากการไปดูงานในครั้งนี้ ซึ่งจะบรรยายให้กับนักศึกษาหลักสูตรการเมืองและการปกครองระดับสูงรุ่นที่ 18 ของสถาบันพระปกเกล้าในวันที่ 23 ก.ย. เวลา 09.00-11.30 น. จึงขอให้ผู้โจมตีตนไปร่วมรับฟังด้วย ทั้งที่ความจริงไม่มีหน้าที่ต้องรายงานใคร


เชื่อพุ่งเป้าเล่นงานปั่นปมการเมือง


นายสมชัยกล่าวว่า การไปดูการออกเสียงประชามติแยกประเทศของสกอตแลนด์ครั้งนี้ถือเป็นประวัติ ศาสตร์ เพราะโอกาสลักษณะนี้หาไม่ได้ง่ายในรอบ 100 ปี และนักศึกษาชุดนี้สามารถนำมาปรับใช้กับบ้านเราได้ ยืนยันว่าไม่ได้ใช้งบฯเพื่อไปเที่ยว ส่วนที่มีรูปถ่ายกับสถานท่องเที่ยวนั้น ก็เป็นการศึกษาเชิงศิลปวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ ไม่เสียหายอะไร แต่ถ้าตนไปดูงานในบ่อน ไนต์คลับหรือที่อโคจร จะน่าละอายมากกว่า เชื่อว่าคงอยากให้เป็นประเด็นทางการเมืองเพราะไม่ใช่ตนไปเพียงคนเดียว แต่ไปหลายคน ทำไมจึงมาโจมตีตนคนเดียว เมื่อถามว่า คิดว่ากระแสข่าวที่เกิดขึ้นจะมีผลต่อการเข้าสรรหาเป็น สปช.หรือไม่ นายสมชัยตอบว่า การจะได้รับเลือก หรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่าคณะกรรมการสรรหาเห็นว่าตน มีประโยชน์หรือไม่ เพราะมีหน้าที่อื่นที่ต้องรับผิดชอบ


เตือนล็อกสเปกเสี่ยงปฏิรูปสะดุด


นพ.พลเดช ปิ่นประทีป เลขาธิการสถาบันชุมชนท้องถิ่นพัฒนา (แอลดีไอ) รับติดตั้งกล้องวงจรปิดกล่าวถึงกรณีข้อสงสัย การล็อกสเปก สปช.ว่า คสช.ต้องชี้แจงประเด็นที่ถูกสงสัยให้ชัดเจน เช่น การใช้หลักเกณฑ์ใดคัดเลือก สปช.แต่ละด้าน จากที่ส่งชื่อไปด้านละ 50 คน คัดให้เหลือด้านละ 10 คน รวมถึงหลักเกณฑ์การคัดเลือกสปช.จังหวัด เพื่อให้ประชาชนสบายใจ หาก คสช. ไม่ชี้แจงไม่ใส่ใจต่อการตอบคำถาม แล้วรายชื่อ สปช. ที่ออกมา 250 คน ทำให้ประชาชนร้องยี้ อาจจะกระทบ การปฏิรูปในอนาคต ในแง่ของการไม่ให้ความร่วมมือ รวมถึงอาจส่งผลกระทบต่อคะแนนนิยมของรัฐบาลได้ ส่งผลให้การยึดอำนาจวันที่ 22 พ.ค. เสียของ แต่ หาก คสช.เลือกที่จะชี้แจงหลักเกณฑ์ วิธีการต่างๆ จะทำให้ประชาชนคลายข้อสงสัย แม้ผลคัดเลือกรอบ สุดท้ายออกมาแม้จะไม่ดีที่สุด ประชาชนก็ยังปรบมือ


นักวิชาการแนะให้สังคมมีส่วนร่วม


นายยุทธพร อิสรชัย คณบดีรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช กล่าวว่า การคัดสรร สปช. ควรให้สังคมมีส่วนร่วมมากขึ้น เพราะ สปช.ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง หากมีการเปิดเผยรายชื่อผู้ที่ได้รับการสรรหาในรอบแรก หรือเปิดเผยเกณฑ์การให้คะแนนและคุณสมบัติที่นำมาพิจารณา จะทำให้ประชาชนมีความรู้สึกว่ามีส่วนร่วมในการสรรหาและคิดว่าสภานี้เป็นตัว แทนของพวกเขา ส่วนที่มีข่าวร้องเรียนว่าเล่นพรรคเล่นพวกนั้น อาจเป็นเพราะว่าในต่างจังหวัดนั้นๆ มีกลุ่มผู้มีอิทธิพลที่มีผลประโยชน์เข้ามามีบทบาทในการสรรหา จำเป็นที่ คสช.ต้องเร่งแก้ไขโดยเร็วอย่าปล่อยไว้เพื่อให้ความปรองดองเกิดขึ้นได้


เตือน คสช.ปิดกั้นมากจะเจอระเบิด


นายยุทธพรยังกล่าวถึงกรณี 60 นักวิชาการออกจดหมายเปิดผนึกประณามกรณีทหารและตำรวจสั่งให้นักวิชาการและนัก ศึกษายุติงานเสวนาที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ว่า อาจารย์ที่ออกมาล้วนเป็น นักวิชาการรุ่นใหม่ ความขัดแย้งในสังคมวันนี้ไม่ใช่แค่วาทกรรม บรรยากาศการเมืองเปลี่ยนไป ความคิดเห็นของคนรุ่นใหม่ก็เปลี่ยนไปด้วย เรื่องนี้ คสช.จะละเลยไม่ได้ ต้องทำความเข้าใจ รวมทั้งยอมรับความคิดเห็น เปิดพื้นที่ปลอดภัยให้สามารถคุยกันและแสดงความคิดเห็นได้บ้าง เหมือนการต้มน้ำในกา เราต้องปล่อยไอน้ำออกมาบ้าง ไม่เช่นนั้นกาอาจระเบิดได้ เพราะหากปิดกั้นมากเกิดไป อาจจะเป็น แรงกดดันและเป็นชนวนเหตุในการออกมาเคลื่อนไหวชุมนุมในอนาคตได้


สวน “บิ๊กป้อม” ยันไม่ขออนุญาตแน่


นายปราชญ์ ปัญจคุณาธร กล้องวงจรปิด อาจารย์คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ระบุถึงนักวิชาการให้ขออนุญาต คสช.ก่อนจัดการเสวนาและอย่าล้ำเส้นว่า ในแง่ของเสรีภาพการแสดงความเห็นทางวิชาการต้องไม่ถูกควบคุมเนื้อหาหรือหัว ข้อ ไม่เช่นนั้นจะไม่ใช่การแลกเปลี่ยนทางวิชาการอีกต่อไป ทหารไม่มีสิทธิ์จะมาควบคุมหรือจำกัดเสรีภาพทางวิชาการได้ แต่กลุ่มนักวิชาการ 60 คน ยังไม่ได้หารือว่าจะทำอย่างไรต่อไป เพียงย้ำจุดยืนคือ เสรีภาพทางวิชาการต้องไม่ถูกควบคุม และจะไม่ ขออนุญาตแน่นอน ทั้งนี้ ยืนยันว่างานทางวิชาการไม่กระทบต่อความมั่นคง และนักวิชาการไม่ได้ล้ำเส้นใคร มีแต่ทหารที่มาล้ำเส้นเรามาจับนักวิชาการในมหาวิทยาลัย ยอมรับไม่ได้ที่จะมาคุกคามกันเช่นนี้


ชี้ “ศรีสุวรรณ” ยื่นศาล รธน.ไม่ได้


นายรักษเกชา กล่าวถึงกรณีนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เตรียมยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญด้วยตนเองให้วินิจฉัย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และกรณีที่บุคคลจากองค์กรตามรัฐธรรมนูญเสนอชื่อเข้ารับการสรรหาเป็นสมาชิก สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กระทำขัดต่อรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวว่า เป็นสิทธิของนายศรีสุวรรณและขึ้นอยู่กับศาลรัฐธรรมนูญจะรับเรื่องหรือไม่ แต่ไม่แน่ใจว่าตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวเปิดช่องให้ทำได้หรือไม่ และเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องการกระทำจะส่งศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้ และอำนาจ คสช.ถือเป็นที่สุดตามที่ผู้ตรวจได้มีมติยกคำร้องไปแล้ว


ลูกจ้างร้องผู้ตรวจฯแก้ปัญหาโดนรีไทร์


เมื่อเวลา 09.00 น. ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน สหพันธ์พนักงานจ้างท้องถิ่นแห่งประเทศไทย จำนวนหนึ่ง นำโดยนางปิยะพร จันทร์ละมุด ประธานสหพันธ์พนักงานจ้างท้องถิ่นแห่งประเทศไทย และนายพิพัฒน์ วรสิทธิดำรง นายกสมาคมข้าราชการส่วนท้องถิ่นแห่งประเทศไทย ในฐานะที่ปรึกษาสหพันธ์ฯ เข้ายื่นหนังสือถึงนางผาณิต นิติทัณฑ์ประภาศ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ผ่านนายรักษเกชา แฉ่ฉาย รองเลขาธิการและโฆษกสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อร้องทุกข์กรณีพนักงานจ้างท้องถิ่นถูกเลิกจ้าง ซึ่งเป็นผลกระทบจากนโยบายของรัฐบาล เนื่องจากนโยบายรัฐบาลชุดเดิม กำหนดนโยบายปรับเงินเดือนและค่าจ้างแก่ข้าราชการและลูกจ้างภาครัฐ แต่ไม่เพิ่มเม็ดเงินให้ท้องถิ่น ทำให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหลายแห่งใช้เป็นข้ออ้างปรับลดตำแหน่งพนักงาน จ้าง ส่งผลให้พนักงานจ้างหลายร้อยคนถูกบีบให้เซ็นหนังสือลาออก โดยที่ไม่ยินยอม ที่ผ่านมาเคยขอความช่วยเหลือจากกระทรวงมหาดไทย สำนักนายกฯ และสำนักปลัดกลาโหม แต่ยังไม่มีการแก้ไขให้ถูกต้อง จึงขอให้ผู้ตรวจฯเสนอเรื่องไปยังนายกฯและหัวหน้า คสช.เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว


