ส่วยสถานที่บริการพ่นพิษ นครบาลสั่งย้ายด่วน 3 เสือ สน.ประเวศ ทั้ง ผกกรอง ผกก.ป. และ ผกก.สส.ไปช่วยราชการ ศปก.น. เป็นเวลา 30 วันแล้ว แถมตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงตำรวจตั้งแต่ระดับ รอง ผบก.น. 4 นายตำรวจชั้นสัญญาบัตร ไปจนถึงชั้นประผวนกราวรูดรวม 23 คน ทั้งที่มีชื่ออยู่ในโพยและไม่อยู่ในโพยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการรับสินบนหรือไม่
กรณีเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจและเทศกิจ สนธิกำลังบุกเข้าตรวจค้นสถานบันเทิงไรเดอร์ รีสอร์ต และอาบ อบ นวด คุ้มพระราม เป็นอาคารสูง 5 ชั้น อยู่เลขที่ 35/1 หมู่ 7 ซอยศรีนครินทร์ 49 แขวงหนองบอน เขตประเวศ กทม. จับกุมมาณวิกาค้าประเวณีชาวไทย 10 คน ชาวกัมพูชา 1 คนและชาวลาว 1 คน นอกจากนี้ผู้หญิงคนไทยที่ค้าประเวณี 1 คน อายุต่ำกว่า 18 ปี ส่วนในสถานบันเทิงตรวจค้นพบยาบ้า 6 เม็ด ใส่ถุงพลาสติกซุกซ่อนอยู่ในห้องน้ำชาย พร้อมมูลวัตถุเสพยาไอซ์ แถมพบกัญชาในตู้เก็บของพนักงาน ที่สำคัญยังพบโพยจ่ายส่วยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนาย จากการตรวจสอบพบว่า ทั้งสถานบันเทิงและสถานบริการไม่มีใบอนุญาต ซึ่งก่อนหน้านี้ช่วงวันฮาโลวีนผับดังกล่าวเพิ่งถูกทหาร เข้าจับกุมฐานเปิดบริการเกินเวลาถึง 2 วันติด ฝ่ายเจ้าของร้านไรเดอร์ รีสอร์ต อ้างว่า ไม่เกี่ยวข้องกับสถานบริการคุ้มพระราม เจ้าของอาบอบนวดมาเช่าที่ทำธุรกิจเอง แต่อยู่ในอาคารเดียวกัน
ความคืบหน้าจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 3 พ.ย. มีรายงาน ว่า พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รรท.ผบช.น. เซ็นคำสั่ง บช.น.ที่ 672/2557 ลงวันที่ 2 พ.ย.57 เรื่องให้ข้าราชการพลเรือนตำรวจปฏิบัติราชการ ระบุว่า ตามที่ บช.น.ได้รับรายงานเหตุ กรณีเมื่อวันที่ 1 พ.ย.เวลาประมาณ 23.30 น. เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจสนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่เทศกิจ เข้าตรวจค้นสถานบันเทิงและสถานบริการไรเดอร์ รีสอร์ต และร้านคุ้มพระราม ในพื้นที่รับผิดชอบของ สน.ประเวศ จับกุมตัวผู้ต้องหา 8 คน พร้อมของกลางในความผิดต่างๆเกี่ยวกับยาเสพติด บุคคลต่างด้าว การค้าประเวณี สถานบริการ และการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ โดยการเป็นธุระจัดหาให้เด็กอายุไม่เกิน 18 ปีค้าประเวณี อันเป็นความผิดฐานค้ามนุษย์ ซึ่งเป็นอบายมุขเป้าหมายตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 234/2548 ลงวันที่ 28 มี.ค.48
เพื่อให้การปกป้องรักษาและปราบปรามความผิดเกี่ยวกับอบายมุขภายใน บช.น.เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมิให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการ ตลอดจนเพื่อให้การสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ดั้งนั้นอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 74 แห่ง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 ระเบียบ ก.ต.ช.ว่าด้วยหลักเกณฑ์การกระทำราชการของผู้บัญชาการ ในฐานะเป็นอธิบดีหรือแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2551 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2555 และระเบียบ ตร.ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการตำรวจไปปฏิบัติราชการ ภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2552 จึงให้ข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการดังนี้ มีคำสั่งให้ พ.ต.อ.สมควร พึ่งทรัพย์ ผกก.สน.ประเวศ พ.ต.ท.เผด็จ ภู่บุปผากาญจน รอง ผกก.ป.สน.ประเวศ และ พ.ต.ท.บวร เพ็งสุข รอง ผกก.สส.สน.ประเวศ ทั้ง 3 นาย มาปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ศปก.น.) เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมาย มีกำหนด 30 วัน ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป หรือจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
นอกจากนี้ ยังเซ็นคำสั่งเพิ่มเติมที่ 673/2557 ลงวันที่ 2 พ.ย.57 ตั้งคณะกรรมการสืบสาวทางวินัย มอบหมายให้ พล.ต.ต.ฉันทวิทย์ รามสูต รอง ผบช.น.เป็นประธานการสอบสวน หากคณะกรรมการสืบสวนเห็นว่า กรณีมีมูลว่าผู้ถูกกล่าวหากระทำผิดวินัยในเรื่องอื่นนอกจากที่ระบุไว้ในคำสั่งนี้ หรือกรณีที่การตรวจข้อเท็จจริงพาดพิงไปถึงข้าราชการตำรวจผู้อื่น และคณะกรรมการสืบสวนพิจารณาในเบื้องต้นแล้วเห็นว่า ข้าราชการตำรวจผู้นั้นมีส่วนร่วมหรือมีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำในเรื่องสืบสวนนั้นอยู่ ให้ประธานกรรมการรายงานมาโดยเร็ว มีรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า รรท.ผบช.น.มีคำสั่งให้คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงข้าราชการตำรวจกรณีดังกล่าว โดยมีรายชื่อไล่ตั้งแต่รอง ผบก.น.4 นายตำรวจสัญญาบัตร และชั้นประทวนสังกัด สน.ประเวศ รวมทั้งหมด 23 นายด้วย
ข่าวจาก: http://kopidaresi.com/?p=305
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น