วันอาทิตย์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

พบศพทารกฝังทรายในออสเตรเลีย

896406นายอันดรูว์ ออลลองด์ เจ้าหน้าที่ผู้ตรวจสอบกล่าวว่า กลุ่มเด็กชายวัย 6 - 7 ปี ที่เล่นอยู่บริเวณชายหาดพบศพขณะที่พวกเขากำลังขุดทราย ก่อนผู้ปกครองของเด็กเหล่านั้นจะแจ้งเหตุดังกล่าวต่อเจ้าหน้าที่ จากการตรวจสอบเบื้องต้นยังไม่สามารถระบุเพศและอายุของทารก รวมถึงระยะเวลาที่ศพถูกฝังได้ เนื่องจากศพอยู่ในสภาพที่เริ่มเน่าเปื่อย ซึ่งต้องรอผลการชันสูตรเพื่อระบุถึงสาเหตุการเสียชีวิตต่อไป ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อตรวจสอบบันทึก การเกิด รวมถึงขอความร่วมมือจากศูนย์แจ้งคนหายเพื่อติดตามหาพ่อแม่ของเด็กด้วย

เจ้า หน้าที่เผยว่า แม้จุดที่พบศพนับเป็นบริเวณที่ค่อนข้างเปลี่ยว แต่ก็มีหน่วยกู้ชีพและอาสาสมัครลาดตระเวณเป็นประจำ เรื่องดังกล่าวสร้างความตระหนกให้แก่ชุมชนอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาถึงแรงจูงใจที่น่าจะเป็นไปได้ในการก่อเหตุดังกล่าว ทั้งนี้ เมื่อไม่นานมานี้เพิ่งเปิดเหตุสลดในลักษณะคล้ายกัน เมื่อเด็กทารกคนหนึ่งถูกทิ้งลงท่อระบายน้ำในนครซิดนีย์ โดยแม่ของเด็กถูกตั้งข้อหาพยายามฆ่าสำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครซิดนีย์ ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 30 พ.ย. ว่า ตำรวจรัฐนิวเซาธ์เวลส์ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของออสเตรเลีย ได้รับแจ้งมีผู้พบศพเด็กทารกอยู่ในสภาพเปลือย ถูกฝังลึกลงไป 30 ซม.บนหาดทรายในย่านมารูบรา ย่านชานเมืองทางตะวันออกของนครซิดนีย์ เมื่อช่วงเช้าวันอาทิตย์

แหล่งที่มา  :  เดลินิวส์

Source: พบศพทารกฝังทรายในออสเตรเลีย

พบเด็กชายหายตัวไป4ปีถูกซ่อนในห้องลับ

896338นายจีนและนางเดวิสถูกตั้งข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยว กระทำทารุณกรรมต่อเด็ก และขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ ขณะที่ผู้เยาว์อีก 3 คน ที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังดังกล่าวถูกตั้งข้อหาขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ เช่นกัน นายจีนถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำในเคลย์ตัน เตาน์ตี โดยไม่อนุญาตให้ประกันตัว ซึ่งเจ้าหน้าที่เผยว่า นายจีนและนางเดวิสอาจถูกตั้งข้อหาเพิ่มเติมหลังการสืบสวนต่อจากนี้

มารดาของเด็กชายคนดังกล่าวซึ่งอาศัยอยู่ที่รัฐอื่น แจ้งการหายตัวไปของเด็กต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองเด็กเมื่อปี 2553 ขณะที่เด็กเดินทางไปเยี่ยมบิดาที่รัฐฟลอริดา โดยไม่มีการแจ้งเรื่องต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือยื่นเรื่องดังกล่าวต่อทางการ เคลย์ตันเคาน์ตี โดยเมื่อไม่นานมานี้ เด็กชายพยายามติดต่อมารดาด้วยโทรศัพท์และบอกถึงที่ซ่อนของตน ก่อนเจ้าหน้าที่จะนำกำลังเข้าตรวจสอบบ้านหลังดังกล่าว ซึ่งขณะนั้นนายจีนและสมาชิกในบ้านยังคงปฏิเสธไม่ทราบข้อมูลของเด็กชาย ขณะที่เพื่อนบ้านเล่าว่า ครอบครัวนี้ย้ายเข้ามาเมื่อราว 6 เดือนก่อน มีนิสัยค่อนข้างเก็บตัว โดยเด็กชายคนดังกล่าวมักอยู่แต่ในบ้านและไม่ได้ไปโรงเรียนสำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองโจเนสโบโร ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 30 พ.ย. ว่า ตำรวจเมืองรัฐจอร์เจียของสหรัฐ บุกเข้าตรวจค้นบ้านหลังหนึ่งในเมืองโจเนสโบโร ในเคลย์ตัน เตาน์ตี ซึ่งเป็นบ้านของนายเกรกอรี จีน วัย 37 ปี และนาง ซาแมนธา จอย เดวิส รวมถึงเยาวชนอีก 3 คน หลังได้รับแจ้งจากอดีตภรรยาของนายจีนว่า ลูกชายที่ปัจจุบันอายุ 13 ปี ซึ่งหายตัวไปเมื่อ 4 ปีก่อน ถูกซ่อนไว้ในบ้านหลังดังกล่าว จากการตรวจสอบพบว่า เด็กชายถูกขังไว้ที่ห้องลับด้านหลังผนังในบ้าน เจ้าหน้าที่จึงเร่งเข้าช่วยหลือและนำตัวส่งคืนมารดาของเด็กได้อย่างปลอดภัย เมื่อวันเสาร์

แหล่งที่มา  :  เดลินิวส์

Source: พบเด็กชายหายตัวไป4ปีถูกซ่อนในห้องลับ

ตำรวจมือยิงวันรุ่นผิวสีเฟอร์กูสันลาออก

896288เหตุการณ์ยิงกันเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 ส.ค. ที่ผ่านมา เมื่อนายวิลสันซึ่งเป็นตำรวจผิวขาว ยิงนายบราวน์ซึ่งเป็นวัยรุ่นผิวสีเสียชีวิต โดยนายวิลสันให้การว่า นายบราวน์พยายามเข้ามาแย่งอาวุธจากเจ้าหน้าที่ ขณะที่พยานบางส่วนเล่าว่า นายบราวน์ได้ยกมือขึ้นเพื่อแสดงให้เห็นว่าไม่มีอาวุธก่อนที่เขาจะถูกยิง เรื่องดังกล่าวได้จุดให้เกิดกระแสถกเถียงไปทั่วโลก เกี่ยวกับอคติทางเชื้อชาติและอำนาจในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ จนนำไปสู่การประท้วงรุนแรงหลายครั้ง

อย่างไรก็ตาม แม้จะไม่มีการสั่งฟ้องต่อนายวิลสัน แต่กระทรวงกลาโหมสหรัฐยังคงดำเนินการสอบสวนเหตุการณ์ยิงกันดังกล่าว ในประเด็นด้านสิทธิพลเมือง รวมถึงการปฏิบัติหน้าที่ของสำนักงานตำรวจด้วยสำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองเฟอร์กูสัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 30 พ.ย. ว่า นายเนล บรุนเทรเจอร์ ทนายความของนายดาร์เรน วิลสัน ตำรวจวัย 28 ปีที่ยิงนายไมเคิล บราวน์ วัย 18 ปี เสียชีวิต ที่เมืองเฟอร์กูสัน รัฐมิสซูรี เผยเมื่อคืนวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น ว่า นายวิลสันได้ยื่นหนังสือลาออกต่อสำนักงานตำรวจเมืองเฟอร์กูสันแล้ว และการลาออกได้มีผลทันที หลังจากก่อนหน้านี้เขาได้รับอนุญาตให้ลาพักหลังเหตุการณ์ดังกล่าว โดยนายบุนเทรเจอร์เผยว่า การลาออกเป็นไปตามเจตจำนงของนายวิลสันเอง ซึ่งมีสาเหตุมาจากความกังวลเรื่องความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ หลังได้รับแจ้งว่าสำนักงานตำรวจเมืองเฟอร์กูสันถูกข่มขู่คุกคาม การลาออกมีขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังคณะลูกขุนมีคำสั่งไม่ฟ้องนายดาร์เรนเมื่อ วันจันทร์ที่ 25 พ.ย. เนื่องจากไม่มีหลักฐานเพียงพอ ซึ่งคำตัดสินดังกล่าวส่งผลให้เกิดความไม่พอใจอย่างยิ่งในหมู่ประชาชน

แหล่งที่มา  :  เดลินิวส์

Source: ตำรวจมือยิงวันรุ่นผิวสีเฟอร์กูสันลาออก

วันศุกร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

พ่อฉุนลูกถูกตื้บซัดลูกซองอริปางตาย

895171จากการสอบสวน ทราบว่า ผู้ก่อเหตุคือ นายชัยณรงค์ประสงค์สิ่งดี เจ้าของร้านหม้อน้ำริมถนนที่เกิดเหตุ โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า เป็นคนลงมือยิงวัยรุ่นดังกล่าวจริง สาเหตุมาจากบุตรชายขี่จยย.ไปปั๊ม ปตท.ใกล้ที่เกิดเหตุ เพื่อซื้อของกลับบ้าน แต่กลุ่มผู้บาดเจ็บกลับรุมทำร้าย จนหน้าตาปูดบวม ภายหลังกลับมาบ้าน ตนเองทราบเรื่องจึงเจ็บแค้นแทนบุตรชาย มายืดดักรอวัยรุ่นกลุ่มดังกล่าว กระทั้งพบเห็นจึงใช้อาวุธปืนยิงใส่ ร่วงตกข้างถนนดังกล่าว

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหา พยายามฆ่าผู้อื่นฯ และมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองฯ และพกพาอาวุธปืนฯ จึงควบคุมตัวพร้อมของกลางส่งดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป

เมื่อวันที่ 28 พ.ย. ร.ต.ท.วีระชัย ร้อยศรีร้อยเวร สภ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี รับแจ้งเหตุยิงกันมีผู้ได้รับบาดเจ็บ ที่ถนนสายอู่ทอง-สระกระโจมหมู่ 3 ต.หนองโอ่ง จึงรีบไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.สุรพจน์พิสุทธิวงส์ ผกก.สภ.อู่ทอง พ.ต.ท.บัญชา พาหุพันธ์ สว.สส. สภ.อู่ทอง กำลังฝ่ายสืบสวนและหน่วยกู้ภัยจักรนารายณ์

ในที่ เกิดเหตุพบ จยย.ยี่ห้อฮอนด้าน้ำเงินขาว ทะเบียน จคร 775 นครราชสีมา จอดอยู่ มีรอยเลือดกระจายเต็มพื้น พบผู้บาดเจ็บ2 ราย ประกอบด้วย น.ส.ปรียานุช มีเหลือ อายุ 24 ปี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด .22 เข้าที่เข่าซ้าย 1 นัด และ นายบอย (นามสมมุติ) อายุ 16 ปี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาดเดียวกันที่ศอกซ้ายและขาซ้าย รวม 2 นัด จึงรีบนำตัวส่ง รพ.อู่ทอง

แหล่งที่มา  :  เดลินิวส์

Source: พ่อฉุนลูกถูกตื้บซัดลูกซองอริปางตาย

ใช้กฎหมายแรงเอาผิดคนปลูกฝิ่น

895128พล.ท.เกษม   กล่าวว่า กองทัพภาคที่ 3กองบัญชาการเฉพาะกิจศูนย์ปฏิบัติการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด กองทัพภาคที่ 3 หน่วยเฉพาะกิจกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3เป็นหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบและดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลในการแก้ไข ปัญหายาเสพติดในพื้นที่17 จังหวัดภาคเหนือ โดยการบูรณาการแผนงานและประสานงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐที่ เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดเป็นแผนงานที่มีความประสานสอดคล้อง และสามารถนำไป ปฏิบัติงานร่วมกันอย่างได้ผล

สำหรับการควบคุม พื้นที่ปลูกฝิ่นที่มีการลักลอบปลูกฝิ่นในพื้นที่ภาคเหนือ ในปี 2558 จะเริ่มดำเนินการปราบปรามในห้วงตั้งแต่ 16 พ.ย.57– 30 เม.ย. 58โดยพื้นที่ลักลอบปลูกฝิ่นที่กองทัพภาคที่ ๓ ได้รับมอบหมาย มีจำนวน  65  พื้นที่เป้าหมายครอบคลุมพื้นที่จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน น่าน พะเยา ลำปาง และตากซึ่งการลักลอบปลูกฝิ่นในปัจจุบัน เกิดจากปัจจัยของสภาพภูมิประเทศ   สภาพภูมิอากาศและแรงจูงใจเกี่ยวกับราคาฝิ่นดิบที่ค่อนข้างสูงราคาจ๊อยละ ประมาณ  150,000 –180,000 บาท ( 1 จ้อยเท่ากับ 1.6 กิโลกรัม ) ทำให้มีการลักลอบปลูกฝิ่นอยู่ซึ่งจะเอากฏหมายที่รุนแรงมาเล่นงานให้เข็ดหลาบเมื่อวันที่ 28 พ.ย.  ที่กองกำลังผาเมือง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ พล.ท.เกษม   ธนาภรณ์ แม่ทัพน้อยที่ 3  รองผู้บัญชาการกองบัญชาการเฉพาะกิจ ศูนย์ปฏิบัติการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด กองทัพภาคที่ 3 เป็นประธานประชุมแถลงแผนการควบคุมพื้นที่ปลูกฝิ่น และการตัดทำลายไร่ฝิ่นประจำปี 2558 โดยมีหลายหน่วยงานที่เกียวข้อเข้าร่วมคับคั่ง