“รัชตะ” ยังแทงกั๊กนั่งควบตำแหน่ง


วันเดียวกัน นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รมว.สาธารณสุข และอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีสภามหาวิทยาลัยมหิดลขีดเส้นให้ นพ.รัชตะเลือกนั่งตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่ง ระหว่าง รมว.สาธารณสุข หรืออธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล ในวันที่ 8 ต.ค.นี้ ว่า ไว้รอฟังพร้อมกัน ขณะนี้ยังไม่พร้อม และหากตัดสินใจแล้วจะเรียนให้ทราบอีกที อย่างไรก็ตาม ตนมีความชัดเจนแน่นอน ส่วนจะเปิดเผยวันไหนยังไม่ได้กำหนดว่าวันไหนจะพูดหรือไม่พูด สำหรับกระแสกดดันจากสังคมภายนอกถึงการนั่งควบ 2 ตำแหน่งนั้น ไม่รู้สึกกดดัน เพราะทำงานเต็มที่ทั้งหมด


คณะทำงานร่วมเลื่อนถกคดีข้าว


ที่โรงแรมดุสิตธานี พัทยา จ.ชลบุรี นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงความคืบหน้าการตั้งคณะทำงานร่วมระหว่าง ป.ป.ช.กับอัยการสูงสุด (อสส.) ในการพิจารณาข้อไม่สมบูรณ์คดีรับจำนำข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า เดิมที่จะนัดประชุมคณะทำงานร่วมนัดแรกในวันที่ 23 ก.ย. ล่าสุดทาง อสส.ที่มีนายวุฒิพงศ์ วิบูลย์วงศ์ รองอัยการสูงสุด เป็นหัวหน้าคณะทำงานทำหนังสือแจ้งว่า ขอเลื่อนการประชุมคณะทำงานนัดแรกออกไปก่อน เพราะคณะทำงานฝ่าย อสส.ยังไม่พร้อม


“จาตุรนต์” ห่วงรูปแบบ ลต.บิดเบี้ยว


นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีต รมว.ศึกษาธิการ และแกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่าหากออกรัฐธรรมนูญฉบับถาวรสำเร็จแล้ว ไม่ได้หมายความว่าจะเลือกตั้งได้ทันทีว่า หากมองตามกฎหมายก็เป็นเช่นนั้น เพราะธรรมนูญชั่วคราวไม่ได้พูดชัดเจนว่าจะเลือกตั้งเมื่อใด ซึ่งเป็นปัญหาที่หลายฝ่ายสนใจและต้องการให้เกิดความชัดเจน ทั้งนี้มองว่านายวิษณุพูดตามความเป็นจริงทางการเมืองและเข้าใจในกฎหมาย แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือมีหลายคนออกมาพูดในลักษณะที่ไม่ชัดเจนว่า ต้องอยู่นานบ้าง หรือบางคนอยากอยู่นานก็ไม่ทราบ จนไม่ทราบว่าจะมีการเลือกตั้งเมื่อใด ตนห่วงว่าหากเลื่อนเลือกตั้งออกไปเรื่อยๆ ปัญหาจะยิ่งมีมาก ประเทศจะอยู่ไปโดยไม่ได้รับการยอมรับ และสิ่งที่เป็นห่วงมากกว่านั้นคือ ไม่ทราบว่าการเลือกตั้งในอนาคตจะเป็นอย่างไร มีความหมายแบบไหน การเลือกตั้งจะเป็นการให้ประชาชนได้ตัดสินอนาคตของประเทศจริงหรือไม่ เรื่องนี้เป็นสิ่งสำคัญกว่าที่จะมองว่าจะมีเลือกตั้งเมื่อไร


“ปานเทพ” ลั่นต้องทำให้เร็วที่สุด


นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธาน ป.ป.ช. กล่าวว่า หากจะเลื่อนการประชุมในวันที่ 23 ก.ย.ออกไป ก็คงต้องนัดประชุมใหม่ให้เร็วที่สุดเพื่อหารือถึงอำนาจการฟ้อง พยานหลักฐานที่จะต้องไต่สวนเพิ่มเติม ต้องพยายามทำให้เร็วที่สุด อาจจะประชุมร่วมกันประมาณ 1-2 ครั้ง ยืนยันว่าการใช้เวลาพิจารณาร่วมกันคงไม่ยืดเยื้อเป็นปีเหมือนที่ผ่านมา อยากให้ อสส.เป็นผู้ส่งฟ้อง แต่ถ้า อสส.ไม่สามารถส่งฟ้องได้ ป.ป.ช.ก็ต้องดำเนินการเอง


“ไพบูลย์” ย้ำรัฐ ยันไม่ล้วงลูก ป.ป.ช.


ที่โรงแรมดุสิตธานี พัทยา จ.ชลบุรี พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันว่า รัฐบาลมีหน้าที่บริหารประเทศต้องรับผิดชอบทุกเรื่อง แต่การปราบทุจริตต้องทำอย่างบูรณาการ จำเป็นต้องดูแลตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ หลังจากนี้จะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการปราบทุจริตมาประชุมว่าที่ผ่าน มามีปัญหาติดขัดอะไร จะรับเป็นเจ้าภาพให้หน่วยงานเหล่านี้มาบูรณาการกัน ทั้งการทำงานและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ยืนยันว่า รัฐบาลและ คสช.จริงใจจะแก้ปัญหาการทุจริต พร้อมให้ความเป็นอิสระแก่ ป.ป.ช.ในการทำงาน จะไม่ใช้อำนาจสั่งการ เพราะเป็นการก้าวก่ายจึงต้องร่วมมือกัน ทั้งนี้ได้ให้นโยบายคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ไปตรวจสอบหน่วยงานภายในกระทรวงยุติธรรมให้เรียบร้อยก่อนจะไปตรวจสอบกระทรวง อื่น เมื่อถามว่า หากมีชื่อ พล.อ.ไพบูลย์ถูกร้องเรียนไปยัง ป.ป.ช. พล.อ.ไพบูลย์ตอบว่า “หากพบว่าทำผิด ผมก็ลาออก เพราะคนดูแลเรื่องทุจริต ทำทุจริตเอง แล้วจะอยู่ได้อย่างไร”


“วรงค์” จี้ “ปนัดดา” แถลงข้าว 3 ปม


นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าวคงเหลือของรัฐ จะแถลงผลตรวจสอบโกดังข้าวทั่วประเทศรวม 1,787 โกดังและอีก 136 ไซโลในสัปดาห์หน้าว่า จำเป็นต้องเตือนความทรงจำและแนะแนวทางการแถลงข้อมูลที่ประชาชนอยากทราบคือ 1.ปริมาณข้าวที่เหลือ มีการสูญหายหรือไม่ เท่าไร เทียบกับรายงานการตรวจของ น.ส.สุภา ปิยะจิตติ อดีตประธานอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการจำนำข้าว แล้วเป็นอย่างไร 2.ทราบหรือไม่ว่า มีการเวียนข้าวมาคืนหรือไม่ อย่างไร ผลการตรวจคุณภาพข้าวเป็นอย่างไร ตัวเลขความเสียหายเชิงคุณภาพที่ต่ำกว่ามาตรฐานแจงออกมาได้หรือไม่ 3.การที่ตรวจพบทั้งข้าวหายและข้าวเสื่อมสภาพ รัฐบาลมีแนวทางในการปราบปรามผู้ที่มีส่วนร่วมการทุจริตอย่างไร เพราะหากมีแค่ฝ่ายเอกชนจะทำการทุจริตไม่ได้แน่ สิ่งเหล่านี้รอคอยรับฟังในปลายเดือน ก.ย.


