การบันทึกของกล้องวงจรปิดเป็นอย่างไร
สำหรับผู้ที่จะติดตั้งกล้องวงจรปิดนั้น การเลือกกล้องวงจรปิดหรือยี่ห้อ ผู้ติดตั้งควรจำเป็นต้องรู้อย่างที่ได้พูดถึงไปแล้ว อีกอย่างหนึ่งที่ผู้ติดตั้งจะต้องรู้เอาไว้ นั้นคือตัวเก็บบันทึกภาพ อุปกรณ์ที่ใช้เก็บบันทึกภาพ เรียกว่า DVR เป็นอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับตัวกล้อง CCTV แต่ละรุ่น ละยี่ห้อ นั้นก็มีจุดที่แตกต่างกันไป โดยเฉพาะช่องเชื่อมต่อสัญญาณหรือที่คนทั่วไปรู้จัก Chanel ซึ่งถ้าเครื่องบันทึกกล้อง CCTV DVR มีจำนวนมากเท่าไร ราคาและคุณสมบัติของมันก็สูงขึ้นด้วยตามจำนวน Chanel
แต่การที่มีช่องต่อเข้าเครื่องบันทึกเยอะๆนั้นก็ทำให้การบันทึกของภาพแต่ละเฟรมที่มาจากกล้องวงจรปิดนั้นถูกหารลงไปด้วย ซึ่งทำให้ภาพที่ได้ออกมานั้นไม่คมชัดเท่าที่ควร แต่บางรุ่นบางยี่ห้องของเครื่อง DVR นั้น จะแยกสัญญาณจากตัวกล้องเลยทำให้ไม่ถูกหาร การเลือกซื้อกล่องบันทึก DVR นั้น มีการเลือกซื้อตามไฟล์ที่กล่องบันทึกและการเลือกซื้อตามความจุของฮาร์ดดิส
การเลือกซื้อกล่อง DVR ตามแบบไฟล์ที่ใช้บันทึก จะแบ่งออกเป็น 3 แบบให้ผู้ติดตั้งได้เลือกใช้งานตามความเหมาะสมของกล้อง CCTV ที่เอาไปใช้ มีอยู่ 3 แบบไฟล์คือ
แบบที่ 1 เป็นไฟล์ MPEG4 เป็นไฟล์ที่นิยมบันทึกในสมัยก่อน ภาพออกมาจะไม่ค่อยคมชัดเท่าที่ควร ยิ่งตรงขอบของภาพจะเบลอๆ
แบบที่ 2 เป็นการบันทึกไฟล์แบบ JPEG ตัวนี้เป็นการบีบอัดไฟล์ ได้เล็กกว่าไฟล์แรกแต่มีประสิทธิภาพมากกว่า ภาพที่ได้จากการบันทึกในรูปแบบไฟล์ JPEG ทำให้ภาพคมชัด แต่ตัวกล่อง DVR อาจจะมีราคาค่อนข้างแพงสักหน่อยเมื่อเทียบกับแบบแรก
แบบที่ 3 ไฟล์แบบ H.264 การบันทึกไฟล์ในนามสกุลนี้เป็นการบันทึกภาพที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งไฟล์ H.264 เป็นการบีบอัดไฟล์ของภาพที่ได้จากกล้อง CCTV ให้ความละเอียดมากกว่าการบีบอัดไฟล์ในแบบ MPEG4 และยังใช้พื้นที่บนฮาร์ดดิสน้อยกว่าอีกด้วย กล่าวคือไฟล์แต่ไฟล์ที่ได้จากการบันทึกภาพในรูปแบบ H.246 นี้ จะได้ภาพมากขึ้นแต่ใช้ขนาดความจุของฮาร์ดดิสเท่าเดิม
การเลือกซื้อกล่องบันทึก DVR ตามความจุฮาร์ดดิส
การเลือกซื้อกล่อง DVR ในแบบการเลือกตามความจุของฮาร์ดดิสนั้น ผู้ติดตั้งจะต้องทำความเข้าใจสักหน่อยว่าภายในกล่อง DVR นั้น สามารถรองรับฮาร์ดดิสได้หลายลูก ซึ่งแต่ละลูกก็จะมีความจุในการใช้งานแตกต่างกันไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผู้ติดตั้งกล้องวงจรปิดจะนำไปใช้งาน และยิ่งกล่อง DVR สามารถรองรับฮาร์ดดิสได้หลายลูกนั้นแน่นอน ราคาก็แปรผันตามการรองรับของกล่องนั้นด้วย