แหล่งที่มา  :  เดลินิวส์

Reference: ใช้กฎหมายแรงเอาผิดคนปลูกฝิ่น

วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

สธ.เตือนอย่าให้เด็กกินคลอโรฟิลล์

894212ผอ.สำนักอาหาร อย. ยังแนะนำด้วยว่า การรับประทานสารสกัดต่าง ๆ เป็นที่นิยมมากสำหรับคนที่ไม่กินผัก-ผลไม้ แต่หากเราทานครบ 5 หมู่ ทานผักผลไม้ได้ ก็ไม่จำเป็นต้องทานคลอโรฟิลล์เลย เพราะในผักและผลไม้ มีทั้งไฟเบอร์ แร่ธาตุ วิตามิน ครบถ้วน หากเปรียบเทียบการทานผักบุ้ง 1 กำ ราคา 10 บาท จะได้ประโยชน์มากกว่าทานคลอโรฟิลล์ 1 แก้ว ที่สำคัญสารสกัดจากคลอโรฟิลล์ที่ขายกันทั่วไป เป็นกลไกการตลาดที่ต้องการทำให้คนเชื่อว่า กินแทนผักได้ ประเทศไทยมีผักผลไม้มากมาย ควรเลือกบริโภคให้หลากหลายในสัดส่วนที่เหมาะสม

ทาง ด้านนางสุจิตต์ สาลีพันธ์ นักโภชนาการเชี่ยวชาญ สำนักโภชนา กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข กล่าวกับ Half inchเดลินิวส์ออนไลน์Half inch เช่นกันว่า “สารคลอโรฟิลล์เป็นสารที่มีอยู่ในผักและผลไม้ที่เรากินในชีวิตประจำวัน ที่สำคัญการรับประทานผักผลไม้ยังให้แร่ธาตุ สารต้านอนุมูลอิสระมากมาย ซึ่งได้ประโยชน์กว่าการรับประทารสารสกัดจากคลอโรฟิลล์ ผลิตภัณฑ์ที่มาจากสารสังเคราะห์ ไม่ให้ประโยชน์กับร่างกายมนุษย์เท่าที่ควร บางโครงสร้างอาจจะไม่เหมาะกับร่างกายมนุษย์ ถือว่าเกินความจำเป็น แต่หากต้องการซื้อมารับประทาน ต้องตรวจดูว่ามีเครื่องหมาย อย.หรือไม่ เป็นน้ำคลอโรฟิลล์จริงหรือไม่

Half inchในเด็กแรกเกิดถึง 1 ปี ไม่ควรกินอย่างยิ่ง ในวัยแรกเกิดถึง 6 เดือนควรให้ทานแต่น้ำนมแม่ , วัย 6 เดือนถึง 1 ขวบให้ทานนมแม่ควบคู่กับอาหารเสริมตามวัย และหลัง 1 ขวบให้ทานอาหารตามวัยให้ครบทั้ง 5 หมู่ แค่นี้ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว ทั้งนี้ร่างกายเด็กแรกเกิดจนถึง 4 ขวบ อวัยวะภายในยังทำงานไม่เต็มที่ โดยเฉพาะไตยังขับของเสียได้ไม่เต็มที่ หากให้รับประทานสารสกัดจากคลอโรฟิลล์ อาจส่งผลให้ไตของเด็กทำงานหนักเกินHalf inch นางสุจิตต์ กล่าว

ที่ผ่านมายังไม่มีผลการวิจัยรับรองการทำงานของคลอโรฟิลล์ในร่างกายมนุษย์ อย. อนุญาตในแง่ความปลอดภัย การกล่าวอ้างโอ้อวดถือว่าเป็นเท็จทั้งสิ้น เพราะไม่มีผลทางด้านการรักษา บำบัด โรค เด็กและสตรีมีครรภ์ จึงห้ามรับประทาน ส่วนใหญ่ที่ อย. จับบ่อย ๆ คือโฆษณาโอ้อวดเป็นเท็จ บางรายบอกว่าทานแล้วลดความอ้วน แสดงว่าผสมยาลดความอ้วน ซึ่งก็ถือว่าผิดกฎหมายเช่นกัน Half inchน.ส.ทิพย์วรรณ กล่าวและว่า สารสกัดจากคลอโรฟิลล์ ไม่ใช่สารธรรมชาติ แต่เป็นสารสกัด ฉะนั้นทานเกิน เข้มข้นเกินไป จะสงผลเสียต่อร่างกายมากกว่าผลดี

ผอ.สำนักอาหาร อย. กล่าวต่อว่า การบริโภคคลอโรฟิลล์จากสารสกัดมากเกินไป อาจเกิดอาการผด ผื่นคัน อุจจาระร่วง ลิ้นเป็นสีเหลือง ทั้งยังทำให้ไตทำงานหนัก จนเป็นสาเหตุให้ไตไม่แข็งแรง เนื่องจากสารคลอโรฟิลล์ที่อยู่ในพืช เป็นสารที่ไม่ละลายในน้ำ ฉะนั้นในขั้นตอนการสกัดจะต้องใช้สารอะซีโตนและแอลกอฮอล์เป็นสารทำละลายถ้าจะ ทำมาขาย ต้องแยกด้วยด่างและเติมทองแดงสลับแมกนี่เซียม

กรณีที่มีการโต้เถียงเกี่ยวกับการบริโภคผลิตภัณฑ์สารสกัดจากคลอโรฟิลล์ ที่มีผู้ผลิตและผู้จำหน่ายหลายราย กล่าวอ้างว่า สารสกัดจากคลอโรฟิลล์ สามารถช่วยล้างสารพิษในเลือด ป้องกันโรคมะเร็ง สดชื่น ผิวพรรณผ่องใส สมานแผลโรคกระเพาะและลำไส้ เพราะมีสารต้านอนุมูลอิสระ ปรับความเป็นกรดเป็นด่างในร่างกายมนุษย์ และควรบริโภคให้มาก เพื่อมาเสริม Half inchฮีโมโกลบิลHalf inch ในเม็ดเลือด ฯลฯ จนกระทั่งมีคุณแม่รายหนึ่ง นำน้ำผสมสารสกัดจากคลอโรฟิลล์ให้หนูน้อยวัย 3 เดือนดื่ม จนหลายฝ่ายต่างวิตกกังวลนั้น

เมื่อวันที่ 28 พ.ย. น.ส.ทิพย์วรรณ ปริญญาศิริ ผอ.สำนักอาหาร สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ทีมข่าว “เดลินิวส์ออนไลน์ว่า” ว่า Half inchคลอโรฟิลล์Half inch เป็นสารประกอบที่พบได้ในส่วนที่มีสีเขียวของพืช พบมากที่ใบ รองลงมาคือ ลำต้น ดอก ผล และรากที่มีสีเขียว และพบได้ในสาหร่ายทุกชนิด ที่ผ่านมา อย.ของอเมริกา อนุญาตให้จำหน่ายคลอโรฟิลล์ โดยกำหนดคุณสมบัติไว้เป็นยาระงับกลิ่นปาก ลดกลิ่นปัสสาวะ ส่วน อย.ในประเทศไทย อนุญาตให้จำหน่ายสารสกัดจากคลอโรฟิลล์เพื่อใช้เป็น 1.ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร 2.วัตถุเจืออาหาร หรือสีผสมอาหาร สำหรับใส่ในขนม และ 3.เครื่องดื่ม โดยทาง อย.กำหนดว่า ผู้จำหน่ายต้องให้ข้อมูลกับผู้บริโภคที่ฉลากว่า “ห้ามบริโภคเกินวันละ 450 มิลลิลิตร” อีกทั้งไม่อนุญาตให้โฆษณาโอ้อวดเกินจริง หรือแอบอ้าง เช่น ขับสารพิษ ขับสารตกค้าง ช่วยให้ผิวพรรณผ่องใส บรรเทาอาการโรค ซึ่งหากตรวจพบ จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 30,000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

แหล่งที่มา  :  เดลินิวส์

Supply: สธ.เตือนอย่าให้เด็กกินคลอโรฟิลล์

ร้านเสื้อในปักกิ่งห้ามลูกค้าจีนเข้า

faabj786aejd5jfk5b6ai แต่การติดป้ายของร้าน ได้สร้างความไม่พอใจ และเกิดกระแสต่อต้านขึ้นในโซเชียล มีเดีย โดยหนึ่งในผู้ใช้เว็บไซต์ ซีน่า เหว่ยโป๋ว ได้ตั้งคำถามว่า Half inchนี่เป็นประเทศจีนใช่หรือไม่Half inch และปรากฏว่า มีการแชร์กันต่อๆ ไปตามเว็บไซต์อื่น ส่วนอีกคนหนึ่งบอกว่า Half inchนี่เป็นการข่มเหงกันถึงหน้าบ้านHalf inch และอีกคนหนึ่งได้ตั้งคำถามว่า เจ้าของร้านจะเปิดร้านในจีนได้อย่างไร ในเมื่อไม่ต้องการลูกค้าชาวจีน ร้านค้าแบบนี้ควรจะปิดร้านไปซะ




                                 ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายคนหนึ่ง ให้ความเห็นว่า แม้ว่าป้ายจะแสดงถึงการเลือกปฏิบัติ แต่เจ้าของร้านก็ไม่ได้ทำผิดกฎหมาย เนื่องจากจีนไม่มีกฎหมายที่ห้ามการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติ ร้านจำหน่ายเสื้อผ้าแห่งนี้ จุดกระแสความขัดแย้งเรื่องการเหยียดเชื้อชาติ หลังจากติดป้ายมีข้อความว่า Half inchคนจีนห้ามเข้า ยกเว้นพนักงานHalf inch ขณะที่พนักงานคนหนึ่งของร้าน ได้ชี้แจงเหตุผลที่ต้องมีการติดป้าย ว่า ลูกค้าชาวจีนบางคน ทำตัวน่ารำคาญเกินไป เช่น ลูกค้าผู้หญิงชอบเข้าไปลองชุดโน้นชุดนี้ แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้ซื้ออะไรเลย นอกจากนี้ ทางร้านยังเคยต้องชดใช้เงินให้ลูกค้าชาวต่างชาติ จำนวน 5,000 ดอลลาร์ หรือกว่า 160,000 บาท หลังจากกระเป๋าเงินของเขาถูกขโมยไป เมื่อตรวจดูภาพจากกล้องวงจรปิด จึงพบว่า เป็นฝีมือของลูกค้าชาวจีนคนหนึ่ง ส่วนพนักงานอีกคนหนึ่ง บอกว่า บางทีการห้ามลูกค้าชาวจีนเข้า อาจเป็นการป้องกันไม่ให้คู่แข่งเข้าไปก็อปปี้แบบของสินค้าที่จำหน่ายอยู่ใน ร้านด้วย  27 พ.ย. 57  หนังสือพิมพ์ปักกิ่ง ยู้ธ เดลี่ ของทางการจีน รายงานว่า ร้านจำหน่ายเสื้อผ้าแห่งหนึ่งในกรุงปักกิ่งของจีน สร้างความไม่พอใจไปทั่วประเทศ หลังจากติดป้ายห้ามไม่ให้ลูกค้าชาวจีนเข้าร้าน


แหล่งที่มา  :  คมชัดลึก

Supply: ร้านเสื้อในปักกิ่งห้ามลูกค้าจีนเข้า

ยานอวกาศรัสเซียนำ3นักบินไป'ISS'