ปล่อยตัว “เจ๋ง ดอกจิก” พ้นคุก


สำหรับกรณีที่ศาลอาญามีคำสั่งเมื่อวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมา เห็นควรส่งเรื่องการพิจารณาปล่อยชั่วคราว ที่นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสด 5 แสนบาท เพื่อขอปล่อยชั่วคราวระหว่างฎีกานายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก แกนนำ นปช. จำเลยคดีหมิ่นเบื้องสูง หมายเลขดำ อ.2740/2553 หมายเลขแดง อ.193/2556 ที่แสดงพฤติการณ์ดูหมิ่นแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 มาตรา 2, 8 และ 12 โดยศาลอาญาพิพากษาจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญาให้ศาลฎีกาพิจารณาปล่อยชั่วคราวนั้น วันเดียวกัน นายวิญญัติทนายของนายยศวริศ กล่าวว่า วันนี้ศาลอาญาอ่านคำสั่งศาลฎีกาเรื่องปล่อยชั่วคราวนายยศวริศ โดยศาลฎีกาอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ตีราคาหลักทรัพย์ 700,000 บาท โดยไม่มีกำหนดเงื่อนไขใดๆ ทางทีมทนายความจะยื่นหลักทรัพย์ 700,000 บาท ไปทำสัญญาประกันที่ศาลอาญา ก่อนที่ศาลอาญาจะออกหมายปล่อยนายยศวริศ จากนั้นจะนำหมายส่งไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯเพื่อปล่อยตัวนายยศวริศต่อไป


“พระสุเทพ” ตอบคำซักค้านคดีฟ้องหมิ่น


โดยนายสวัสดิ์ เจริญผล ทนายความโจทก์ กล่าวว่า พระสุเทพ ได้ตอบคำซักค้านของพนักงานอัยการ ซึ่งทำหน้าที่แก้ต่างให้จำเลยที่ 1 สรุปว่า โครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทนดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่สมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ และจากนั้นช่วงที่ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ ดำรงตำแหน่งรักษาการ ผบ.ตร. ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ระบุให้เปลี่ยนจากประมูลก่อสร้างรายภาคเป็นส่วนกลาง ซึ่ง พล.ต.อ.ปทีปได้เซ็นอนุมัติโครงการ ก่อนจะถูกส่งเรื่องมาให้ โจทก์ในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรีลงนาม ซึ่งขั้นตอนต่างๆ เป็นไปอย่างถูกต้อง ไม่มีการฮั้วประมูล เนื่องจากโครงการดังกล่าวได้มีการประกวดราคาผ่านระบบอีอ็อกชั่น มีผู้เข้าร่วมประมูลเสนอราคาสู้กันถึง 73 ครั้ง จนทำให้ได้ราคาที่ต่ำกว่าราคากลางเกือบ 500 ล้านบาท ทั้งนี้ภายหลังตอบคำซักค้านแล้ว ศาลได้นัดตอบคำซักค้านฝ่ายจำเลยต่ออีกครั้ง ในวันที่ 10 พ.ย.57 เวลา 10.30 น.


ที่ห้องพิจารณาคดี 709 ศาลอาญา ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ในคดีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ หรือพระสุเทพ ปภากโร อดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) นายวรศักดิ์ ประยูรศุข บริษัท ข่าวสด จำกัด และ นายสุริวงศ์ เอื้อปฏิภาน เป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา จากกรณีเมื่อวันที่ 27 ก.พ.-5 มี.ค.56 นายธาริต จำเลยที่ 1 ได้แถลงข่าวกล่าวหาโจทก์ ในขณะที่ดำรงตำแหน่งเป็นรองนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ทำเรื่องขอเปลี่ยนแปลงโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทนจำนวน 396 โรงพัก จากรายภาครวมเป็นรายเดียวซึ่งเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ อันเป็นข้อความเท็จทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย

วันจันทร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2557

ซิ่งเก๋งอัดท้ายสิบล้อพลิกหงายท้องเสียชีวิต

9ejeeidgi6kdgdajbi9hcร.ต.อ.ปัญญา เหล็กดี ร้อยเวรสอบสวน สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์  ได้รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุรถยนต์เก๋งชนท้ายรถบรรทุก 10 ล้อ มีผู้บาดเจ็บบริเวณบนสะพานแก้ว ถนนพหลโยธินช่องทางด่วน ต.ประชาธิปัตย์  อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี  จึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วยอาสามูลนิธิร่วมกตัญญู และอาสาสมัครเหยี่ยวเวหา ที่เกิดเหตุพบรถเก๋ง ยี่ห้อฟอร์ดเฟสโต้   สีฟ้า ทะเบียน 2กค-4349  กทม. สภาพรถหงายท้องล้อชี่ฟ้าบริเวณที่นั่งคนขับมีชายติดอยู่ 1ราย ทราบชื่อต่อมาชื่อนายภัทระ หทัยยุธ อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 600/920 ซอยพหลโยธิน 79  ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี  บุตรชายของ พล.ต.ต.อลงกรณ์ หทัยยุธ อดีต ผบก.จ.สระบุรี ได้รับบาดเจ็บสาหัส  เจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันนำร่างผู้บาดเจ็บส่งรพ.ประชาธิปัตย์ อย่างรีบด่วนเพื่อให้แพทย์ทำการช่วยเหลือ


          ส่วนรถคู่กรณีซึ่งเป็นรถบรรทุก 10 ล้อ มิตซูบิชิ สีขาว ทะเบียน 70-1058 พิษณุโลก เป็นของบริษัทพิษณุโลก จำกัด จอดอยู่ริมทางด่วนสภาพท้ายด้านซ้ายถูกชนติดตั้งกล้องวงจรปิดได้รับความเสียเสียหาย ซึ่งมีนายสมหมาย  มิ่งธนะพันธ์ อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 360  ถนนศรีธรรมไตรปิฎก ต.ในเมือง  อ.เมือง จ.พิษณุโลก  ได้ให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ตนเองขับรถนำสินค้าไปส่งย่านดอนเมือง ซึ่งก็ขับมาอยู่เลนซ้ายของทางด่วนเมื่อมาถึงตรงจุดเกิดเหตุได้ยินเสียงดัง สนั่นที่ท้ายรถจึงมองกระจกข้างเห็นรถเก๋งคันดังกล่าวหมุนอยู่กลางถนนและพลิก คว่ำหลายตลบ ตนจึงจอดรถและลงไปช่วยเหลือคนเจ็บต่อมาเวลา 01.30 น.นายภัทระ หทัยยุธ  ได้เสียชีวิตแล้ว  เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงมอบศพให้มูลนิธิร่วมกตัญญูนำส่งนิติเวชรพ.ธรรมศาสตร์

แหล่งที่มา  :  คมชัดลึก

Source: ซิ่งเก๋งอัดท้ายสิบล้อพลิกหงายท้องเสียชีวิต

ญี่ปุ่นขอไทยลดภาษีนำเข้ารถยนต์

834468เนื่องจากที่ผ่านมาความช่วยเหลือด้านความรู้ การถ่ายทอดเทคโนโลยี และฝึกอบรมบุคลาการที่ไทยได้รับจากญี่ปุ่นไม่คุ้มค่ากับที่ไทยต้องสูญเสีย รายได้ภาษีในช่วง 6 ปี 17,000 ล้านบาท“รัฐบาลได้กำหนดให้ทางกระทรวงต่างประเทศเจรจาการค้าเรื่องนี้คงจะต้อง เป็นหน้าที่ของกระทรวงต่างประเทศแต่เราคงจะเป็นฝ่ายให้ข้อมูลทั้งหมด ซึ่งภายใต้กรอบ เจเทปา ไทยเองก็ลดภาษีนำเช้าชิ้นส่วนรถยนต์ให้ไปแล้ว และต่อมาก็ลดภาษีรถยนต์ขนาดมากกว่า3,000 ซีซีตั้งแต่ปี 53 จากที่เรียกเก็บ 80 % เหลือ 60 % ไทยเองก็สูญเสียรายได้จากภาษีคิดเป็นเงินประมาณ 17,000 ล้านบาทแต่สิ่งที่ไทยได้รับในแง่ของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ แรงงานฝีมือตีราคาไม่ถึง 100 ล้านบาท ซึ่งแม้ว่าจะตีเป็นเงินไม่ได้แต่ก็ขอให้รู้สึกว่าได้อะไรกลับมาบ้างหน่อย”

นอกจากนี้ญี่ปุ่นขอเจรจาเพิ่มปริมาณการนำเข้าเหล็กคุณภาพสูง ที่ปกติจะเจรจาปีต่อปี ซึ่งในปี 57 ญี่ปุ่นมีโควตาในการนำเข้า 1.2 ล้านตันติดตั้งกล้องวงจรปิด โดยญี่ปุ่นยังไม่ได้แจ้งปริมาณเหล็กในการนำเข้าว่า ต้องการเท่าไร ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมจะต้องให้กระทรวงพาณิชย์ไปเจรจาในรายละเอียด โดยตั้งแต่ ปี 50 ถึง มิ.ย. 57 ไทยสูญเสียรายได้จากการยกเว้นภาษีนำเข้าเหล็กคุณภาพสูงประมาณ5,974 ล้านบาท

ส่วนเป้าหมายการผลิตรถยนต์ปี 58 เบื้องต้นเชื่อว่า การผลิตรถยนต์จะมีปริมาณที่สูงกว่าในปี 57 ที่คาดว่า จะมีปริมาณ 2 - 2.1 ล้านคัน และการผลิตจะกลับมาสู่การเติบโตในระดับปกติมากขึ้น ภายหลังจากหมดโครงการรถคันแรก ส่วนเป้าหมายการผลิตรถยนต์ปี 60 ที่กำหนดเป้าหมายสู่ระดับ 3ล้านคันนั้น อาจเป็นไปได้แต่ก็คงไม่ง่ายนัก เนื่องจากจะต้องดูภาวะตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศประกอบด้วย