แต่การเลือกล่อง DVR ไม่ใช่แค่เลือกความจุได้มาก น้อย หรือมันสามารถรองรับได้กี่ตัว แต่ให้ผู้ติดตั้งเลือกจากการเชื่อมต่อฮาร์ดดิสเข้ากับตัวกล่อง DVR จุดนี้เองจะบ่งบอกว่ากล่องที่เราซื้อมานั้น เป็นรุ่นแบบไหน เก่าหรือใหม่ แล้วรองรับอะไรได้บ้าง ในปัจจุบันนี้ผู้ติดตั้งควรเลือกที่กล่อง DVR ที่สามารถเชื่อมต่อฮาร์ดดิสที่ใช้ระบบ SATA ขึ้นไป ห้ามเลือกแบบที่เชื่อมต่อ IDE เพราะเนื่องมาจากว่าฮาร์ดิสรุ่น IDE นั้นตกรุ่นและไม่มีผู้ผลิตออกมาจำหน่ายแล้ว ทำให้เมื่อเวลามีปัญหาขึ้นมานั้นการเลือกซื้อมาสำรอง หรือนำไปซ่อมอาจจะไม่สะดวกอย่างแน่นอน ซึ่งถ้าเป็นไปได้ให้เลือกแบบ SATA ขึ้นไป เพราะรุ่นจำพวกนี้จะรองรับเทคโนโลยีใหม่ๆเอาไว้เสมอ เมื่อเวลาผู้ติดตั้งต้องการจะเพิ่มเติมอุปกรณ์เสริมตรงไหน ให้กล้อง CCTVได้บันทึกภาพออกมามีประสิทธิภาพ ก็สามารถทำได้เลย ไม่ต้องไปหาซื้อฮาร์ดดิสตัวอื่นเข้ามาเสริมอีก
การเลือกซื้อกล่อง DVR ตามความสามารถในการเชื่อมต่อ Internet
กล่อง DVR ในยุคปัจจุบันนั้นสามารถรองรับในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเอาไว้ ซึ่งราคาก็อาจจะเพิ่มขึ้นมา แต่ในสมัยนี้ฟังชั่นแบบนี้ก็น่าจะเป็นอีกทางเลือกสำหรับผู้ที่คิดจะติดตั้งกล้องวงจรปิด และยิ่งเหมาะสำหรับคนที่ไม่ค่อยอยู่ในสถานที่ติดตั้งกล้องนั้นจึงจำเป็นต้องมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเอาไว้ เพราะกล่อง DVR เมื่อเชื่อมต่อเข้ากับกล้อง CCTV กับอินเทอร์เน็ตแล้ว ผู้ติดตั้งสามารถสั่งงานให้ส่งข้อมูลภาพที่ถ่ายจากกล้องเข้าสมาร์ทโฟนหรือมือถือ เพื่อค่อยดูเวลาไม่อยู่ได้ ในปัจจุบันนั้น น่าจะมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอยู่ กับตัวเครื่อง DVR อยู่แล้วบางทีอาจจะดูการส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ตมากกว่าว่าสามารถรับส่งข้อมูลได้เท่าไร
การเลือกซื้อกล่อง DVR ตามความสามารถในการสำรองขอ้มูล
อย่างที่กล่าวไปแล้วว่าในสมัยนี้กล่อง DVR จำเป็นจะต้องมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต เพื่อเอาไว้ค่อยดูในเวลาที่เราไม่ได้อยู่ในสถานที่นั้นๆ หรือสำรองข้อมูลภายนอก สำหรับการสำรองข้อมูลภายนอกก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่จะต้องพิจารณาในการเลือกซื้อ DVR เพราะบางที่เนื่องจากฮาร์ดดิสที่เราสำรองข้อมูลเอาไว้จากภาพที่บันทึกได้จากกล้องวงจรปิดอาจจะเต็มหรือมีปัญหา การสำรองข้อมูลชั่วคราวอีกวิธีที่กล่อง DVR ต้องมีคือการสำรองแบบ การบันทึกเป็น CD หรือ DVD
การเลือกซื้อเครื่อง DVR หรือกล่อง DVR ที่ใช้บันทึกภาพ ผู้ติดตั้งลองอ่านบทความข้างต้นเพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจเลือกซื้ออีกทางหนึ่ง ควบคู่กับการเลือกซื้อกล้อง CCTV ไปด้วย เพราะทั้งสองอย่างนี้จะต้องสัมพันธ์กันและสามารถเชื่อมต่อเข้ากันได้ โดยไม่มีปัญหาของอุปกรณ์เกิดขึ้นในระหว่างการใช้งาน ยิ่งถ้าฮาร์ดแวร์ทั้งสองทำงานเข้ากันได้ด้วยดีแล้วประสิทธิภาพของกล้องวงจรปิดก็จะเป็นการดึงความสามารถของทั้งสองตัวออกมาใช้งานอย่างคุ้มค่าเงินที่เสียไปเลยล่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น