  dg789baa7ffjfaicdki85คริสโตโฟเร็ตติ วัย 37 ปี ยังเป็นร้อยเอกแห่งกองทัพอากาศอิตาลีอีกด้วย ซึ่งเธอไม่เพียงแต่เป็นนักบินอวกาศหญิงคนแรกจากอิตาลีที่ได้เดินทางไปอวกาศ เท่านั้น แต่ยังนักบินอวกาศคนแรกในประวัติศาสตร์ ที่นำเอาเอสเปรสโซแท้ๆ ของอิตาลี ให้ขึ้นไปลิ้มรสกันในวงโคจรอวกาศ มีสมาชิก 16 ประเทศ ที่ปฏิบัติภารกิจบน ISS ร่วมกัน รวมทั้งรัสเซียและสหรัฐ ที่ให้การสนับสนุนการเงินส่วนใหญ่ ส่วนนักบินอวกาศจะสับเปลี่ยนกันขึ้นไปประจำอยู่บน ISS เป็นเวลา 6 เดือน ซึ่ง ISS ถูกส่งขึ้นไปบนอวกาศ เมื่อปี 2541 ทำหน้าที่ด่านหน้าและห้องปฏิบัติการทดลองในอวกาศ มีมูลค่าในการก่อสร้าง 500,000 ล้านดอลลาร์ และนาซาได้ยืดอายุการใช้งานออกไปอีก 4 ปี โดยคาดว่าจะต้องทำหน้าที่ต่อไปจนถึงปี 2567 นาซาต้องพึ่งพารัสเซีย ในการส่งนักบินอวกาศไปยัง ISS ที่มีค่าใช้จ่ายแต่ละครั้ง 70 ล้านดอลลาร์ ต่อนักบินอวกาศ 1 คน สำหรับการเดินทางโดยยานอวกาศโซยุซ ภารกิจการเดินทางของนักบินอวกาศทั้ง 3 คน คือการนำเสบียบหนักครึ่งกิโลกรัม ที่ประกอบด้วย คาเวียร์และเครื่องชงกาแฟไปที่ ISS โดยคาเวียร์ ถูกบรรจุในกล่อง 15 กล่อง กล่องละ 30 กรัม นอกจากนี้ ยังมีแอปเปิล , ส้ม , มะเขือเทศ , นมแห้งแช่แข็ง และกาแฟดำไม่ใส่น้ำตาล รวม 140 หลอด บรรดานักบินอวกาศบน ISS ยังจะสามารถชงกาแฟกินได้โดยเครื่องชงกาแฟ น้ำหนัก 20 กิโลกรัม ออกแบบโดยผู้ผลิตกาแฟชื่อดังของอิตาลี ลาวาซซ่า และบริษัทวิศวกรรมอาร์โกเท็ค ที่มีความเชี่ยวชาญในการผลิตอาหารในอวกาศ  ด้านนาซา ได้ทวีตข้อความว่า ยานโซยุซเข้าสู่วงโคจรโดยปลอดภัยและเตรียมจะเข้าเชื่อมต่อกับ ISS ขณะที่ภาพการถ่ายทอดสดแสดงให้เห็น เวิร์ทส์ ชูนิ้วหัวแม่มือทั้งสองข้างพร้อมกับยิ้มให้กล้อง โดยยานอวกาศโซยุซมีกำหนดจะเชื่อมต่อกับ ISS หลังถูกส่งขึ้นจากฐานยิงจรวดภายในเวลา 6 ชั่วโมง และคริสโตโฟเร็ตติ , เวิร์ทส์ และชคับเลรอฟ มีกำหนดจะต้องอยู่บน ISS ไปจนถึงเดือนพฤษภาคม ปี 2558 24 พ.ย. 57  สำนักข่าวรอสคอสมอส ของรัสเซีย รายงานว่า ยานอวกาศโซยุซ TMA-15M ของรัสเซีย ถูกปล่อยขึ้นจากฐานยิงจรวดไบโคนูร์ คอสโมโดรม ของรัสเซีย ในคาซัคสถานแล้ว เมื่อเวลา 21.01 น. ตามเวลามาตรฐาน หรือราว 04.01 น. ตามเวลาในไทย ของเช้ามืดวันนี้ เพื่อนำนักบินอวกาศ 3 คน ไปส่งที่สถานีอวกาศนานาชาติ หรือ ISS และในภารกิจนี้ มีซาแมนธ่า คริสโตโฟเร็ตติ นักบินอวกาศหญิงคนแรกของอิตาลี จากสำนักงานบริหารอวกาศของยุโรป เดินทางร่วมไปกับนักบินอวกาศรัสเซีย อันทอน ชคัปเลรอฟ และเทอร์รี่ เวิร์ทส์ นักบินอวกาศอเมริกัน จากสำนักงานบริหารอวกาศ และการบินแห่งชาติของสหรัฐ หรือ นาซา


แหล่งที่มา  :  คม ชัด ลึก

Resource: ยานอวกาศรัสเซียนำ3นักบินไป'ISS'

วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

อุปทานน้ำมันโลกกำลังล้นตลาด

893749ทั้งนี้ ซากาเนห์เชื่อว่าการแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้นต้องอาศัยความร่วมมือจาก ประเทศอื่นด้วย นอกเหนือจากบรรดากลุ่มประเทศสมาชิกองค์การประเทศผู้ส่งน้ำมันเป็นสินค้าออก ( โอเปก ) ทั้ง 12 ประเทศ ได้แก่ แอลจีเรีย แองโกลา เอกวาดอร์ อิหร่าน อิรัก คูเวต ลิเบีย ไนจีเรีย กาตาร์ ซาอุดิอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ( ยูเออี ) และเวเนซุเอลา ซึ่งมีกำหนดประชุมใหญ่ครั้งสำคัญในวันพฤหัสบดีที่ 27 พ.ย. นี้ ณ กรุงเวียนนา สถานที่ตั้งของสำนักงานใหญ่โอเปก

การ ประชุมใหญ่ของโอเปกในครั้งนี้ถือว่ามีความสำคัญกว่าหลายครั้งที่ผ่านมา เนื่องจากเกิดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ลดลงกว่าร้อย ละ 30 ตั้งแต่เดือนมิ.ย. สืบเนื่องจากปริมาณน้ำมันดิบที่มากเกินความต้องการ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งตัว และความหวั่นวิตกเรื่องอุปสงค์เชื้อเพลิงที่อ่อนแอท่ามกลางเศรษฐกิจโลกใน ภาพรวมที่ยังคงซบเซา ซึ่งเวเนซุเอลาและเอกวาดอร์เรียกร้องให้โอเปกปรับลดอัตราการผลิต เนื่องจากราคาน้ำมันดิบที่ลดต่ำลงอย่างต่อเนื่องส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของ ประเทศสำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เมื่อวันที่ 27 พ.ย. ว่านายบิจาน นัมดาร์ ซากาเนห์ รมว.กระทรวงน้ำมันของอิหร่าน แถลงเมื่อวันพุธ เตือนว่าอุปทานน้ำมันดิบหรือปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในโลกอยู่ในระดับที่มาก เกินความต้องการของผู้บริโภคแล้ว และจะเพิ่มสูงมากขึ้นกว่านี้อีกในปีหน้าหากไม่มีการปรับลดกำลังการผลิตเพื่อ กระตุ้นราคา ซึ่งปรากฏการณ์ดังกล่าวฉุดรั้งให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกลดลงแตะระดับต่ำที่ สุดในรอบ 4 ปี

แหล่งที่มา  :  เดลินิวส์

Origin: อุปทานน้ำมันโลกกำลังล้นตลาด

รัฐมิสซูรีเพิ่มกำลังทหารคุมเหตุจลาจลสีผิว

893740นอกจากนี้ สถานการณ์ชุมนุมบานปลายออกไปยังเมืองสำคัญในหลายรัฐของสหรัฐ นักเรียนมัธยมในโรงเรียนหลายแห่งของนครนิวยอร์กและเมืองซีแอตเทิลแสดงอารยะ ขัดขืนด้วยการไม่เข้าเรียน ขณะที่ชาวเมืองพอร์ตแลนด์ ในรัฐออริกอน ราว 300 คนออกมาชุมนุมประท้วงและเกิดการปะทะกับเจ้าหน้าที่

ในส่วนความเคลื่อนไหวล่าสุดของคู่กรณีทั้งสองฝ่ายนั้น ครอบครัวของบราวน์ออกมาเรียกร้องให้การชุมนุมดำเนินไปอย่างสันติ และทุกฝ่ายหลีกเลี่ยงใช้ความรุนแรงต่อกัน พร้อมทั้งแสดงความผิดหวังอย่างรุนแรงในคำตัดสินของคณะลูกขุนใหญ่ และตำหนิวิลสันว่าเป็นเจ้าหน้าที่ซึ่งไม่น่าเคารพอีกต่อไปในสายตาของประชาชน อย่างไรก็ตาม วิลสันให้สัมภาษณ์พิเศษกับสถานีโทรทัศน์เอบีซี ปกป้องการกระทำของตัวเองว่า "เหมาะสมแล้ว"

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองเฟอร์กูสัน รัฐมิสซูรี ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 26 พ.ย. ว่านายเจย์ นิกสัน ผู้ว่าการรัฐมิสซูรี ออกคำสั่งเพิ่มจำนวนกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิลงพื้นที่รักษาความสงบในเมือง เฟอร์กูสันเพิ่มจาก 700 นาย เป็น 2,200 นาย สืบเนื่องจากสถานการณ์ประท้วงและจลาจลที่ยังคงรุนแรง หลังคณะลูกขุนใหญ่มีมติเมื่อวันจันทร์ ให้ตำรวจหนุ่มซึ่งมีการเผยเพียงชื่อ-สกุลว่า ดาร์เรน วิลสัน ไม่มีความผิดในคดียิงสังหารนายไมเคิล บราวน์ เด็กหนุ่มผิวสี วัย 18 ปี เมื่อเดือนส.ค.

ทั้งนี้ มีรายงานกลุ่มผู้ประท้วงจำนวนหนึ่งพยายามบุกเข้าไปภายในศาลาว่าการเมือง เซนต์หลุยส์ ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับเมืองเฟอร์กูสันด้วย และเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้บุกรุกได้อย่างน้อย 2 คน แม้เจ้าหน้าที่ยืนยันสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ดีขึ้นกว่าวันที่ผ่านมา โดยสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุรุนแรงทั้งในเมืองเฟอร์กูสันและเซนต์หลุยส์รวมกัน ได้อย่างน้อย 58 คน แต่ยังคงมีการเผาทำลายรถยนต์ตำรวจและปล้นสะดมร้านค้าหลายแห่งอย่างต่อเนื่อง

แหล่งที่มา  :  เดลินิวส์

Resource: รัฐมิสซูรีเพิ่มกำลังทหารคุมเหตุจลาจลสีผิว

อียูทุ่มกว่า3แสนล้านยูโรกระตุ้นเศรษฐกิจยุโรป

893727นอกจากนี้ ยุงเกอร์ยังเผยด้วยว่า หน่วยงานทางเศรษฐกิจของอียูอยู่ระหว่างเร่งร่างโครงการกระตุ้นการลงทุนให้ กับประเทศที่กำลังประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ และแผนยุทธศาสตร์เรียกความเชื่อมั่นให้นักลงทุนจากทั่วโลกกลับมาแสวงหาลู่ ทางในยุโรป ในฐานะหนึ่งในภูมิภาคน่าลงทุนมากที่สุดอีกครั้ง

หากแผนการ ดังกล่าวประสบความสำเร็จจะสามารถเพิ่มปริมาณผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ( จีดีพี ) ของอียูเพิ่มจากปัจจุบัน 330,000 ล้านยูโร ( ราว 13.5 ล้านล้านบาท ) เป็น 410,000 ล้านยูโร ( ราว 16.8 ล้านล้านบาท ) ภายในอีก 3 ปีข้างหน้า และสร้างตำแหน่งงานใหม่ได้มากถึง 1.3 ล้านตำแหน่ง

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เมื่อวันที่ 27 พ.ย. ว่านายฌอง-โคลด ยุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ( อีซี ) แลงต่อที่ประชุมสภายุโรป ( อีพี ) ที่เมืองสตราสบูร์ก ในฝรั่งเศส เมื่อวันพุธ เกี่ยวกับร่างแผนยุทธศาสตร์กระตุ้นเศรษฐกิจให้กับทั้ง 28 ประเทศสมาชิกภายใต้วงเงิน 315,000 ล้านยูโร ( ราว 12.9 ล้านล้านบาท ) ระหว่างปี 2558-256 โดยที่น่าสนใจคือ 21,000 ล้านยูโร  จะเป็นเงินกู้ยืมสำหรับโครงการก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน

อย่าง ไรก็ตาม การที่จำนวนเงินในร่างแผนการเพียง 16,000 ล้านยูโรเท่านั้น ( ราว 657,600 ล้านบาท ) ที่จะมาจากกองทุนส่วนกลางของสหภาพยุโรป ( อียู ) ส่วนที่เหลือยุงเกอร์ ตั้งเป้าให้เป็นเงินบริจาคจากสถาบันการเงินของเอกชน เรียกเสียงวิจารณ์จากหลายฝ่ายว่าเป็นไปได้ยากที่จะระดมทุนได้มากถึงเพียง นั้น

แหล่งที่มา  :  เดลินิวส์

Source: อียูทุ่มกว่า3แสนล้านยูโรกระตุ้นเศรษฐกิจยุโรป

วันอังคารที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

โปลิศทุ่งใหญ่จับกัญชาผงะเจอระเบิด

892879โดยที่เกิดเหตุ อยู่ในขนำกลางสวนยาง ไม่มีเลขที่ หมู่ 6 ต.ท่ายาง ตรงกันข้ามโรงเรียนทุ่งใหญ่วิทยาคม พบนายธีระพล รัตนยุทธ อายุ 20 ปี บ้านเลขที่ 28For each1 หมู่ที่ 2 ต.ท่ายาง อ.ทุ่งใหญ่ อาชีพรับจ้างกรีดยาง กำลังนั่งสูบกัญชาอยู่ในขนำ จึงเข้าจับกุมได้พร้อมของกลางกัญชาผง จำนวนหนึ่ง และอุปกรณ์การเสพ

จากตรวจสอบรอบ ๆ ที่พัก เจ้าหน้าที่พบระเบิดชนิดลูกเกลี้ยง พร้อมใช้งาน วางอยู่ที่โคนต้นยาง 1 ลูก โดยผู้ต้องหารับสารภาพว่าเสพกัญชาจริง แต่ระเบิดลูกดังกล่าว ไม่ทราบว่าเป็นของใคร นำมาวางทิ้งไว้ตั้งแต่เมื่อไร อย่างไรก็ตามในพื้นที่ดังกล่าว เจ้าหน้าที่พบว่า มีวัยรุ่นมั่วสุมเสพกัญชากันอยู่เป็นประจำ จึงคาดว่า กลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวอาจจะพกพาระเบิดมาด้วย แต่พอเสพกัญชาแล้วก็ลืมทิ้งเอาไว้ ซึ่งจะได้เรียกตัวมาสอบสวน เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไปเมื่อวันที่ 26 พ.ย. ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก พ.ต.ท.ไพโรจน์ เมืองสุวรรณ สวป.สภ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ว่าเมื่อช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา ตนเองพร้อมกับ ร.ต.ท.โสฬส มุสิกนิลพันธ์ รอง สวป.สภ.ทุ่งใหญ่ นายอุดม ช่วยประคอง ประธาน อส.ตร. และกำลังชรบ. เข้าทำการจับกุมผู้เสพกัญชา ได้ 1 ราย พร้อมระเบิด ชนิดลูกเกลี้ยงอีก 1 ลูก