แหล่งที่มา  :  เดลินิวส์

Source: ญี่ปุ่นขอไทยลดภาษีนำเข้ารถยนต์

วันอาทิตย์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2557

ระเบิดหลายระลอกในซินเจียงตายเจ็บระนาว

834090กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 22 ก.ย. ว่าเกิดเหตุระเบิดอย่างน้อย 3 ครั้ง ในเขตหลุนไท่ ทางตอนกลางของเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือสุดของจีน เมื่อเย็นวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่น เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2 ศพ และได้รับบาดเจ็บอีกหลายสิบคน ทั้งนี้ ทางการเผยเพียงนำผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมดส่งโรงพยาบาลแล้ว และเจ้าหน้าที่ควบคุมสถานการณ์ได้อย่างเรียบร้อย โดยยังไม่มีการเผยข้อมูลอื่นเพิ่มเติมเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลัง ศาลของรัฐบาลปักกิ่งพิพากษาเมื่อปลายเดือนส.ค. ให้ผู้ต้องหา 8 คนซึ่งมีส่วนพัวพันเหตุระเบิดรถยนต์ฆ่าตัวตายกลางจัตุรัสเทียนอันเหมินรับติดตั้งกล้องวงจรปิด ในกรุงปักกิ่ง เมื่อเดือนต.ค. ปีที่แล้ว รับโทษประหารชีวิต และย้อนกลับไปเมื่อเดือนก.ค.เกิดการปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่กับกลุ่มผู้ ประท้วงชาวอุยกูร์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บรวมกันราว 100 คน หลังจากนั้นมีรายงานเจ้าหน้าที่หลายนายถูก "ลงโทษ"

เขตปกครองตนเองซิ นเจียงอุยกูร์เป็นพื้นที่มีความขัดแย้งด้านเชื้อชาติมายาวนาน ระหว่างชาวมุสลิมอุยกูร์กับชาวฮั่น ซึ่งเป็นเชื้อสายของชาวจีนส่วนใหญ่ในประเทศ และทยอยเข้าไปตั้งรกรากในบริเวณนี้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่ประกาศตัวชัดเจนว่าเป็นศัตรูกับรัฐบาลปักกิ่ง โดยเหตุปะทะรุนแรงที่สุดเกิดขึ้นเมื่อปี 2552 มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 200 ศพ

แหล่งที่มา : เดลินิวส์

 

Source: ระเบิดหลายระลอกในซินเจียงตายเจ็บระนาว

โอบามาเชื่อมั่นความปลอดภัยทำเนียบขาว

834046เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเพียง 1 วัน หลังนายโอมาร์ กอนซาเลซ จากเมืองคอปเปอราส โคฟ ใรรัฐเทกซัส สามารถปีนรั้วเข้าไปภายในทำเนียบขาวในสำเร็จ และวิ่งเข้าได้ถึงปีกอาคารฝั่งเหนือ ก่อนถูกเจ้าหน้าที่จับกุมได้ภายในเวลาไม่นาน ทั้งนี้ เบื้องต้นซีเครท เซอร์วิส ยืนยันว่ากอนซาเลซไม่มีอาวุธ ก่อนแก้ไขในเวลาต่อมา ว่าอดีตทหารผ่านศึกสงครามอิรักอายุ 42 ปีรายนี้ ซุกซ่อนมีดพับเอาไว้ในกระเป๋ากางเกง

กรณีของกอนซาเลซเรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากทุกฝ่าย เรื่องความหละหลวมอย่างหนักในมาตรการรักษาความปลอดภัยของซีเครท เซอร์วิส เนื่องจากสัปดาห์ที่แล้วเพิ่งมีชายคนหนึ่งพยายามปีนรั้วบริเวณเดียวกับกอนซา เลซ ขณะที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐ และครอบครัวไม่ได้อยู่ที่ทำเนียบขาวในช่วงเกิดเหตุ แต่ยังคงแสดงความเชื่อมั่นในการทำงานของซีเครท เซอร์วิส ซึ่งยืนยันจะสอบสวนเรื่องราวทั้งหมดอย่างละเอียดและเร่งด่วนที่สุด

ก่อนหน้านี้ ซีเครท เซอร์วิสตกเป็นเป้าโจมตีอย่างหนักมาแล้ว ทั้งกรณีการหลับนอนกับโสเภณี ระหว่างการอารักขาผู้นำสหรัฐขณะเยือนโคลอมเบีย เมื่อปีที่แล้ว และการยิงสังหารหญิงวัย 34 ปี ซึ่งขับรถพุ่งชนรั้วด่านตรวจของทำเนียบขาว

แหล่งที่มา : คมชัดลึก

บริษัท โอกามิ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด  รับติดตั้งกล้องวงจรปิด

Source: โอบามาเชื่อมั่นความปลอดภัยทำเนียบขาว

วันศุกร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2557

ไซเตสขีดเส้นตายภายใน 30 ก.ย. เร่งไทยยื่นแผนคุมค้างาช้าง

EyWwB5WU57MYnKOuFHRXBEHSfAzlfUHCb9gbt2JQrdM7jGuOHqImLcน.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ประเทศไทยมีความเสี่ยงต่อการถูกลงโทษทางการค้าในกลุ่มสินค้าภายใต้อนุสัญญา ไซเตส หากไทยไม่สามารถดำเนินการแก้ไขปัญหาการค้างาช้างผิดกฎหมายได้อย่างมี ประสิทธิผลภายในเดือนมีนาคม 2558 โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริหารอนุสัญญาไซเตส ครั้งที่ 65 เมื่อเร็วๆ นี้ ได้ประเมินผลการดำเนินการตามพันธกรณีของอนุสัญญาไซเตสในเรื่องงาช้าง ซึ่งประเทศไทยถูกจัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่น่าห่วงกังวลอย่างมาก (Primary Concern) มาแล้วหลายปี และในครั้งนี้ ที่ประชุมยังคงไม่พอใจต่อการดำเนินการของประเทศไทยเป็นอย่างมากกล้องcctv และได้กดดันให้ไทยต้องปรับปรุงตัวเองมากกว่าประเทศอื่นๆ ในกลุ่มเดียวกันอย่างเร่งด่วน มิฉะนั้น อาจต้องพิจารณาลงโทษไทยตามระเบียบเกี่ยวกับการปฏิบัติตามพันธกรณี ของอนุสัญญาฯ ได้

ทั้งนี้ ข้อแนะนำสำหรับประเทศไทยจะต้องเร่งดำเนินการ ได้แก่ 1. การออกกฎหมายที่เหมาะสม ซึ่งรวมถึงการกำหนดให้ช้างแอฟริกาเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองภายใต้กฎหมายสัตว์ป่า เพื่อให้สามารถควบคุมการค้างาช้างในประเทศและการครอบครองงาช้างได้อย่างมี ประสิทธิภาพ และให้มีบทกำหนดโทษที่เข้มงวดกับผู้ที่ครอบครองงาช้างโดยผิดกฎหมายหรือค้างา ช้างในประเทศอย่างผิดกฎหมาย

2. การออกกฎหมายที่กำหนดให้มีระบบการจดทะเบียนงาช้างในประเทศ  อย่างครบวงจร รวมถึงกำหนดให้มีระบบการจดทะเบียนและออกใบอนุญาตให้กับผู้ค้างาช้างที่มี ประสิทธิภาพ และการบังคับใช้กฎหมายและบทกำหนดโทษในกรณีของการกระทำผิดกฎหมาย

3. การเพิ่มความพยายามในการติดตามและควบคุมผู้ค้างาช้างและข้อมูลงาช้าง เพื่อบังคับใช้กฎหมายต่อการค้างาช้างที่ผิดกฎหมาย รวมถึงการกำหนดตัวชี้วัดของการดำเนินการด้วย

ขณะ ที่ ประเทศไทยต้องปรับปรุงแผนปฏิบัติการงาช้างของชาติ (National Ivory Action Plan) เพื่อยื่นต่อเลขาธิการอนุสัญญาไซเตสภายในวันที่ 30 กันยายนนี้ จากนั้นต้องยื่นรายงานความก้าวหน้า ในการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการครั้งที่ 1 ภายในวันที่ 15 มกราคม 2558 และครั้งที่ 2 ภายในวันที่ 31 มีนาคม 2558  ซึ่งหากผลการประเมิน ยังไม่เป็นที่พอใจไทยอาจถูกมาตรการลงโทษทางการค้าได้

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมามาตรการสูงที่สุดที่ประเทศภาคีอนุสัญญาไซเตสเคยถูกลงโทษ คือ การคว่ำบาตรการค้าเชิงพาณิชย์ของสินค้าทุกประเภทที่อยู่ในความควบคุมของอนุสัญญาไซเตส และจะบั่นทอนความน่าเชื่อถือของประเทศ อีกทั้ง ไทยจะสามารถค้างาช้างและผลิตภัณฑ์จากงาช้างได้ แต่จำกัดเฉพาะการค้าในประเทศสำหรับงาช้างและผลิตภัณฑ์ที่ได้จากช้างบ้านที่ ถูกกฎหมายเท่านั้น แต่ไม่สามารถนำเข้าหรือส่งออกงาช้างหรือผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้รับการอนุญาต อย่างถูกต้อง รวมทั้งห้ามการค้างาช้างป่าหรืองาช้างแอฟริกาโดยเด็ดขาด

แหล่งที่มา  :  ไทยรัฐ

Source: ไซเตสขีดเส้นตายภายใน 30 ก.ย. เร่งไทยยื่นแผนคุมค้างาช้าง

ท่องแดนศักดิ์สิทธิ์ อิสราเอล(ตอนจบ)

a69djk89d8hdhkchhcbb6ประวัติของป้อมมาซาดาที่เป็นที่จดจำในหมู่นักประวัติศาสตร์และผู้ศึกษา ประวัติศาตร์ประการหนึ่งคือ การสังหารหมู่ของกบฏซิคารี ทั้ง 960 คน ระหว่างการกบฏครั้งใหญ่ของชาวยิว (The Great Revolt) เมื่อ ค.ศ. 66 ที่ใช้วิธีการจับสลากกันในกลุ่มของชายนักรบว่าผู้ใดจะเป็นผู้ลงดาบสังหาร เพื่อน เพื่อหลีกเลี่ยงการต้องคมดาบของทหารโรมันที่กำลังรุกคืบเข้ามายังป้อมมาซาดา