แหล่งที่มา  :  เดลินิวส์

Supplier: โปลิศทุ่งใหญ่จับกัญชาผงะเจอระเบิด

สลดนักศึกษาปี4มหาวิทยาลัยดังผูกคอตาย

892773พระอธิการมงกุฏ สันตจิตโตเจ้าอาวาสวัดเหนือแวงน่าง เปิดเผยว่า ไม่มีผู้ใดพบเห็นว่าผู้ตายเป็นใคร มาจากไหน เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะวันนี้พระที่วัดส่วนใหญ่ได้รับกิจนิมนต์ไปฉันเพลนอกวัด และประกอบพิธีสงฆ์ให้แก่ญาติโยมในหมู่บ้าน มีเพียงพระลูกวัดที่อายุค่อนข้างมากอยู่เฝ้าภายในวัดเพียง 2 รูป และอยู่ในกุฏิห่างจากกุฎิพระธีระพล ซึ่งเป็นที่เกิดเหตุประมาณ 30 - 40 เมตร กระทั่งบ่ายมีชาวบ้านผ่านมาพบเห็นเข้า จึงรีบโทรแจ้งอาตมาให้ทราบ จึงพากันเดินทางกลับวัดทันที และได้รับทราบจากญาติโยมที่บอกว่าเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง เบื้องต้นจากการตรวจสอบที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ไม่พบร่องรอยต้องสงสัย คาดว่าผู้ตายคงมานั่งภายในวัดแล้วเกิดความเครียดก่อนจะใช้ลวดที่วางทิ้งไว้ อยู่ใต้กุฎิแขวนคอต

เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 25 พ.ย. ร.ต.อ.สมภพ พลวิเศษ ร้อยเวร สภ.เมืองมหาสารคาม ได้รับแจ้งมีผู้ผูกคอตาย ภายในวัดเหนือแวงน่าง ต.แวงน่าง อ.เมือง จ.มหาสารคาม ไปตรวจสอบพร้อม แพทย์รพ.มหาสารคาม และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย ที่เกิดเหตุบริเวณใต้ถุนกุฏิวัดเหนือแวงน่าง ซึ่งเป็นกุฏิไม้ 2 ชั้น พบศพนายมานพ ปาละโค อายุ 22 ปี นักศึกษาชั้นปี 4 มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ใช้ลวดพันคอแขวนกับคานไม้ใต้ถุนกุฏิ ใกล้กันพบเก้าอี้พลาสติกสีฟ้า คาดว่าผู้ตายใช้ปีนขึ้นไปผูกคอตาย และไม่ไกลจากกุฏิพบรถจยย. ทะเบียน1 กฆ มหาสารคาม 6019 จอดอยู่

สอบ สวนนายคูณ ปาละโค อายุ 57 ปี พ่อผู้ตายให้การว่า นายมานพเป็นลูกชายคนสุดท้องใกล้จบการศึกษาระดับปริญญาตรี ปกติจะอยู่หอพักใกล้มหาวิทยาลัย ปกติ 2 สัปดาห์จะเดินทางกลับบ้านที ล่าสุดลูกชายเพิ่งเดินทางออกจากบ้านเมื่อช่วงสายวันที่ 24 พ.ย. ที่ผ่านมา บอกว่านัดจะไปทำงานกลุ่มกับเพื่อนเพื่อเตรียมพรีเซนต์อาจารย์ก่อนจบ ตนรู้สึกเป็นห่วง เพราะทราบว่าลูกป่วยเป็นโรคซึมเศร้าชอบเก็บตัว ไม่ค่อยพูด และเป็นคนที่จริงจังกับชีวิตมาก ช่วงกลางวันยังโทรฯมาหาลูกอีก จนลูกบอกไม่อยากให้โทรฯมาบ่อยเกินไปเพราะมีงานยุ่งมาก ไม่คิดว่าลูกจะมาก่อเหตุดังกล่าวขึ้น

แหล่งที่มา :  เดลินิวส์

Source: สลดนักศึกษาปี4มหาวิทยาลัยดังผูกคอตาย

วันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

อันตราย โจรกินีปล้นกล่องบรรจุตัวอย่างเลือดผู้ป่วยอีโบลา

EyWwB5WU57MYnKOuFIvEEH3Hm8g4hHgSmRaVEy4Jxpbs4nKSuAB2ijขณะที่นาย ฟายา เอเตียง โตลโน โฆษกของสภากาชาดกินีกล่าวว่า พวกเขากำลังประสบปัญหาขาดแคลนยานพาหนะเพื่อขนส่งสิ่งของต่างๆ ทำให้ต้องใช้รถแท็กซี่ในการขนส่งตัวอย่างเลือด โดยนายโตลโนเชื่อว่า หัวขโมยไม่รู้ว่าภายในกล่องเก็บความเย็นบรรจุตัวอย่างเลือดผู้ป่วยอีโบลา

ด้านดร. แบร์รี มูเม หัวหน้าแผนกดูแลผู้ป่วยของคณะกรรมการความร่วมมือตอบสนองเชื้ออีโบลาแห่งชาติ บอกต่อสำนักข่าวเอพีว่า หากขโมยกลุ่มนี้ได้ตัวอย่างเลือดไปจริง จะเป็นเรื่องที่อันตรายมาก โดยเจ้าหน้าที่ได้เรียกร้องถึงขโมยไม่ทราบชื่อกลุ่มผ่านสถานีวิทยุแห่งชาติ นี้แล้วเมื่อวันศุกร์ ว่า ให้นำตัวอย่างเลือดมาคืน

ทั้งนี้ ไวรัสอีโบลาทำให้มีผู้เสียชีวิตในประเทศไลบีเรีย, เซียร์ราลีโอนและกินีแล้วมากกว่า 5,400 คน จากจำนวนผู้ป่วยที่พบประมาณ 15,000 ราย โดยเชื้ออีโบลาสามารถติดต่อกันได้จากการสัมผัสสารคัดหลั่งของผุ้ป่วยเช่น เหงื่อ, เลือด, อุจจาระ หรือน้ำอสุจิ

ซา มามาดี เลโน เจ้าหน้าที่หน่วยงานกาชาดในเมือง เกคเคดู ทางใต้ของประเทศกินี เปิดเผยว่า ตัวอย่างดังกล่าวถูกบรรจุอย่างแน่นหนาในหลอดทดลองในกล่องเก็บความเย็น โดยเจ้าหน้าที่กาชาดโดยสารรถแท็กซี่ร่วมกับผู้โดยสารคนอื่นๆอีก 8 คน เดินทางจากจังหวัดคันกันในภาคกลางของประเทศ ไปยังศูนย์ทดลองในเมือง เกคเคดู ซึ่งอยู่ห่างออกไปราว 265 กิโลเมตร

อย่างไรก็ตามระหว่างทาง โจรกลุ่มหนึ่งโผล่มาบังคับให้แท็กซี่หยุดรถ และบังคับผู้โดยสารลงจากรถ ก่อนจะปล้นเอาโทรศัพท์มือถือหลายเครื่อง, เงินสดและอัญมณีหลายชิ้น จากนั้นยิงปืนขึ้นฟ้าเพื่อขู่ให้เจ้าหน้าที่กาชาดส่งกล่องเก็บความเย็นบรรจุ ตัวอย่างเลือดให้พวกเขาด้วย อนึ่งไม่มีใครได้รับบาดเจ็บในเหตุการณ์ปล้นครั้งนี้

โจรกลุ่มหนึ่งในประเทศกินีก่อเหตุปล้นทรัพย์สินของเจ้าหน้าที่กาชารวมถึง กล่องบรรจุตัวอย่างเลือดของผู้ติดเชื้ออีโบลา ซึ่งมีความเสี่ยงว่าโจรกลุ่มนี้อาจทำให้เชื้อโรคแพร่กระจายโดยรู้เท่าไม่ถึง การณ์

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อวันศุกร์ (21 พ.ย.) โจรกลุ่มหนึ่งในประเทศกินี ก่อเหตุปล้นกล่องบรรจุตัวอย่างเลือดซึ่งเชื่อว่าเป็นของผู้ป่วยติดเชื้อ ไวรัส 'อีโบลา' ไปจากเจ้าหน้าที่กาชาดในประเทศกินี ซึ่งเป็นหนึ่งใน 3 ประเทศในภูมิภาคแอฟริกาตะวันตก ที่กำลังเกิดการระบาดอย่างหนักของเชื้อไวรัสมรณะชนิดนี้

แหล่งที่มา  :  ไทยรัฐ

Source: อันตราย โจรกินีปล้นกล่องบรรจุตัวอย่างเลือดผู้ป่วยอีโบลา

กาฬโรคระบาดในมาดากัสการ์! ตายแล้ว 40 ศพ

EyWwB5WU57MYnKOuFIwA0ofdQjbciQQDSRvVXyzI4wk2KZeuIy9jIWทั้งนี้ ผู้ติดเชื้อรายแรกในการแพร่ระบาดของกาฬโรคในมาดากัสการ์ครั้งนี้ พบเมื่อช่วงปลายเดือนสิงหาคม เป็นชายที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้าน โซอามาฮาตามานา ในเขต ชิรวนมันดิดี ห่างจากกรุงอันตานานาริโว ไปทางตะวันตกราว 200 กิโลเมตร นอกจากนี้ ยังมีการยืนยันจำนวนผู้ป่วยอีกสองรายในเมืองหลวง และเสียชีวิตแล้วหนึ่งคน

องค์การอนามัยโลก ระบุเพิ่มเติมว่า ตอนนี้มีความเสี่ยงที่จะเกิดการแพร่กระจายอย่างรวดเร็วของโรค เนื่องจากรุงอันตานานาริโวมีจำนวนประชากรหนาแน่น และระบบสาธารณสุขด้อยประสิทธิภาพ โดยคณะทำงานเฉพาะกิจได้ลงพื้นที่เพื่อจัดการกับการแพร่ระบาดของโรคระบาดนี้ แล้ว

เมื่อปี 2013 ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ ได้ออกมาเตือนว่า มาดากัสการ์ จะต้องเผชิญกับกาฬโรค หากมาดากัสการ์ไม่พยายามชะลอการแพร่กระจายของเชื้อโรคชนิดนี้ พวกเขากล่าวด้วยว่า นักโทษที่ถูกคุมขังในเรือนจำที่มีหนูที่ติดเชื้อกาฬโรค เป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงเป็นพิเศษ

องค์การอนามัยโลก ระบุว่า สถานการณ์การการแพร่ระบาดของกาฬโรคเลวร้ายลง เนื่องจากหมัด ซึ่งเป็นพาหนะนำโรค มีความต้านทานต่อยาฆ่าแมลงมากขึ้น ทั้งนี้ มนุษย์มักป่วยเป็นกาฬโรคชนิดที่มีอาการต่อมน้ำเหลืองบวมและอักเสบ หลังจากโดนตัวหมัดที่เป็นพาหะนำโรคซึ่งเกาะอยู่บนสัตว์ฟันแทะกัด

สำหรับกาฬโรคชนิดที่มีอาการต่อมน้ำเหลืองบวมและอักเสบ หากตรวจพบได้เร็วก็สามารถรักษาได้โดยใช้ยาปฏิชีวนะ แต่ราว 2% ของผู้ป่วยในมาดากัสการ์ จะมีอาการติดเชื้อรุนแรงที่ปอด ซึ่งรุนแรงกว่าและสามารถแพร่กระจายเชื้อจากคนสู่คนด้วยการไอจามได้ด้วย นอกเหนือจากการติดเชื้อจากสัตว์สู่คน

องค์การอนามัยโลกยืนยัน การแพร่ระบาดของเชื้อกาฬโรคในประเทศมาดากัสการ์ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 40 ศพ และมีผู้ติดเชื้ออีกเกือบ 80 คน

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ออกแถลงการณ์สถานการณ์การระบาดของเชื้อกาฬโรค ในประเทศมาดากัสการ์ โดยได้แจ้งเตือนถึงความรุนแรงและการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของโรคในเมืองหลวง กรุงอันตานานาริโว ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 40 ศพ และมีผู้ติดเชื้อกว่า 80 คน

แหล่งที่มา  :  ไทยรัฐ

Source: กาฬโรคระบาดในมาดากัสการ์! ตายแล้ว 40 ศพ

ธรณีพิโรธเขย่าเสฉวน ดับ 1 บ้านเรือนเสียหายเล็กน้อย

EyWwB5WU57MYnKOuFIwA1QVoZ8G0fpxJq7996ySujulif8DsTnbWb4ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่รัฐบาลท้องถิ่นเมืองคังติงซึ่งเปิดเผยเพียงนามสกุลว่า เซี่ย ระบุว่า แผ่นดินไหวกินเวลานานเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น และมีรายงานว่าพบรอยแตกร้าวที่อาคารหลายหลัง บางแห่งกำแพงถึงกับถล่ม ขณะที่โฆษกรัฐบาลท้องถิ่นเขตกันซี ชื่อ หวัง ตัน เผยว่า หน่วยกู้ภัยถูกส่งไปยังพื้นที่จุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวแล้ว

ทั้งนี้ แผ่นดินไหวไม่ส่งผลกระทบต่อการไฟฟ้า, การขนส่งหรือการสื่อสาร และไม่มีรายงานว่าอาคารในเมืองคังติงเกิดความเสียหายรุนแรงด้วย

สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน อ้างข้อมูลจากสำนักสำรวจธรณีวิทยาแห่งชาติของสหรัฐฯ (ยูเอสจีเอส) ว่า เมื่อเวลา 16:55น. ตามเวลาท้องถิ่น (15:55น. ตามเวลาไทย) เกิดแผ่นดินไหวความรุนแรงระดับ 5.9 แมกนิจูด จุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ที่ความลึก 14.6 กิโลเมตร อยู่ห่างจากเมืองคังติง ในมณฑลเสฉวน ไปทางตะวันตกเฉียงเหนือราว 39 กิโลเมตร

สถานีโทรทัศน์ ซีซีทีวี และสำนักข่าวซินหัวของจีน รายงานว่า แผ่นดินไหวครั้งนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นหญิงชราวัย 70 ปี จากการถูกบานกระจกตกใส่เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงในพื้นที่ภูเขาทางตะวันตกของประเทศจีนซึ่งมีประชาชน อาศัยอยู่น้อย เมื่อช่วงเย็นวันเสาร์ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และสร้างความเสียหายเล็กน้อยให้แก่อาคารบ้านเรือน

แหล่งที่มา  :  ไทยรัฐ

Source: ธรณีพิโรธเขย่าเสฉวน ดับ 1 บ้านเรือนเสียหายเล็กน้อย

วันศุกร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

เฒ่าแดนโสมตกคอนโดดับปริศนา

889199พ.ต.ต.ปรัชญา กล่าวว่า เบื้องต้นทราบว่าผู้ตายเดินทางเข้ามาอยู่ในเมืองไทยได้เกือบ 1 ปี และได้พักอาศัยอยู่ที่ห้องพักเลขที่ 3199/282 ชั้น 20 ของอาคารดังกล่าว โดยผู้ตายนั้นจะทำสัญญาเช่าไว้ 6 เดือน และมักจะมีเพื่อนชาวเกาหลีแวะเวียนมาหาอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งจากการตรวจสอบภายในห้องพักดังกล่าวพบเพียงรอยเท้าอยู่ที่คอยล์ร้อนแอร์ บริเวณระเบียงด้านหลังของห้องพักเท่านั้น อย่างไรก็ตามขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานทางเจ้าหน้าที่สถานทูตเกาหลี เพื่อร่วมสอบปากคำนาย คิม แท โฮ อายุ 48 ปี เพื่อนร่วมห้องผู้ตายที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวและพักอาศัยกับผู้ตายประมาณ 1 เดือนเศษ พร้อมทั้งรอผลการตรวจสอบจากทางเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเพื่อหาสาเหตุ ของการเสียชีวิตอย่างละเอียดต่อไปเมื่อวันที่ 21 พ.ย. ร.ต.ท.ชาญชัย โพธิ์พิมล พนักงานสอบสวน สน.บางนา รับแจ้งมีผู้เสียชีวิตจากการผลัดตกจากที่สูง บริเวณด้านหน้าอาคาร ซิตี้โฮม คอนโด แขวงและเขตบางนา กทม. จึงพร้อมพ.ต.ต.ปรัชญา บุญยืน สว.สส. เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวช รพ.จุฬาลงกรณ์ และอาสากู้ภัยมูลนิธิปอเต็กตึ๊ง รุดไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุเป็นคอนโดสูง 25 ชั้น ที่บริเวณด้านล่างหน้าของอาคารพบศพนาย คิม ชุง ออง (kimchoong eon) อายุ 70 ปี สัญชาติเกาหลี นอนคว่ำหน้าจมกองเลือด สวมเสื้อยืดคอปกแขนสั้นสีกรมท่า กางเกงขาสั้นสีดำ สภาพกระโหลกศีรษะแตกละเอียด ซี่โครงทั้ง 2 ข้าง ที่ข้อมีอทั้ง 2 ข้าง พบบาดแผลฉีกขาดกระดูกขาซ้ายหัก 2 ท่อน ใกล้กันพบรถแวนสี่ประตูยี่ห้อ เชฟไรเลต รุ่นแคปติวา สีฟ้า ทะเบียน ฎถ 1299 กทม.จอดอยู่ในสภาพฝากระโปรงหน้ารถและกระจกด้านหน้าพังยับ ห่างออกไป 2 เมตร พบรองเท้าแตะของผู้ตายตกอยู่ 1 ข้างนอกจากนี้ยังพบกระเป๋าถือสีน้ำตาลของผู้ตายตก ตรวจสอบภายในกระเป๋าพบพาสปอร์ตของผู้ตาย สมุดบัญชีเงินฝากบัตรกดเงินสด 4 ใบ

แหล่งที่มา  :  เดลินิวส์

Source: เฒ่าแดนโสมตกคอนโดดับปริศนา

อัยการเตรียมกำหนดหลักเกณฑ์โยกย้าย

888974ขณะที่แหล่งข่าวจากสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยถึงการเลือกตั้งซ่อมก.อ.ครั้งนี้ว่า พนักงานอัยการทั่วประเทศได้เทคะแนนเสียงให้นายอรรถพล เกินกว่าจำนวนกึ่งหนึ่งของผู้ที่มีสิทธิและผู้ลงคะแนน ไม่ใช่เป็นเพราะการเลือกที่ตัวบุคคลเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการแสดงพลังที่ไม่ต้องการให้ก.อ.ซึ่งเป็นองค์กรที่เป็นหลักประกัน ความอิสระของพนักงานอัยการ จะต้องไม่ถูกแทรกแซงจากผู้มีอำนาจหรือจากฝ่ายการเมืองเมื่อวันที่ 21 พ.ย.นายอรรถพล ใหญ่สว่าง อดีตอัยการสูงสุด (อสส.) ซึ่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีคำสั่งแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาอัยการสูงสุด เปิดเผย ภายหลังได้รับเลือกเป็นคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) ผู้ทรงคุณวุฒิว่า สำหรับก.อ.ซึ่งเป็นองค์กรบริหารงานบุคคลของอัยการและวาง นโยบายในภาพรวมนั้น จะมีการประชุมในวันที่ 26 พ.ย.ที่จะถึงนี้ ซึ่งตนก็จะเข้าร่วมในการประชุมด้วย ทั้งนี้ตนทราบว่าก.อ.ท่านหนึ่งได้เตรียมเสนอในที่ประชุมให้มีการตั้งคณะทำ งานอัยการขึ้นเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ การแต่งตั้งโยกย้ายอัยการเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมมากยิ่งขึ้น และเพื่อเป็นหลักประกันความเป็นอิสระของพนักงานอัยการ รวมทั้งเป็นการลบข้อครหาที่มีกระแสข่าวการแต่งตั้งอัยการสามารถวิ่งเต้นได้ โดยการแต่งตั้งโยกย้ายอัยการในแต่ละปีจะมีด้วยกัน 2 ครั้ง คือ ครั้งแรกในช่วงเดือน ต.ค.เป็นการแต่งตั้งระดับอธิบดีอัยการ รองอธิบดีอัยการฝ่าย ฯลฯ  ส่วนครั้งที่สอง คือ ในช่วงเดือน เม.ย.เป็นการแต่งตั้งระดับอัยการจังหวัด หรือ อัยการที่อยู่ในต่างจังหวัด และอัยการระดับชั้น 5 ลงมา โดยพนักงานอัยการจะต้องเป็นผู้ยื่นคำร้องและจะต้องดำเนินการให้เสร็จสิ้นภาย ในเดือน ธ.ค.นี้ เพื่อเตรียมประกาศให้พนักงานอัยการรับทราบโดยทั่วกัน

แหล่งที่มา  :  เดลินิวส์

Source: อัยการเตรียมกำหนดหลักเกณฑ์โยกย้าย

จับเวียดนามแทงเสี่ยบริษัทร่ม

889205นายกุ๋ย ให้การรับสารภาพว่า รู้จักกับผู้ตายมาประมาณ 10 ปี ตนมีอาชีพเป็นพ่อครัวร้านอาหาร ซึ่งผู้ตายจะมากินบ่อย เวลาเจอกันทุกครั้งจะถูกด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย ว่าทำอาหารไม่อร่อยก่อนหน้านี้แฟนสาวของตนเคยทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟในร้าน เดียวกันซึ่งแฟนสาวมักจะมาเล่าให้ฟังว่าถูกผู้ตายลวนลามบ่อยครั้ง แต่ปัจจุบันแฟนสาวได้ลาออกไปเป็นแม่บ้านย่านทองหล่อโดยในวันเกิดเหตุตนมี เรื่องชกต่อยกับเพื่อนชาวพม่าที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง และมีอาการมึนเมาเนื่องจากดื่มเบียร์ไป 5 ขวด โดยหลังจากชกต่อยกับเพื่อนชาวพม่า ก็ยังคงมีอารมณ์ฉุนเฉียว จึงเดินทางมาที่ร้านอาหารที่ตนทำงานอยู่เพื่อมาดักรอเฮียบุญก่อนเข้าไปถาม ว่าชอบหาเรื่องนักใช่ไหม จนเกิดการชกต่อยกัน แต่ตนสู้ไม่ได้ จึงเอามีดปลอกผลไม้ที่พกมาด้วยแทงเฮียบุญไปทั้งหมด 5 แผล แต่ไม่คิดว่าจะเสียชีวิต เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน พร้อมนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปเมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 21 พ.ย.ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.นิพนธ์ เจริญผล รอง ผบช.น. พ.ต.อ.เกียรติณรงค์ เฉลิมสุขผกก.สน.วัดพระยาไกร แถลงผลการจับกุม นายกุ๋ย เหล่ากวาง อายุ 32 ปี ชาวเวียดนามผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ จ.740/2557 พร้อมของกลางกางเกงยีนส์ 1 ตัว เสื้อโปโลสีเขียว 1 ตัว รองเท้ากีฬายี่ห้อไนกี้ 1 คู่ มีดทำครัว 1 เล่ม หลังจากเมื่อวันที่ 19 พ.ย. เวลาประมาณ 19.25 น. ใช้อาวุธมีดแทงนายประดิษฐ์ หรือเฮียบุญ โชติช่วง อายุ 54 ปี เจ้าของบริษัทไทยซิตี้ อัมเบลล่า ถึงแก่ความตายบริเวณลานจอดรถข้างร้านอาหารบีโอเคถนนเจริญราษฎร์ แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลมก่อนจะหลบหนีไป ต่อมาเจ้าหน้าที่ผ่ายสืบสวน บก.น.5 ร่วมกับ สน.วัดพระยาไกร ได้ติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้ที่บริเวณสถานีขนส่งรังสิตขณะอยู่บนรถ ปลายทาง จ.ขอนแก่น

แหล่งที่มา  :  เดลินิวส์

Source: จับเวียดนามแทงเสี่ยบริษัทร่ม

วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

'บิ๊กป๊อก' ชี้ เห็นต่างเรื่องปกติ ไม่ถือ นศ.ชู 3 นิ้ว

EyWwB5WU57MYnKOuFIwC3bO3kOCjaE0r2R20lHUIiUsbNboQUcBY5eเมื่อถามว่า คนที่เห็นต่างจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะมีการแสดงออกอย่างไรถึงจะยอมรับได้ เพราะการชู 3 นิ้วก็ยังไม่สามารถทำได้ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ไม่ได้เกี่ยวกับการชู 3 นิ้ว นักข่าวไปลงกันเอง นัยที่เกิดขึ้น คือ นายกฯ ไปพบกับประชาชน ซึ่งประชาชนก็เรียบร้อยกันหมดทุกส่วน การมีคนเข้ามา จะให้ทำอย่างไร นอกจากการเอาตัวออกไป

Inท่านต้องเข้าใจว่าเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะไปยืนจุดไหน ถ้ายอมส่วนนี้อีกสีก็จะออกมาจะทำอย่างไร ก็ต้องพยายามที่จะเข้าใจว่า ขณะนี้รัฐบาลไม่ใช่คู่ขัดแย้ง มันมีปัญหากันทั้งประเทศ อย่างที่รู้ดีอยู่ ซึ่งทำให้ประเทศชาติเดินหน้าไม่ได้ เราก็เข้ามาเพื่อหยุดปัญหาเหล่านั้น โดยใน 1 ปี รัฐบาลพยายามจะเขียนรัฐธรรมนูญให้เสร็จ และแก้ไขปัญหาที่คั่งค้างให้เรียบร้อยเท่าที่ทำได้ แล้วให้คนใหม่มาว่ากัน คนเห็นต่างก็เห็นไป เราก็พยายามอธิบายว่าเราทำอะไรได้บ้าง คงแค่เรียกมาพูดคุยIn พล.อ.อนุพงษ์ กล่าววันที่ 20 พ.ย. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึง กรณีที่มีคนเห็นต่างจะเป็นอุปสรรค หรือมีผลต่อการลงพื้นที่อื่นๆ ในครั้งต่อไปหรือไม่ ยืนยันว่าคงเป็นไม่ได้ที่จะให้ทุกคนเห็นเหมือนกันหมด เพราะฉะนั้นการเห็นต่างจึงเป็นเรื่องปกติ การแสดงออกเล็กน้อย ก็อย่าไปถือสา เราก็จะพูดให้เขาเข้าใจ เพราะเราอยู่ร่วมกัน ไม่น่าจะมีผล ไปพื้นที่ไหนก็จะมีคนเห็นต่าง พูดง่ายๆ ร้อยคนก็เห็นไม่เหมือนกันทั้งร้อยคนแต่หน้าที่เราต้องสร้างความเข้าใจว่าเรา ทำหน้าที่อะไรอยู่ เช่น ทำไปด้วยความมุ่งมั่นเพื่อจะให้ประชาชน ได้มีคุณภาพชีวิต เศรษฐกิจที่ดี โดยไม่ได้ทำด้วยอคติ ตอนนี้ประเทศชาติจะต้องเดินตามโรดแม็ปเท่านั้น การเลือกตั้งก็เกิดไม่ได้เพราะยังไม่มีกฎหมาย ต้องรอให้คณะกรรมาธิการร่างกฎหมายรัฐธรรมนูญก่อน เสร็จแล้วจึงค่อยมาทำกฎหมายลูก จึงจะสามารถจัดให้มีการเลือกตั้งได้