                 กลุ่มกบฏซิคารีเป็นชาวยิวที่รวมใจกันต่อต้านอาณาจักรโรมันที่รุกรานเข้ายึด พื้นที่ถิ่นฐานของชาวยิวจนเมื่อมีการสร้างป้อมมาซาดา เพื่อใช้สังเกตการณ์การรุกรานของกองทัพโรมันที่ใช้ทะเลเดดซีเป็นเส้นทางผ่าน ชาวยิวกลุ่มนี้เป็นกลุ่มสุดท้ายที่ยังอยู่รอด และใช้อาวุธทุกอย่างที่ขนขึ้นมาจากตีนเขา ทั้งหินก้อนกลมขนาดใหญ่เล็ก ถังบรรจุน้ำมันติดไฟ อาวุธยิงทั้งหลายไปหมดแล้ว แต่กองทัพทหารโรมันยังคงดาหน้าบุกขึ้นมา นักรบกลุ่มสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่จึงตัดสินใจตายพร้อมกัน


                 ชายทุกคนจะเขียนชื่อลงบนแผ่นดินเผาเล็กๆ นำมาใส่ไว้ในภาชนะ ใครที่จับชื่อเพื่อนได้ ก็ต้องทำหน้าที่เพชฌฆาตสังหารเพื่อนให้สิ้นชีพ พ้นภัยจากทหารโรมัน และทำเช่นนี้จนเหลือคนสุดท้ายที่ไม่สามารถสังหารตนเองได้ เนื่องจากผิดหลักศาสนา ที่ต้องเผชิญชะตากรรมที่แสนโหดร้ายจากเงื้อมมือของทหารฝ่ายศัตรู


                 ประวัติเหล่านี้ได้รับการบันทึกและเก็บหลักฐานไว้ในพิพิธภัณฑ์ป้อมมาซาดา ที่ตั้งอยู่บนตีนเขา ทางขึ้น-ลงเคเบิลคาร์ เมื่อนักท่องเที่ยวขึ้นไปสัมผัสบรรยากาศของจริงบนป้อมที่อยู่สูงกว่าระดับ น้ำทะเลราว 400 เมตรแล้ว ก็สามารถมาเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวัตถุโบราณ สภาพความเป็นอยู่และประวัติศาสตร์ของป้อมแห่งนี้ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย


                 ต่อจากนั้นชาวคณะก็กลับมายังตัวเมืองเยรูซาเลมเพื่อพักผ่อน อย่างที่เล่าไปแล้วว่าอากาศในนครเยรูซาเลมนั้นเย็นสบาย เย็นกว่ากรุงเทลอาวีฟอย่างเห็นได้ชัด ที่นี่จึงน่าเดินเที่ยวมากกว่ากันสักหน่อย อีกทั้งตัวเมืองยังแบ่งออกเป็น 2 โซน เมืองใหม่ กับเมืองเก่า แต่ทั้งสองแห่งก็ยังมีอารมณ์และกลิ่นอายของเมืองโบราณร่วมกันอย่างกลมกลืน


                 นอกจากนั้นบริเวณใจกลางเมืองช่วงที่ชาวคณะเดินทางไปนั้นยังมีเทศกาลแสงไฟ ที่จัดขึ้นในบริเวณสนามกีฬาโบราณกล้องcctv บรรยากาศคล้ายงานวัดผสมกับตลาดนัดในบ้านเรา มีสินค้าหลากหลายมาขายและมีการแสดงของศิลปินข้างถนนอยู่เป็นแห่งๆ มีการประดับประดาไฟทั่วพื้นที่สนามกีฬา ราวกับจำลองท้องฟ้าลงมาบนดิน เห็นหนุ่มสาว ครอบครัวทั้งชาวอิสราเอล ชาวปาเลสไตน์ และตะวันออกกลางที่นับถือศาสนาแตกต่างกัน พากันเดินชม ชิม ช็อปกันอย่างกลมเกลียว ไม่มีแบ่งแยกศาสนา แม้ว่าในช่วงสิงหาคมที่ผ่านมานั้น บรรยากาศโดยรอบจะระอุไปด้วยไฟแห่งการปะทะระหว่างกลุ่มก่อการร้ายฮามาส ที่ใช้ดินแดนฉนวนกาซาเป็นที่มั่น กับกองทัพอิสราเอล ที่ทำหน้าที่ปกปักรักษาดินแดนและชีวิตของประชากรชาวยิว ราวกับจงอางหวงไข่


                 เช้าวันถัดมาหลังจากดื่มด่ำกับการแสดงแสงสีเสียงที่หอคอยแห่งดาวิด และเทศกาลแสงไฟ ในใจกลางนครเยรูซาเลมแล้ว ชาวคณะก็ต้องออกเดินทางอีกราว 30 กิโลเมตรไปยังสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของอิสราเอลอีกแห่งหนึ่ง นั่นคือ สวนบาไฮ (Bahai Garden) ในเมืองท่าไฮฟา ของอิสราเอล ที่มีทั้งประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ และเป็นสัญลักษณ์สำคัญของความผสมผสานของศาสนาที่มาอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบใน ที่แห่งนี้


                 สวนบาไฮถือกำเนิดเกิดขึ้นเมื่อกว่า 500 ปีที่แล้ว มีพื้นที่ขนาดใหญ่ครอบคลุมเนินเขาคาเมล หรือเขาอูฐ แห่งไฮฟา ด้านที่หันหน้าเข้าหาทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เป็นหนึ่งสวนสวยใน "บาไฮเวิลด์เซ็นเตอร์" (Bahai World Centre) สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาบาไฮในเมืองไฮฟา ประกอบไปด้วยอาคาร 26 หลัง อนุสาวรีย์อีก 11 แห่ง รวมทั้ง "วิหารแห่งบาฮาอุลลาห์" (Shrine of Baha'u'llah) ในอาเครอ (Acre) และ "วิหารแห่งบับ" (Shrine of Bab) ในไฮฟา


                 ทั้งยังมีสวนสวยประดับด้วยต้นไม้หลากสีสันและรูปทรง ที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี พื้นที่นี้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมเป็นรอบๆ โดยมีไกด์ในแต่ละภาษาเป็นผู้นำชมเพื่อความลึกซึ้งแห่งสัมผัสของสถานที่ ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้


                 บาไฮ เวิลด์ เซ็นเตอร์ ไม่ได้อยู่ภายใต้การดูแลของรัฐบาลอิสราเอล แต่อยู่ภายใต้การดูแลของสหประชาชาติ ที่ส่งเจ้าหน้าที่และงบประมาณมาสนับสนุนการอนุรักษ์สวนสวยที่ยิ่งใหญ่ ถ้าจะเปรียบก็น่าจะเทียบกับสวนลอยแห่งบาบิโลนในยุคโบราณก็ว่าได้


                 ทริปท่องเที่ยวอิสราเอลของชาวคณะจากไทยแลนด์แดนสยามตามที่ได้รับเชิญ จากกระทรวงการต่างประเทศอิสราเอล ก็เอวังด้วยบรรยากาศแห่งความปีติที่ได้ชมเมืองมรดกโลกที่ล้ำค่า ดินแดนแห่งประวัติศาสตร์ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนา และดินแดนที่ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ยังคงถูกเขียนขึ้นทุกวัน ดินแดนที่เรียกว่า "อิสราเอล"

แหล่งที่มา :  คมชัดลึก

Source: ท่องแดนศักดิ์สิทธิ์ อิสราเอล(ตอนจบ)

วันพฤหัสบดีที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2557

คนไทยนับร้อย ตกนรกในอินโด

EyWwB5WU57MYnKOuFHRWCwKYUKYbSzqMEDQbSygXm4gtMtKYIeZMWBเปิดโปง “นรกบนดิน” และ “นรกกลางทะเล” หลังขบวนการค้ามนุษย์หลอกคนไทยด้วยกันไปขายแรงงานเป็นลูกเรือประมง แล้วถูกปล่อยเกาะทิ้งไว้ที่อินโดนีเซีย ตัดขาดการสื่อสารทั้งปวง เหมือนคนหายสาบสูญ ทนทุกข์ทรมานในชะตากรรมอันโหดร้าย ตกขุมนรกทั้งเป็น

แม้ไทยจะมีความพยายามในการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์อย่างต่อเนื่องมาหลายรัฐบาล แต่ไม่เคยประสบความสำเร็จอย่างจริงจัง เนื่องจากกฎหมายที่อ่อนแอไม่มีความเด็ดขาด ทำให้ประเทศไทยถูกกลุ่มประเทศอียู และสหรัฐอเมริกา ประกาศให้เป็นหนึ่งในกลุ่มประเทศที่มีสถานการณ์การค้ามนุษย์ในระดับเลวร้ายที่สุด ทำให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีประกาศให้การป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ เป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลที่จะต้องเร่งทำให้เสร็จก่อนประเทศไทยเข้าสู่ประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียนในปี 2558