แหล่งที่มา  :  ไทยรัฐ

Source: 'บิ๊กป๊อก' ชี้ เห็นต่างเรื่องปกติ ไม่ถือ นศ.ชู 3 นิ้ว

คชก.ลงมติ ไม่สร้างแม่วงก์

EyWwB5WU57MYnKOuFIwDmMtSTdKYfY1JLdxdQmi3lxQ6QD7d7pCmZhส่วนกรณีที่อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช ทำหนังสือถึงสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) คัดค้านการสร้างเขื่อนแม่วงก์ โดยระบุว่าเป็นพื้นที่ป่าที่สมบูรณ์นั้น นายเลิศวิโรจน์ระบุว่า ก็เป็นความเห็นหนึ่งในการประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการผู้ชำนาญการ (คชก.) ก็ต้องมาหาข้อสรุปที่ยอมรับได้ร่วมกันต่อไป

ขณะที่นายสมเกียรติ ประจำวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารโครงการ กรมชลประทาน กล่าวว่า กรณีอธิบดีกรมอุทยานฯทำหนังสือว่าไม่ควรสร้างเขื่อนแม่วงก์ เป็นธรรมดาที่เจ้าของพื้นที่ต้องรักษาสิทธิพื้นที่ในความรับผิดชอบ อย่างไรก็ตาม กรม ชลประทานต้องนำข้อเท็จจริงมาดูว่า ประเด็นของ กรมอุทยานฯนั้นจริงหรือไม่ เพราะประเด็นที่ถกเถียงกันคือ งานวิจัยเรื่องมูลค่าไม้ในป่า ตรงนี้ที่หาข้อสรุประหว่าง 3 ฝ่าย คือ กรมชลประทาน กรมอุทยานฯ และ สผ. ไม่ได้ จะต้องหาหน่วยงานกลาง หรือผู้เป็น กลางที่มีความรู้ มาศึกษาเรื่องนี้เพิ่มเติมให้ได้ข้อสรุป ก็คงต้องบอกให้ได้ว่า ที่ว่ารายงานอีเอชไอเอ ของกรมชลประทาน ไม่สมบูรณ์นั้นเป็นอย่างไร

“ในที่ประชุม คชก. แต่ละฝ่ายก็ให้คำจำกัดความไม่เหมือนกันเรื่องพื้นที่ป่า ดังนั้น กรมชลฯจะกลับ ไปดูว่าแล้วรายงานการศึกษาฉบับอื่นๆที่เคยทำมาก่อนหน้านี้เป็นอย่างไร แต่มั่นใจว่าประเด็นทางเทคนิค ด้านปริมาณน้ำ เรายืนยัน อ่างเก็บน้ำเป็นวิธีการที่ต้องเข้าไปแก้ไขพื้นที่ 300,000 ไร่ ที่เป็นพื้นที่ที่ยังขาดน้ำไม่น้อยกว่า 150 ล้านลูกบาศก์เมตร ต้องคุยกับกรมอุทยานฯว่าประเมินมูลค่าจะเอาแค่ไหน ถ้าข้อมูลเราถูก คุ้มค่า ก็เป็นประโยชน์ของชาวบ้าน ถ้าตรงไหนไม่ถูก เช่น การประเมินมูลค่าป่า ต้องทำตรงไหน ก็ไปว่ากัน หากมีข้อขัดแย้งบ้าง ก็ยังต้องโยนเข้า คชก. อีกครั้งหนึ่ง” นายสมเกียรติกล่าว

“ไม่ใช่ว่าพอไม่มีเขื่อนแม่วงก์แล้ว ปัญหาของชาวบ้านจะหมด เพราะพื้นที่นั้นจะมีทั้งน้ำท่วมและน้ำแล้งกินพื้นที่กว้างประมาณ 1 ล้านไร่ ซึ่งผู้รับผิดชอบในเรื่องนี้มี 4 หน่วยงานหลัก คือ 1. กรมชลประทาน 2.กรมทรัพยากรน้ำ 3.กรมโยธาธิการ และ 4.ส่วนท้องถิ่น หรือองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นในเวลานี้ คือกรมชลประทาน ไม่เคยทำโครงการเล็กๆ ในพื้นที่ขนาดใหญ่เลย เพราะ ติดขัดในเรื่องกฎหมาย ส่วนกรมทรัพยากรน้ำก็ทำเฉพาะโครงการเล็กๆในพื้นที่ย่อยๆ ไม่เคยทำเรื่องใหญ่ๆเลย ขณะเดียวกัน กรมโยธาธิการก็ทำเรื่องเฉพาะจุด ดังนั้น หากรัฐบาลไม่มีนโยบายที่ชัดเจน สำหรับเข้าไปแก้ปัญหาตรงนี้ ปัญหาก็จะยังคงเกิดในพื้นที่ตลอดไป” นายศศินกล่าวและว่า จากการศึกษาของมูลนิธิสืบฯพบว่า การสร้างแหล่งน้ำขนาดเล็กผ่านเข้าไปในพื้นที่ที่มีปัญหา จะสามารถลดผลกระทบ ทั้งจากน้ำท่วมและน้ำแล้งได้ วิธีการดังกล่าวทำให้ประชาชนเข้าถึงน้ำได้มากกว่าระบบชลประทาน แต่เวลานี้ยังไม่มีระบบโครงข่ายอะไร เพื่อขยายทาง หรือแหล่งน้ำขนาดเล็ก เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ที่มีปัญหาเข้าถึงได้เลย เรื่องนี้เป็นหน้าที่ที่มูลนิธิสืบฯจะต้องผลักดันให้เกิดการแก้ปัญหาต่อไป

ด้านนายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ อธิบดีกรม ชลประทาน กล่าวถึงเรื่องเขื่อนแม่วงก์ว่า หลังจาก คชก.ตีกลับรายงานผลกระทบด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม (อีเอชไอเอ) โครงการสร้างเขื่อนแม่วงก์ ของกรมชลประทานก็พร้อมจะนำอีเอชไอเอกลับมาศึกษาเพิ่มเติม เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนให้ถูกต้อง แต่จะคงไม่หยุดดำเนินงานของโครงการกรมชลประทานคงไม่หยุดในชั้นนี้ เพราะเสียเงินเสียทองเดินหน้าศึกษาโครงการไปแล้ว แต่จะได้ก่อสร้างเขื่อนหรือไม่ ขึ้นกับนโยบายของรัฐบาล

ส่วนกรณีที่อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช ทำหนังสือถึงสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) คัดค้านการสร้างเขื่อนแม่วงก์ โดยระบุว่าเป็นพื้นที่ป่าที่สมบูรณ์นั้น นายเลิศวิโรจน์ระบุว่า ก็เป็นความเห็นหนึ่งในการประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการผู้ชำนาญการ (คชก.) ก็ต้องมาหาข้อสรุปที่ยอมรับได้ร่วมกันต่อไป

ต่อมาเมื่อวันที่ 20 พ.ย. นายเกษมสันต์ จิณณวาโส เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการผู้ชำนาญการ (คชก.) พิจารณารายงานผลกระทบด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม(อีเอชไอเอ) โครงการสร้างเขื่อนแม่วงก์ เปิดเผยว่าในการประชุมคณะกรรมการ คชก.มีมติไม่สร้างเขื่อน แม่วงก์แล้ว เนื่องจากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช โดยนายนิพนธ์ โชติบาล อธิบดีกรมอุทยานฯได้ทำหนังสือคัดค้านการสร้างเขื่อนในพื้นที่ อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ เพราะพื้นที่ดังกล่าวมีป่าที่สมบูรณ์มากกว่าที่จะปล่อยให้มีการสร้างเขื่อน รวมทั้งในอนาคตจะผนวกอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ เป็นพื้นที่มรดกโลก รวมกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งซึ่งเป็นป่าผืนเดียวกัน เมื่อเจ้าของพื้นที่มีมติ ไม่เห็นด้วยให้เข้าไปใช้พื้นที่ ก็ถือว่าได้ข้อยุติว่าไม่ควรสร้าง อย่างไรก็ตาม เพราะว่าโครงการสร้างเขื่อน แม่วงก์เป็นโครงการที่เสนอโดยรัฐบาล คือ กรมชลประทาน ในอนาคตกรมชลประทานสามารถไปทำข้อมูลมาใหม่ เพื่อให้คณะกรรมการฯพิจารณาได้อีกครั้ง แต่กรมชลประทานควรจะไปคุยในรายละเอียดของพื้นที่ป่าในอุทยานแห่งชาติให้ได้ ตัวเลข และสถานการณ์ต่างๆ ตรงกันก่อนที่จะนำเข้าสู่ที่ประชุม หากจะนำมาเสนออีกครั้ง

ส่วนนายศศิน เฉลิมลาภ เลขาธิการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร กล่าวว่า ถือเป็นเรื่องดีอย่างยิ่งที่คณะกรรมการฯได้ข้อสรุปออกมาแบบนี้ ตนมั่นใจว่าหากไม่มีการเปลี่ยนตัวเลขาธิการ สผ.หรือเปลี่ยนประธาน คชก.เป็นคนอื่น เรื่องของเขื่อนแม่วงก์คงจะยังไม่มีขั้นตอนอะไรเกิดขึ้นมาอีกแล้ว อย่างไร ก็ตาม เรื่องของการแก้ปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้านในพื้นที่ยังคงต้องมีต่อไป ซึ่งหลังจากนี้มูลนิธิสืบฯจะต้องทำต่อคือ การผลักดันให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปจัดการน้ำทางเลือก หรือการสร้างแหล่งน้ำขนาดเล็ก สำหรับพื้นที่ที่มีปัญหาทั้งน้ำท่วมและน้ำแล้งในบริเวณนั้นต่อไป

ไม่สะเด็ดน้ำ สร้าง-ไม่สร้าง “เขื่อนแม่วงก์” 2 หน่วยงานรัฐ “กรมอุทยานแห่งชาติ-กรมชลประทาน” ยังเห็นต่างเหมือนเดิม หลัง คชก.มีมติไม่สร้างเขื่อนแม่วงก์ ชี้เป็นป่าสมบูรณ์ ขณะที่กรมอุทยานแห่งชาติฯไม่ให้ใช้พื้นที่อุทยานเตรียมผนวกเป็นพื้นที่มรดก โลกกับห้วยขาแข้ง ด้าน “กรมชลประทาน” ยันไม่หยุด เตรียมนำอีเอชไอเอ เขื่อนแม่วงก์ กลับมาศึกษาต่อให้ได้ข้อสรุป อ้างเสียงบประมาณศึกษาโครงการไปแล้ว พร้อมถกกรมอุทยานฯ ประเด็นคาใจเรื่องการประเมินมูลค่าป่า ส่วนจะได้ก่อสร้างหรือไม่เป็นเรื่องของนโยบายรัฐบาล ชี้อ่างเก็บน้ำช่วยแก้ปัญหาให้ชาวบ้านในพื้นที่ 300,000 ไร่ ที่ยังขาดแคลนน้ำ

หลังจากที่นายศศิน เฉลิมลาภ เลขาธิการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ออกมาคัดค้านการก่อสร้างเขื่อนแม่วงก์ จ.นครสวรรค์ อีกครั้ง ด้วยการปักหลักนอนค้างที่หน้าสำนักงานนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อม (สผ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เมื่อวันที่ 17-19 พ.ย.ที่ผ่านมา เพื่อมาให้กำลังใจคณะกรรมการพิจารณาโครงการด้านแหล่งน้ำ ในการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (อีเอชไอเอ) โครงการสร้างเขื่อนแม่วงก์ ที่มีขึ้นในวันที่ 19 พ.ย.ซึ่งสุดท้ายที่ประชุมได้ให้สองหน่วยงานคือกรมอุทยานแห่งชาติฯ เจ้าของพื้นที่ที่ตั้งเขื่อนแม่วงก์ และกรมชลประทาน เจ้าของโครงการเขื่อนแม่วงก์ ไปพูดคุยศึกษาข้อมูลอีกครั้ง

แหล่งที่มา  :  ไทยรัฐ

Source: คชก.ลงมติ ไม่สร้างแม่วงก์

วันพุธที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

5นศ.บุกชู3นิ้วต้าน ‘บิ๊กตู่’แซว นึกว่าแสดงต้อนรับ

EyWwB5WU57MYnKOuFIwDE5TqwA3Wvg07EgvhKWyrmtt9dwPZVlEAOdเล็งเอา ก.ม.ลูกของเก่ามารีไซเคิล

นายเจษฎ์ โทณะวณิก กรรมาธิการยกร่างฯ และประธานคณะอนุกรรมาธิการจัดทำข้อเสนอแนะในการตราหรือแก้ไขกฎหมายเพื่อให้ สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า การออกกฎหมายลูกที่ใช้เป็นกติกาเลือกตั้ง ขอให้เป็นไปตามกรอบเวลา หากทำไม่เสร็จตามเวลาอาจต้องยืดเวลาออกไปอีก ซึ่งแนวทางทนายบวรศักดิ์ให้ไว้คือ ระหว่างที่มีการยกร่างรัฐธรรมนูญ คณะที่ทำงานเกี่ยวกับกฎหมายลูกต้องทำงานคู่ขนานไปด้วย ทั้งนำกฎหมายลูกฉบับเก่ามาพิจารณาปรับปรุง หรือหากจำเป็นต้องยกร่างกฎหมายขึ้นใหม่ก็ต้องเร่งทำควบคู่กันไป ส่วนตัวเห็นว่าสามารถนำฉบับเก่ามาพิจารณาปรับปรุงสาระไม่มากนัก เพราะมีบทบัญญัติที่ดีอยู่แล้ว แต่ปัญหาสำคัญคือต้องนำบทบัญญัติที่มีอยู่มาใช้ให้เกิดเป็นรูปธรรมอย่างไร
ถึงคิว ชพน.—พช.ให้ความเห็น

ต่อมาเวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ มีนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นประธานการประชุม โดยเชิญตัวแทนพรรคชาติพัฒนา ได้แก่ นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล หัวหน้าพรรค นายประเสริฐ บุญชัยสุข เลขาธิการพรรค และตัวแทนพรรคพลังชล ได้แก่ นายสันต์ศักย์ งามพิเชษฐ์ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคพลังชล นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ อดีต ส.ส.ชลบุรี ร่วมให้ความเห็น โดย นพ.วรรณรัตน์กล่าวก่อนเข้าประชุมว่า พร้อมให้ความร่วมมือกับทุกฝ่าย ส่วนการรับฟังความเห็นประชาชนที่ยังติดปัญหาเรื่องกฎอัยการศึกนั้น เห็นว่าอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อการรับฟังความคิดเห็นถ้าพิจารณาผ่อนปรนได้ ก็ควรให้ตามความเหมาะสม

ขณะที่นายสันต์ศักย์กล่าวว่า พรรคพลังชลพร้อมสนับสนุนการปฏิรูป ขอให้ผู้มีอำนาจปฏิรูปให้เกิดประโยชน์สูงสุด และเป็นกลางกับทุกฝ่าย ส่วนกฎอัยการศึกนั้น ยอมรับว่าเป็นปัญหาอยู่บ้างในการระดมความคิดเห็นเพื่อปฏิรูป เร็วๆนี้พรรคพลังชลจะทำหนังสือถึง คสช. ขออนุญาตประชุมพรรค การเมือง เพื่อระดมความเห็นเสนอแนะเรื่องการยกร่างรัฐธรรมนูญ
ชี้คำสั่งตั้ง “มีชัย” ไม่ใช่เรื่องลึกลับ

เมื่อถามว่า นายมีชัย ฤชุพันธุ์ คสช. ระบุว่า กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญไม่ต้องรีบเขียน จะเสียของ หมายความว่าอย่างไร นายวิษณุตอบว่า หมายถึงรัฐธรรมนูญ จะยกร่างเสร็จประมาณเดือน ส.ค.หรือ ก.ย.2558 และอีกประมาณ 3 เดือนถึงจะมีการเลือกตั้ง จึงต้องทำกฎหมายลูกที่สำคัญให้เสร็จก่อน ประกอบด้วย กฎหมายพรรคการเมือง กฎหมายการเลือกตั้ง กฎหมายคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ส่วนกฎหมายลูกที่เหลืออะไรสำคัญก็ทำให้เสร็จก่อนเลือกตั้ง อย่าหวังว่ารัฐบาลที่เลือกตั้งเข้ามาจะมาทำต่อ เหมือนรัฐธรรมนูญปี 50 ผ่านไป 7 ปีมีกฎหมายลูกออกมาได้แค่ 3 ฉบับ จาก 20-30 ฉบับ ส่วนการทำประชามติรัฐธรรมนูญนั้นไม่มีใครไม่เห็นด้วย หากสังคมเรียกร้องและคิดว่ามีประโยชน์ก็ทำ ส่วนการตั้งนายมีชัย ให้ช่วยติดตามการยกร่างรัฐธรรมนูญ ไม่แปลกไม่ได้ลึกลับอะไร ท่านมีสติปัญญาช่วยเราได้ มีอะไรก็แนะนำคณะที่ปรึกษา คสช. ไม่ได้ไปแนะนำคณะกรรมาธิการยกร่างฯ
เอาแน่หั่นอำนาจองค์กรอิสระ

เมื่อถามว่า องค์กรอิสระที่ทำหน้าที่ไม่เป็นกลาง หากไม่ยกเลิกจะปรับแก้ไขอำนาจหรือไม่ นายวิษณุตอบว่า กรรมาธิการยกร่างฯคงมีความคิดอยู่ เพราะรัฐธรรมนูญชั่วคราวกำหนดให้ทบทวนความจำเป็นของการมีองค์กรต่างๆ เป็นการฝากให้กรรมาธิการยกร่างฯได้คิดตรงนี้ ไม่ใช่ว่าเคยมีแล้วต้องมีต่อไป มีต่อก็ได้แต่อาจต้องเปลี่ยนองค์ประกอบ เปลี่ยนอำนาจ เปลี่ยนหน้าที่ เช่น กกต.จำเป็นต้องมี แต่องค์กรเดียวควรมีทั้ง 3 อำนาจหรือไม่ กรรมาธิการยกร่างฯต้องเอาไปคิด ไม่ใช่ว่าองค์กรอิสระจะเหลิงอำนาจกัน แต่ไปให้อำนาจเขาเอง ให้อำนาจไว้ก็ต้องใช้ ถ้าไม่ใช้จะมีคนบอกว่าเสียของอีก ดังนั้นไม่ควรให้อำนาจองค์กรอิสระตั้งแต่แรก เมื่อถามว่าในวงหารือ 5 ฝ่าย คุยเรื่องกฎอัยการศึกอย่างไรบ้าง นายวิษณุตอบว่า มีการพูดกันนิดหน่อยว่าเป็นอุปสรรคหรือไม่ ทุกฝ่ายก็เห็นว่าไม่ได้เป็นอุปสรรค ทุกอย่างยังคงดำเนินไปได้ปกติ และ คสช.รับจะนำเรื่องนี้ไปพิจารณาเอง
“บวรศักดิ์” รับลูกตามงานอนุฯ

ที่รัฐสภา นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองประธาน สปช. และประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า ยังไม่ได้กำหนดว่าจะนำความเห็นของ พล.อ.ประยุทธ์ในที่ประชุม 5 ฝ่าย หารือในกรรมาธิการยกร่างฯเพื่อกำหนดแนวทางหรือปรับแนวทางหรือไม่ ซึ่งวันที่ 1 ธ.ค. จะติดตามงานของคณะอนุกรรมาธิการพิจารณากรอบการจัดทำรัฐธรรมนูญทั้ง 10 ประเด็น
ยึด คอป.ไม่ใช้เหลี่ยมกฎหมาย

นายกฯกล่าวอีกว่า รัฐบาลไม่เข้าไปยุ่ง ไม่มีธงหรือสั่งการใดๆทั้งสิ้นกับ สนช. สปช. ตนเห็นด้วยข้อเสนอนายคณิต ณ นคร ประธานคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ที่บอกว่า การใช้กฎหมายเข้าไปแก้ปัญหาการเมืองมันอันตราย ต้องระมัดระวัง ต้องไปศึกษา ตนไปชี้นำไม่ได้ ไปดูว่าความขัดแย้งทางการเมือง ประชาชน เจ้าหน้าที่รัฐ รัฐบาลควรทำตัวอย่างไร การบังคับใช้กฎหมายบางทีมันก็เป็นปัญหา ถ้าไม่ทำเจ้าหน้าที่ก็โดนละเว้น ถ้าไม่ทำมันก็จะแรงเกินไป และถ้ามีใครไม่หวังดีทำให้ความรุนแรงเกิดขึ้น มันก็วุ่นวายกันไปหมด สิ่งเหล่านี้ต้องไม่เกิดขึ้นในอนาคต ต้องเอาผลประโยชน์ประเทศ ชาติเป็นหลัก เมื่อถามว่า จะมีการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายกฯตอบว่า ขึ้นกับสถานการณ์ ถ้าทุกคนร่วมมือก็ไม่มีปัญหา
ลั่นไม่มีวางเกมสืบทอดอำนาจ

“ให้ใช้หลักการของพระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัว มีเหตุมีผล มีสติรับรู้รับฟัง ผมจึงเตือนตนเองอยู่เสมอว่า ต้องมีสติ แม้เวลาตอบคำถามสื่อมวลชนต้องระมัดระวัง ขอความเห็นใจด้วย ให้เกียรติซึ่งกันและกันด้วยเวลาถาม เมื่อผมเข้ามาแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนมานาน รื้อออกยังไม่ทันทำอะไรก็มาว่ากันแล้ว ผมจะเอากำลังใจที่ไหนทำ มีใครกล้ารื้อสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาบ้าง ทั้งเรื่องป่าไม้ การจัดระเบียบ โครงการใหม่ๆที่ป้องกันการทุจริต เราฟังเสียงประชาชนทุกวัน ที่สำคัญไม่ได้เข้ามาเพื่อหาผลประโยชน์ ไม่ต้องการอำนาจ และไม่ต้องการสืบทอดอำนาจ อย่าไปเขียนจนมันเลอะเลือนไปหมด ทำให้เกิดความไม่ไว้วางใจกัน อย่างนี้มันไม่ได้ โอเคไหม” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
“วิษณุ” เชื่อโฉม รธน.ใหม่ไร้ปัญหา

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ผลการหารือ 5 ฝ่าย ที่นายกฯให้เร่งผลักดันการออกกฎหมาย ว่าอยู่ที่ต้นทางคือเจ้ากระทรวงต้องเร่งส่งมาให้ ครม.เห็นชอบ และต้องส่งไปที่คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจ ถ้าตรวจแล้วใช้เวลานานจน สนช.ไม่อยู่แล้ว คงมีบ้างที่ไม่ทันโทษใครไม่ได้เพราะทำช้าเอง นายกฯกำชับแล้วว่า สปช.จะปฏิรูปอะไรต้องมีกฎหมายออกมา ไม่ใช่เพ้อไปเรื่อย ถ้า สปช.ทำอะไรได้ก็ทำ ไม่ต้องมารอรัฐบาล ซึ่ง คสช.คงรับทราบความคืบหน้าจากคณะกรรมาธิการยกร่างฯทุกสัปดาห์ จะได้มาคุยกันว่าจะเสนอแนะอะไรอีกบ้างหรือไม่ ทุกคนรู้ปัญหาเก่าดีกว่าที่ผ่านมาว่ามีปัญหาอะไรบ้าง คงไม่ร่างแบบกลับไปหาปัญหาเก่าอีก
กระชับ 5 ฝ่ายเดินตามโรดแม็ป

เมื่อเวลา 08.20 น. วันที่ 19 พ.ย. ที่กรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ก่อนขึ้นเครื่องไปตรวจราชการภัยแล้งที่ จ.ขอนแก่น และกาฬสินธุ์ ถึงการประชุมร่วม 5 ฝ่าย ได้แก่ คสช. คณะรัฐมนตรี (ครม.) สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 18 พ.ย. ว่าเป็นการพูดคุยทำความเข้าใจในทางปฏิบัติ ทำอย่างไรให้การปฏิรูปประเทศเรียบร้อย เป็นไปตามโรดแม็ปที่วางไว้ ให้ 5 ส่วนทำงานร่วมกันภายใต้นโยบายเดียวกัน คือการแก้ไขปัญหาเร่งด่วน วางพื้นฐานประเทศระยะยาว ที่เกี่ยวพันในเรื่องของกฎหมาย รัฐธรรมนูญ และกฎหมายลูก ที่ต้องออกให้ทันเวลา ไม่อย่างนั้นการปฏิรูปจะไม่เป็นรูปธรรม หากมีเลือกตั้งแล้วกฎหมายที่เกี่ยวข้องไม่เรียบร้อย ปัญหาก็จะแก้ไม่ได้เหมือนเดิม “โอเคนะ เข้าใจนะ อธิบายยาวไม่เข้าใจกันอีกซิ”
ห่วง ก.ม.ภาษีมรดกกระทบคนจน