ล่าสุด สถานการณ์ค้ามนุษย์ในประเทศไทยก็ยังไม่ดีขึ้น ซึ่งเหตุการณ์ “นรกบนดิน” ที่มีการเชื่อมโยงด้วยขบวนการของคนใจทมิฬ จนกลายเป็น “นรกกลางทะเล” ถูกเปิดเผยอีกครั้ง ภายหลังจากที่สื่อในเครือ “ไทยรัฐ” ประกอบด้วย ทีมข่าวไทยรัฐทีวี ไทยรัฐออนไลน์และหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ได้รับการประสานจากกลุ่มแรงงานไทยที่ถูกหลอกไปทำงานคนอวนในเรือประมงไทย ที่ได้รับอนุญาตให้เรือประมงเข้าไปทําการประมงในน่านน้ำบริเวณทะเลอาราฟูร่า (เขตอิเรียนจายา) เขตเศรษฐกิจจำเพาะของอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 18 ก.ย. ว่ายังมีคนไทยจำนวนมาก ถูกหลอกมาใช้งานให้เป็น “แรงงานทาสผิดกฎหมาย” บนเรือประมงไทย ที่จับปลาในทะเลอาราฟูร่า บริเวณตั้งแต่เส้นแวง 130 องศาตะวันออก ไปจนสุดเขตเศรษฐกิจจําเพาะ 200 ไมล์ทะเล และในบริเวณทะเลจีนใต้ (บริเวณหมู่เกาะนาทูน่า) ตั้งแต่เส้นรุ้ง 3 องศาเหนือ ไปจนสุดเขตเศรษฐกิจจําเพาะ 200 ไมล์ทะเล โดยที่ไม่มีสิทธิกลับประเทศไทย ติดต่อญาติพี่น้องก็ไม่ได้ ถูกบังคับปิดกั้นทุกอย่าง ต้องอาศัยอยู่ภายในหมู่บ้านประมงในเขตท่าเรือของเมืองอัมบล ตวล เบนจิน่า และเมอร์รูเก้ แถบหมู่ เกาะโมลุกกะ ของประเทศอินโดนีเซีย ทำให้เหมือนกับเป็นคนหายสาบสูญเพราะไม่สามารถติดต่อใครได้

นายสมหมาย จิราภักดี ชาวจังหวัดนครราชสีมา หนึ่งในคนงานเรือประมงชาวไทยที่ถูกหลอกมาทำงาน อยู่ในเมืองอัมบล เกาะอัมบล อินโดนีเซีย มีชีวิตอยู่เหมือนตายทั้งเป็น เปิดเผยกับทีมข่าวไทยรัฐทีวีว่า ถูกคนไทยด้วยกันหลอกจากสถานีขนส่งสายเหนือ (หมอชิต) เมื่อปี 2552 นำตัวไปกักขังไว้ในบ้านแห่งหนึ่งที่ไม่ทราบว่าอยู่ที่ไหน แล้วพาลงเรือโดยถูกหักค่าหัว 30,000 บาท เดินทางไปประเทศอินโดนีเซีย ถูกใช้งานให้เป็น “แรงงานทาสผิดกฎหมาย” อยู่บนเรือเป็นปีๆ ไม่ได้เหยียบพื้นดิน แม้ร่างกายจะเจ็บป่วยขนาดไหน จะเหนื่อยยังไงก็ต้องทำงาน เพราะถ้าหยุดนายจ้างก็ไม่ให้กินข้าว

“จากบ้านเกิดมา 5 ปี ยังไม่ได้กลับ ติดต่อใครก็ไม่ได้ ถูกบังคับปิดกั้นทุกอย่าง วันนี้พ่อแม่ก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองยังมีชีวิตอยู่ วันที่ถูกนำตัวขึ้นเรือนั้น พบว่ามีคนไทยถูกหลอกมาร่วมชะตากรรมเดียวกันอีก 40 คน แต่วันนี้ยังมีคนไทยตกเป็นแรงงานทาสอีกหลายร้อยคน ที่ไม่สามารถกลับออกจากขุมนรกกลางทะเลได้ ติดต่อหรือบอกใครก็ไม่ได้ จะมีใครรู้หรือไม่ว่ายังมีคนไทยถูกกดขี่เยี่ยงทาสอย่างผิดกฎหมายอยู่บนโลกใบนี้ และที่สำคัญ พวกเขาถูกหลอกจาก ‘คนไทย’ ด้วยกันเอง” นายสมหมายกล่าว

เหยื่อการค้ามนุษย์อีกรายที่ออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ คือ นายเสาร์ ปัญญาวัน อดีตลูกเรือประมงไทยที่ถูกหลอกไปขายแรงงานในเรือประมงไทยในน่านน้ำอินโดนีเซีย เป็นเวลากว่า 3 ปี กล่าวว่า เป็นคนจังหวัดสกลนคร เดินทางออกจากบ้านมุ่งหน้ามาหางานทำที่กรุงเทพมหานคร เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2553 หวังมาสร้างฐานะให้มั่นคง หลังเลิกรากับภรรยา โดยทิ้งแม่และลูกสาวไว้ที่บ้าน ทันทีที่รถโดยสารเข้าจอดที่สถานีขนส่งหมอชิต ก็มีชายรูปร่างผอมเข้ามาพูดคุยเป็นภาษาอีสาน ชักชวนไปทำงานเป็นกุ๊กบนเรือ เมื่อตอบตกลงก็ถูกพาไปพักที่บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ อ.มหาชัย จ.สมุทรสาคร เมื่อถึงบ้านหลังดังกล่าว ก็มีชายอีกคนนำเสื้อผ้าและอาหารแห้ง พร้อมเอกสารคล้ายพาสปอร์ตมามอบให้กล้องไอพี รายละเอียดภายในพาสปอร์ตนอกจากรูปที่เป็นของนายตน ส่วนชื่อและที่อยู่กลับเป็นของชายคนอื่นที่ไม่รู้จัก แค่เพียงชั่วอึดใจก็มีรถเข้ามารับตัว ตนและเพื่อนร่วมชะตากรรมทั้งชาวไทย ชาวพม่ากว่าอีก 10 ชีวิต ไปขึ้นเรือขนส่งปลาที่ท่ามหาชัย โดยตนและเพื่อนต้องหลบอยู่ในห้องใต้ท้องเรือประมงเป็นเวลานับเกือบ 10 วัน ก่อนจะถูกโอนถ่ายไปยังเรือประมงอีกลำหนึ่ง ซึ่งเป็นเรือของคนไทย

นายเสาร์กล่าวอีกว่า การทำงานบนเรือ ลูกเรือประมงแต่ละคนจะมีเวลาพักเพียงแค่ 3 ชั่วโมงต่อวัน แลกกับค่าตอบแทนเดือนละ 5 แสนรูเปียะ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 1,500บาท โดย 6 เดือนแรกที่ทำงาน จะเป็นการทำงานใช้หนี้ให้กับไต้ก๋งเรือ หากคนไหนไม่ทำงาน หรือทำงานไม่ไหวก็จะถูกทำร้าย ส่วนคนที่บ่นอยากกลับบ้าน หรือเกิดป่วยจนไม่สามารถทำงานได้ เช้าวันรุ่งขึ้นก็จะหายสาบสูญโดยไม่ทราบสาเหตุ ทนใช้ชีวิตเป็นลูกเรือประมงอย่างนี้นานกว่า 3 ปี ก่อนตัดสินใจหลบหนีออกมาใช้ชีวิตบนเกาะอัมบล อย่างหลบๆ ซ่อนๆ นานกว่า 3 เดือน พยายามติดต่อกับลูกเรือประมงลำอื่นๆ เพื่อให้ช่วยพากลับบ้านเกิด ด้วยวิธีใดก็ได้ โดยนายเสาร์ยอมนำเงินเก็บจำนวน 4 ล้านรูเปีย หรือคิดเป็นเงินไทย 12,000 บาท มอบให้เป็นค่าตอบแทน วันนี้แม้จะเดินทางกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย แต่ยังคงเป็นห่วงเพื่อร่วมชะตากรรมอันโหดร้าย ที่ต้องทนทุกข์ทรมานกับการเป็นทาสเรือประมงโดยไม่มีวันรู้ว่าจะกลับมาบ้านเกิดได้เมื่อไร

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า จากการตรวจสอบข้อมูลจากกรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์การเกษตร พบว่า มีเรือประมงไทยเข้าไปทําการประมงอย่างถูกต้อง ในน่านนํ้าอินโดนีเซียประมาณ 309 ลํา โดยทําการประมงในบริเวณทะเลอาราฟูรา (เขตอิเรียนจายา) เรือที่ทําประมงเป็นเรือประมงขนาดกลางและใหญ่มีห้องเย็นบนเรือ จับปลาในบริเวณตั้งแต่เส้นแวง 130 องศาตะวันออก ไปจนสุดเขตเศรษฐกิจจําเพาะ 200 ไมล์ทะเล อัตราค่าใบอนุญาต 167 เหรียญสหรัฐฯ/ตันกรอส/ปี สัตว์นํ้าที่จับได้นำขึ้นท่าที่เมืองอัมบล ตวล เบนจินา เมอร์รูเกและเรือประมงอีกส่วนหนึ่งทําการประมงในบริเวณทะเลจีนใต้ (บริเวณหมู่เกาะนาทูนา) ตั้งแต่เส้นรุ้ง 3 องศาเหนือ ไปจนสุดเขตเศรษฐกิจจําเพาะ 200 ไมล์ทะเล เป็นเรือประมงขนาดเล็กและขนาดกลาง เป็นเรือน้ำแข็ง อัตราค่าใบอนุญาต 155 เหรียญสหรัฐฯ/ตันกรอส/ปี ระเบียบกำหนดว่าจะต้องนำสัตว์นํ้าที่จับได้มาขึ้นท่าที่เมืองทาเล็มปา ตันจูง และปีนัง เรือประมงที่เข้าไปทําการประมงในน่านน้ำอินโดนีเซียส่วนใหญ่เป็นเรืออวนลาก ประมาณ 90% ที่เหลือเป็นเรืออวนล้อมและเรืออวนลอย

เย็นวันเดียวกัน นางสุพจน์ สุขเอี่ยม อายุ 48 ปี ทำงานอยู่บริษัทแพลนเน็ตจำกัด อยู่บ้านเลขที่ 147/1 หมู่ 10 ต.ท่าบุญมี อ.เกาะจันทร์ จ.ชลบุรี เข้าแจ้ง พ.ต.อ.ปราโมทย์ งามประดิษฐ์ ผกก.สภ.เกาะจันทร์ ว่า นายสมชาย สุขเอี่ยม อายุ 33 ปี ลูกชายได้หายออกจากบ้านไปเมื่อ พ.ศ. 2547 เมื่อสอบถามเพื่อนลูกชายคนหนึ่งบอกว่าไปทำงานเป็นกระเป๋ารถเมล์อยู่แถวหมอชิต กทม. ได้ออกติดตามหาก็ไม่พบ คิดว่าลูกชายเสียชีวิตแล้ว แต่ไม่ได้แจ้งความไว้ จนมีทีมงานนักข่าวไทยรัฐมาแจ้งให้ตนทราบเบาะแสของลูกชายว่าถูกหลอกไปเป็นแรงงานประมง ติดอยู่ที่เกาะอำบล ประเทศอินโดนีเซีย จึงเข้าแจ้งตำรวจขอให้รัฐบาลช่วยลูกชายกลับบ้านด้วย

แหล่งที่มา : ไทยรัฐ

Source: คนไทยนับร้อย ตกนรกในอินโด

จ่อฟ้องเอาผิดพ่อแม่ นศ.อุเทน

EyWwB5WU57MYnKOuFHRWWOvNV4T0HTPcodf1vQsXX0Dgc9ebCE6e5wคดีฆ่าเทคโนกรุงเทพ ให้เป็นกรณีตัวอย่าง ‘ประยุทธ์’ขู่ลั่นปิดร.ร.

นำ 6 นักศึกษาอุเทนถวาย ใจเหี้ยมแถลงข่าวคดีไล่ฆ่าอุกอาจ 3 ศพ สางแค้นให้เพื่อนสาว สารภาพระบายความอัดอั้น เป็นฝ่ายถูกกระทำมาตลอด ทว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม รับติดตั้งกล้องcctv โยนผิดตำรวจหากจับได้เร็วกว่านี้เหตุการณ์อาจไม่ได้เป็นอย่างนี้ ขณะที่พ่อเหยื่อสุดแค้นเสียลูกชายคนเดียว จ่อฟ้องเอาผิดผู้ปกครองเป็นกรณีตัวอย่างด้วย “บิ๊กตู่” คำรามลั่น ต่อไปนี้หากตีกันโรงเรียนไหน ปิดโรงเรียนนั้นทันที ส่วนเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษาเรียกผู้บริหาร 2 สถาบันดังถกเครียด วางมาตรการลดความร้อนระอุที่ยืดเยื้อมายาวนานศึกสถาบันช่างกลกลางกรุงที่ยืดเยื้อกันมานานนับสิบปี สังเวยเหยื่อผู้บริสุทธิ์ที่ถูกไล่ฆ่าอย่างโหดเหี้ยมหลายศพ แต่อุณหภูมิร้อนระอุของความบาดหมางกลับไม่มีทีท่าลดลง ล่าสุดมือปืนประกบยิงนายพลวัต จันทร์วิเศษ อายุ 21 ปี นักศึกษาชั้นปี 1 สถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน เสียชีวิตพร้อมนายชิษณุพงศ์ ศรีคชา อายุ 18 ปี เพื่อนร่วมสถาบัน ตายกลางถนนเทอดดำริ แขวงและเขตบางซื่อ กทม. เมื่อวันที่ 12 ก.ย. ก่อนที่ตำรวจสืบสวนนครบาลจะแกะรอยรวบทีมสังหารเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย เทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย คู่แค้นต่างสถาบันถึง 6 คน ยอมรับสารภาพตระเวนเด็ดหัวเหยื่อเพื่อสางแค้นแทนเพื่อนสาวที่ถูกยิงตาย

ที่ บช.น. เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 17 ก.ย. พล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบช.สยศ.ตร. รรท.ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รอง ผบก.น.2 พ.ต.อ.ฤชากร จรเจวุฒิ รอง ผบก.น.6 พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผกก.สส.3 บก.สส.บช.น. พ.ต.อ.อรรถพร สุริยเลิศ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. พ.ต.อ.ณรงฤทธิ์ พรหมสวัสดิ์ ผกก.สน.หัวหมาก นำผู้ต้องหาทั้ง 6 คน ไปแถลงข่าว ประกอบด้วย นายกบินทร์ หรือเอฟ หรือบินทร์ จิโรจน์มนตรี อายุ 20 ปี มือปืน นายปัญญา หรือโต้ง เขมวัชรเลิศ อายุ 20 ปี คนขี่รถ จยย. นายอรรถพล หรือต้น ยี่แม่นยิง อายุ 20 ปี คนชี้เป้า นายจิรายุทธ หรือไอซ์ สุวรรณโชติ อายุ 20 ปี คนชี้เป้า นายจิตรดิลก หรือเน็ต อุ้มชู อายุ 21 ปี หน้าที่ดูเหยื่อว่าเสียชีวิตหรือไม่ และนายณัฐกร หรือณัฐ กรรมแต่ง อายุ 23 ปี คนวางแผนและจัดหาอาวุธปืน ล้วนแล้วแต่เป็นนักศึกษาคณะวิศวกรรมก่อสร้างโยธา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย

สอบสวนทั้งหมดรับว่ามูลเหตุจูงใจเป็นกระทำการเพื่อล้างแค้นให้ น.ส.กันต์กนิษฐ์ พรหมแก้ว อายุ 20 ปี นักศึกษาชั้นปี 2 คณะวิศวกรรมศาสตร์และสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย ที่ถูกคนร้ายไม่ทราบจำนวนขี่รถ จยย. ใช้ปืนกราดยิงเสียชีวิตตรงป้ายรถโดยสารหน้าโอสถศาลา คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตรงข้ามห้างมาบุญครอง ถนนพญาไท เขตปทุมวัน กทม. เมื่อวันที่ 26 ส.ค.57 จึงตระเวนออกล่าอริต่างสถาบัน เริ่มต้นยิงนายพชร กัมพลาศิริ อายุ 20 ปี นักศึกษาปี 1 คณะวิศวกรรมศาสตร์ช่างกล มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพเสียชีวิตในซอยรามคำแหง 107 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. เพราะเข้าใจผิดคิดว่าเรียนอยู่สถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน ต่อมาร่วมกันยิงนายพลวัต จันทร์วิเศษ อายุ 21 ปี และนายชิษณุพงศ์ ศรีคชา อายุ 18 ปี นักศึกษาชั้นปี 1 สถาบันเทคโนโลยีปทุมวันเสียชีวิตทั้งคู่ บริเวณถนนเทอดดำริ ตรงข้ามสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินบางซื่อ ท้องที่ สน.เตาปูนนายกบินทร์ หรือเอฟ จิโรจน์มนตรี มือปืน ระบายความในใจว่า ไม่อยากให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น แต่พวกตนเป็นฝ่ายที่ถูกกระทำมาโดยตลอด ข่าวบางข่าวก็ไม่ได้ถูกตีแผ่ออกมาอย่างชัดเจน เพื่อนตนเสียชีวิตก็ไม่ได้รับความเป็นธรรมเท่าที่ควร น.ส. กันต์กนิษฐ์ไม่ใช่คนเลวร้าย มิหนำซ้ำเป็นผู้หญิงด้วย ปัจจุบันคนร้ายยังลอยนวลอยู่ในสังคม นอกจากนี้ยังมีหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเพื่อนและพี่น้องไม่มีคดีไหนที่ จับคนร้ายได้สักราย อยากจะขอฝากตรงจุดนี้ ตนเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งที่ทำเท่าที่จะทำได้ อยากให้ทุกคนรับรู้ความรู้สึกของพวกตนบ้าง ถ้าจับคนร้ายไวกว่านี้เหตุการณ์อาจจะไม่เป็นอย่างนี้ก็ได้

ต่อมาเวลา 14.30 น. พ.ต.อ.ณรงค์ฤทธิ์ พรหมสวัสดิ์ ผกก.สน.หัวหมาก คุมตัวนายกบินทร์ หรือเอฟ จิโรจน์มนตรี นายปัญญา หรือโต้ง เขมวัชรเลิศ และนายอรรถพล หรือต้น ยี่แม่นยิง ผู้ต้องหาที่ร่วมกันยิงนายพชร กัมพลาศิริ อายุ 21 ปี นักศึกษาปี 1 คณะวิศวกรรมศาสตร์ช่างกล มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพเสียชีวิต ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพทั้งหมด 10 จุด ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที ตั้งแต่ปากซอยรามคำแหง 103 ที่นัดหมายก่อนลงมือสังหารเหยื่อ ซอยรามคำแหง 107 หรือซอยวัดศรีบุญเรือง รวมถึงเส้นทางหลบหนีไปยังบ้านของนายกบินทร์ย่านรามอินทรา ท่ามกลางประชาชนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก รวมถึงญาติและเพื่อนร่วมสถาบันของผู้ตายจนตำรวจต้องดูแลรักษาความปลอดภัย อย่างเข้มงวดนายกำพล กัมพลาศิริ อายุ 50 ปี พ่อของเหยื่อนักศึกษาใจเหี้ยมเผยว่า รู้สึกเสียใจ และโกรธแค้นมาก ถ้าเป็นไปได้อยากทำร้ายผู้ต้องหาเสียตอนนี้เลยเพื่อชดใช้ให้ลูกชายเพียงคน เดียว ส่วนตัวแล้ว ไม่เชื่อว่าผู้ต้องหาอ้างว่าเป็นการยิงผิดตัว และขอให้การเสียชีวิตของลูกตนเป็นกรณีเริ่มต้นการแก้ปัญหานักเรียนตีกัน อย่างจริงจัง พร้อมทั้งวอนให้ผู้ปกครองดูแลลูกหลานของตัวเองให้ดี สอดส่องดูแล ไม่ใช่ปล่อยปละละเลย แค่เพียงส่งลูกหลานไปเรียน นอก จากนี้ ตนยังจะปรึกษาทนายความเพื่อเรียกร้องทางแพ่ง เอาผิดกับทางผู้ปกครองของผู้ต้องหาเป็นกรณีตัวอย่างให้ผู้ปกครองผู้ต้องหา รับรู้ว่า ถ้าดูแลบุตรหลานไม่ดี ก่อให้เกิดความสูญเสียกับครอบครัวคนอื่นจะเป็นอย่างไร

หลังจากนั้น พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รอง ผบก.น.2 พ.ต.อ.ภัทรภณ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผกก. สน.เตาปูน นำนายกบินทร์ จิโรจน์มนตรี และนายปัญญา เขมวัชรเลิศ ไปทำแผนต่อที่จุดประกบยิง 2 นักศึกษาสถาบันเทคโนโลยีปทุมวันบริเวณท้องที่ สน.เตาปูน ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ก่อนจะส่งตัว ผู้ต้องหาทั้งหมดให้ สน.หัวหมาก ไปควบคุมขณะที่ พล.ต.ต.ชาญเทพ เสสะเวช รอง ผบช.น.รรท.ผบก.น.6 พ.ต.อ.จารุต ศรุตยาพร ผกก.สน.ปทุมวัน สนธิกำลัง บก.สส.บช.น. กก.สส.บก.น.6 เจ้าหน้าที่กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด บก.สปพ. สันติบาล และเจ้าหน้าที่ทหารสังกัด พล.ม.2 รอ. เข้าตรวจค้นอาวุธภายในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย ถนนพญาไท แขวงและเขตปทุมวัน กทม. พบสิ่งผิดกฎหมายจำนวนมาก อาทิ มีด อุปกรณ์การเล่นการพนันไฮโล ไพ่ อุปกรณ์เสพยาเสพติดที่ถูกซุกซ่อนอยู่บนฝ้าเพดานห้องน้ำตามตัวอาคาร รวมถึงบ้านพักของภารโรง ควบคุมตัวนักศึกษา 4 ราย ไปยัง สน.ปทุมวัน เพื่อถ่ายรูปทำประวัติไว้ พร้อมทั้งเชิญผู้ปกครองและอาจารย์ฝ่ายปกครองเข้ารับทราบถึงพฤติกรรมก่อน ปล่อยตัวไป ขณะที่กำลังอีกชุดยังเข้าตรวจค้นสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน ถนนพระราม 1 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กทม.พบมีดปลายแหลม 3 เล่ม คัตเตอร์ 3 อัน ขวาน 1 ด้าม ประทัดยักษ์ 6 ลูก และกระสุนปืน .22 จำนวน 1 นัด โดยมี รศ.ปัญญา มินยง อธิการบดีให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี

ส่วนที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวระหว่างเป็นประธานประชุมชี้แจงนโยบายรัฐบาลแก่ผู้บริหารระดับสูงตอน หนึ่งว่า เรื่องปัญหาเด็กนักเรียนตีกัน ก็ไม่กลัวกฎอัยการศึกกันสักคนเลย ตนเป็นห่วงเหมือนกัน ประกาศไปเลยว่า ต่อไปนี้ตีกันโรงเรียนไหน ปิดโรงเรียนนั้น ปิดแผนกนั้น ปิดคณะนั้น ฝ่ายไหนตีก่อนสั่งปิดก่อนชั่วคราวจนกว่าจะสอบสวนข้อเท็จจริง ฉะนั้นต้องไปหาวิธีว่าจะทำอย่างไรให้พวกแกนนำพวกรุ่นพี่รุ่นน้องคืนสู่เหย้า พอสักที เลิกกัน ให้อภัยกัน ไม่อย่างนั้น ต้องถูกดำเนินคดีหมด โรงเรียนต้องถูกปิด “วันนี้ถึงประกาศมาตรการไปก็ไม่เกิดผลหรอก ถ้าไม่เอาจริงเอาจัง นอกจากนี้ เรื่องเด็กวัยรุ่นไม่มีงานทำ พวกเด็กแว้น เด็กติดยา ขอทาน ค้าขายสิ่งผิดกฎหมาย เรื่องนี้ต้องแก้ไข” พล.อ.ประยุทธ์กล่าวที่ห้องประชุมชั้น 4 สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา สายวันเดียวกัน นพ.กำจร ตติยกวี เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา เชิญนายปัญญา มินยง อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน และนายสืบพงษ์ ม่วงชู รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย เพื่อหาทางยุติปัญหาการทะเลาะวิวาทระหว่างนักศึกษา 2 สถาบันดังใช้เวลาหารือ 1 ชั่วโมงเศษ นพ.กำจร เผยผลการหารือว่า ได้ให้ทั้ง 2 สถาบันทำบันทึกเหตุการณ์ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่งให้สำนักงานคณะกรรมการ การอุดมศึกษาอีกครั้ง ฝ่ายอุเทนถวายรายงานว่า เป็นเพราะศิษย์เก่าที่เป็นรุ่นพี่เข้ามายุยงรุ่นน้องให้ก่อเหตุ ขณะที่สถาบันเทคโนโลยีปทุมวันมีมาตรการที่ชัดเจนว่า ห้ามรุ่นพี่เข้ามาในบริเวณสถาบันโดยเด็ดขาด ทั้งการรับนักศึกษาก็จะไม่รับนักเรียนที่จบจากโรงเรียนที่มีปัญหาทะเลาะ วิวาทเน้นรับนักเรียนจากต่างจังหวัดมากขึ้นก็พบว่าได้ผล เพราะไม่ใช่นักศึกษาที่มาจากสถาบันที่เป็นคู่อริกัน จึงมอบนโยบายให้อุเทนถวายกำหนดมาตรการห้ามบุคคลภายนอกเข้าสถาบันอย่างเด็ด ขาดเช่นกัน

ข่าว:thairath.co.th

Source: จ่อฟ้องเอาผิดพ่อแม่ นศ.อุเทน

อุตุฯ เตือนไทยตอนบนฝนตกหนัก

170914_073412_a1กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศเตือน พายุไต้ฝุ่น "คัลแมกี" (KALMAEGI) ฉบับที่ 8 เมื่อเวลา 05.00 น. ว่า พายุไต้ฝุ่น "คัลแมกี" ได้เคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนตอนบนและได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุ โซนร้อนแล้ว กล้องcctv และเมื่อเวลา 04.00 น.วันนี้ (17 ก.ย.57) มีศูนย์กลางอยู่ทางตะวันตกของกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม หรือที่ละติจูด 22.0 องศาเหนือ ลองจิจูด 105.5 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 100 กม./ชม. และกำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกด้วยความเร็วประมาณ 30 กม./ชม. คาดว่าพายุนี้จะเคลื่อนตัวไปปกคลุมประเทศลาวตอนบนและจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุ ดีเปรสชันในคืนนี้

ลักษณะเช่นนี้ทำให้ในช่วงวันที่ 17-18 ก.ย.57 บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักในหลายพื้นที่ บริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน ลำพูน ลำปาง แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก เพชรบูรณ์ เลย หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร นครพนม ขอนแก่น และชัยภูมิ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและลมแรงไว้ด้วยส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีเมฆมาก โอกาสมีฝนฟ้าคะนองในเกณฑ์เกือบทั่วไปร้อยละ 80 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

สำหรับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง ทำให้ภาคตะวันออกและภาคใต้มีฝนหนาแน่นและมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณ จ.นครนายก ปราจีนบุรี จันทบุรี ตราด ระนอง ชุมพร พังงา ภูเก็ต และกระบี่ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนตกสะสมต่อเนื่อง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนบนและทะเลอันดามันมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-4 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งจนถึงวัน ที่ 18 ก.ย. นี้
ข่าว:springnewstv.tv

Source: อุตุฯ เตือนไทยตอนบนฝนตกหนัก