เมื่อถามว่า พอใจการทำงานแต่ละฝ่ายขนาดไหน พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า พอใจ วันนี้ต้องเห็นใจ สนช.มีกฎหมายเข้าไปกว่า 170 ฉบับ อยู่ระหว่างการพิจารณาของรัฐบาล และคณะกรรมการกฤษฎีกากว่า 20 ร่าง และอีกกว่า 100 ฉบับ กระทรวงกำลังทยอยส่งมา อย่างร่าง พ.ร.บ.ภาษีมรดกต้องใช้เวลาอีกกว่า 3 เดือน เพราะต้องมาถกกันอีกเพื่อหาข้อยุติ ว่าทำให้เกิดความเป็นธรรมได้อย่างไร มีส่วนได้ส่วนเสียตรงไหน เห็นข่าวชาวไร่ ชาวนา เกรงจะเดือดร้อน ต้องขายนามาจ่ายภาษี ต้องไปหาวิธีช่วยเหลือกันได้อย่างไร รัฐบาลคิดทุกประเด็น ไม่ใช่ว่าอยากจะออกอะไรก็ออกไป เราต้องทำให้ทุกคนพึงพอใจ ที่สำคัญเป็นกฎหมายที่ต้องออกตามยุทธศาสตร์ลดความเหลื่อมล้ำ

แหล่งที่มา  :  ไทยรัฐ

Source: 5นศ.บุกชู3นิ้วต้าน ‘บิ๊กตู่’แซว นึกว่าแสดงต้อนรับ

วันอังคารที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

บิ๊กตู่ แนะ ภาพรวมเศรษฐกิจประเทศดีขึ้น แม้โตแค่ 1Percentage

EyWwB5WU57MYnKOuFIwCRreiUDPhAtV5WIlQzOUAJUxkQoE9ZIIujXเราทำทุกวันแต่เราไม่สามารถที่จะขับเคลื่อนได้ภายในวันเดียว เพราะตกหล่นมาไม่รู้กี่เดือนแล้ว ตั้งแต่ต้นปีเจ๊งมา 3-4 ไตรมาสแล้ว และทุกอย่างก็ดีขึ้น แต่ที่แย่ลงก็คือ ตัวเลขการส่งออก ขณะที่ปัญหาการส่งออกก็มีกันทุกประเทศ ต้องมองแบบนี้ ไม่งั้นจะพูดกันไม่รู้เรื่อง” นายกรัฐมนตรี กล่าววันที่ 18 พ.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าว ถึงกรณีคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ คาดการณ์เศรษฐกิจในปี 57 จะขยายตัวที่ระดับ 1เปอร์เซ็นต์ ว่า ต้องดูและศึกษาภาวะเศรษฐกิจในภูมิภาคอื่นๆ ด้วย เช่น สหภาพยุโรปคาดการณ์ว่า จะขยายตัวที่ระดับ 1.1 เปอร์เซ็นต์ อย่าไปดูแต่ประเทศที่รวยโลดโผน ตัวเลขนั้นตนมีอยู่แล้ว ถามว่า ตัวเลขเศรษฐกิจที่จะโต 1 เปอร์เซ็นต์ บวกด้วยอะไรบ้าง ค่าใช้จ่ายครัวเรือน การลงทุน การค้าต่างประเทศ การส่งออก ตัวเลขยึดโยงกันทั้งหมด ซึ่งตัวเลขในนี้มีส่วนที่ดีขึ้นจากเดิมที่ติดลบ และส่วนด้อยก็มีโดยเราต้องไปดูว่า เกี่ยวข้องกับอะไร โดยเฉพาะด้านการส่งออก อาจเป็นเพราะต่างชาติชะลอตัว เราต้องมองภาพแบบนี้อย่ามองเป็นจุดๆ ไม่ใช่ตัวเลขออกมา ก็ตื่นตระหนกตกใจไปหมดนายกฯตู่”แจง ศก.โต 1Percent ต้องมองภาพรวมดีขึ้น หลังต้นปี ศก.เจ๊ง รับภาคส่งออกแย่ ย้ำ อย่าตื่นตระหนก อ้าง ยุโรปก็โตน้อย ยัน ทำงานทุกวันแต่ไม่สามารถขับเคลื่อนได้ในวันเดียว

แหล่งที่มา  :  ไทยรัฐ

Reference: บิ๊กตู่ แนะ ภาพรวมเศรษฐกิจประเทศดีขึ้น แม้โตแค่ 1Percent

ศาล รธน. ไทย-อินโดนีเซีย ลงนามทวิภาคีร่วมกัน

EyWwB5WU57MYnKOuFIwCR0NTniuZzH9lysNb7eQp1CAkTQgTIVwuhMเพื่อลงนามในบันทึกความร่วมมือ MOC (Memorandam of Co-operation) โดยมีวัตถุประสงค์ในการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างศาลรัฐธรรมนูญไทยและศาล รัฐธรรมนูญสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ในลักษณะทวิภาคี อีกทั้งยังเป็นการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นทางวิชาการของศาลรัฐธรรมนูญทั้งสอง ประเทศเมื่อวันที่ 18 พ.ย. ที่ศาลรัฐธรรมนูญ นายนุรักษ์ มาประณีต ประธานศาลรัฐธรรมนูญ พร้อมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ร่วมให้การต้อนรับ Medical professional.Hamdan Zoelva,S.H.,M.H. ประธานศาลรัฐธรรมนูญสาธารณรัฐอินโดนีเซียและคณะปธ.ศาลรธน. ต้อนรับคณะตุลาการฯอินโดนีเซีย พร้อมลงนามร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นทางวิชาการทั้งสองประเทศ

แหล่งที่มา  :  ไทยรัฐ

Supply: ศาล รธน. ไทย-อินโดนีเซีย ลงนามทวิภาคีร่วมกัน

Great Home Security Systems Ideas Which Will Work Well

Are you looking for an excellent way to guard all your family members whilst your property? Several properties nowadays are protected by burglar alarms, and if you don't have already 1, it is an method that you may want to look at. This post gives you a summary of things to consider when buying a security system.

Tend not to disguise your get into a home or some other properly-well-known site. Alternatively, place your get into cardstock or light weight aluminum aluminum foil as well as put it in a pot. When you finally try this, conceal it in the position on your property where individuals would not want to seem. It will help keep your property resistant to unwelcome attendees.

Preserving and addressing outside wiring may be beneficial in boosting your security alarms. While using present prices of birdwatcher, robbers concentrate on easily obtainable birdwatcher wiring, specifically about ac units. It's also crucial to safe and บริษัทกล้องวงจรปิด include wiring to avoid thieves from lowering cellular phone traces and energy products to security systems.

Some instant burglar alarms have additional features which include handheld control of property programs. When both parents perform 100 %-time jobs, this technique is convenient for about the subject . education-grow older young children till they could get back. The system they can double to lock and open entrance doors and adapt the heat range amount in the home.

When folks arrived at you at any time, ask who's there when you available the door. Even if you live in an area that does not have a top crime price, will still be a good idea to take care. If your individual opposed to this is uncertain about replying, never ever available the door.

Pretend you are a robber. If you take on the position of the intruder, you can check for somewhat insecure spots about your possessions. Think tricky about ways you have access to in your property if perhaps you were a legal. Check out the shed along with outdoor storage sheds or some other destinations you useful property.

If your home security system beeps a lot which is bad, or maybe you inadvertently should you down your self, repair the problem right away. A home security system is among the guidelines on how to prevent crack-ins, however, your friends and neighbors will ignore it they see it set off a lot.

You may on vacation, usually do not alter your giving answers to unit showing anyone that you are going to generally be away. Burglars will refer to this variety and then determine that it's available year or so for your home. Keep your standard information and suggest family members and friends to your cellular phone when you're away.

If you notice everyone where you live you do not know who appears to regularly arise, such as a suspect car, ask other people once they know them. In any other case, an appointment towards the police force will simply safeguard your house, even whether it is at the cost of someone that is definitely loitering in the calm approach.

Continue to keep basic safety at the forefront since you surroundings. Windows and doors ought not to be impeded by timber, vegetation or plants. Whether they can be observed, there'll be no destination to disguise. Have your surroundings quite a few ft away from your home for better basic safety.

Tend not to keep your sacrifice major somewhere readily available for thieves. Many individuals position the get into a home, or under a seed. This can be excessively entirely possible that a legal to get. Visualize a region a security alarm would not seem. 1 good way to disguise an important is actually by burying it someplace on your property.

Tough new technologies currently, it is possible to say goodbye to your outdated list of home keys. The newest in house basic safety now allows you to have the choice of major-a lesser amount of gain access to in your property. An exceptional gadget flows predetermined fingerprints developed on your side, along with the home will simply available with there exists a go with.

If you want to keep your property protected when you're outdoors, really don't depart Area out again. A pet dog at home gives a quick and easy home security system because he will bark at everyone working to get inside while you are out. Have your canine attend behavior training to ensure he does the top occupation.

Keep your applications and shed products protected. 1 good way to build your applications a lesser amount of interesting for the criminal is actually by portray them an well known colouring. Beneficial colours could well be baby blue, magenta and even red. This right away pinpoints the knowhow as yours. A criminal is less likely to acquire something that could be so conveniently tracked back.

Make a superior partnership using your friends and neighbors. Offense is more unlikely that in areas where the friends and neighbors denver-perform with many other, holding an eye out for dubious tendencies. You needn't be frightened to make the 1st go. Offer to observe your next door neighbor's property if they continue getaway. Sooner or later, they could come back the prefer.

If you decide on the latest Television set or laptop, really don't depart clean containers through your buys on the control. This can present which you have high-priced products in your residence. Bust them straight down and place them in a carrier or take them into a recycling facility.

Advice about the various measures of legal papers your preferred security alarms corporation might wear provide. There are of course good and bad points per plan. Your payment might be lower having a very long-phrase plan, but you could finish up spending money on a site you just aren't using if you want to go. Reduced legal papers may offer larger mobility for a more expensive.

If you really feel you might need a sacrifice major about, really don't disguise it within your doormat or in the spare room. Alternatively, give it to a neighbors you confidence. The truth is, changing keys with them guarantees each your properties are safe, but you can get in when you lose your own personal keys.

There are many different facets to be aware of in regards to buying a home security system. Some programs may well meet your requirements properly, in contrast to other folks may well not be right for you. Make sure you seek information so that you can find the method that is employed by you!

Source: Beneficial Home Security Systems Ideas Which Will Work Well

วันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ไม่เลิกกฎเหล็ก ทั้งสื่อ-อัยการศึก

EyWwB5WU57MYnKOuFIzX7qdAFWyrsWUpeN8b4kFlIGOJvUzdSRdAc4คสป.ออกโรงปกป้องเสรีภาพสื่อฯ


วันเดียวกัน ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย มีการประชุมคณะทำงานสื่อเพื่อการปฏิรูป (คสป.) ครั้งที่ 2 มีตัวแทนจากสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย นักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อมวลชน โดยนายเทพชัย หย่อง นายกสมาคมวิทยุและโทรทัศน์ไทย เป็นประธานที่ประชุมเพื่อหารือถึงข้อเสนอต่อสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ในการยกร่างรัฐธรรมนูญ กรอบเสรีภาพการแสดงความคิดเห็นของบุคคลและสื่อมวลชน โดยเสียงส่วนใหญ่เสนอให้ยึดโครงสร้างรัฐธรรมนูญปี 2540 และปี 2550 ตามมาตรา 45, 46 และเสนอให้ยกเลิกมาตรา 48 ที่บัญญัติว่าผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะเป็นเจ้าของกิจการหรือถือหุ้นใน กิจการหนังสือพิมพ์ วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ หรือโทรคมนาคม มิได้ ควรตัดออกจากหมวดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของบุคคลและสื่อมวลชนในร่างรัฐ ธรรมนูญฉบับใหม่ เนื่องจากไม่สามารถบังคับใช้ได้จริง ตรวจสอบได้ยาก โดยเห็นควรให้ไปใส่ในกฎหมายว่าด้วยพรรคการเมืองและการเลือกตั้ง ส.ส. และ ส.ว.แทน โดยให้ถือว่าค่าใช้จ่ายในกิจการสื่อมวลชนของพรรคการเมือง หรือนักการเมืองนั้น เป็นค่าใช้ของพรรคการเมืองว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และ ส.ว.

ย้ำจุดยืน “ประยุทธ์” ต้องไม่คุกคามสื่อ


นายเทพชัยกล่าวว่า ที่ประชุมเห็นควรให้มีการส่งเสริมปกป้องเสรีภาพของประชาชนในการแสดงความเห็น ควรได้รับการคุ้มครองในร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ส่วนกรณีสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ถูกนายทหารกดดันผู้ดำเนินรายการ “เสียงประชาชนต้องฟังก่อนปฏิรูป” นั้น เห็นว่าเป็นการกระทำเข้าข่ายคุกคามสื่อมวลชน แม้จะใช้ภาษาสุภาพ แต่วิธีสื่อสารและเนื้อหาส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการปฏิรูป จึงอยากเห็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. สื่อสารไปยังผู้ใต้บังคับบัญชาถึงจุดยืนที่ชัดเจน กรณีนี้ไม่ควรปิดกั้นสื่อมวลชน และไม่ควรให้เกิดเหตุการณ์ที่มีทหารอ้างคำสั่งผู้บังคับบัญชา รวมถึงอยากเห็น สปช.ผลักดันให้การปฏิรูปเกิดการมีส่วนร่วมมากที่สุด การประชุมวันนี้เป็นการแสดงความห่วงใยยังไม่ถึงขั้นออกแถลงการณ์ แต่จะสื่อไปถึงรัฐบาลและ คสช.ให้เห็นว่าสื่อมวลชนมีส่วนสร้างบรรยากาศการปฏิรูปประเทศ ส่วนข้อเรียกร้องให้ คสช.ยกเลิกประกาศ คสช.ฉบับที่ 97 และ 103 ของสมาคมนักข่าว นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยนั้น ขณะนี้สังคมยังมีความหวาดระแวงอยู่ ดังนั้น คสช.จะต้องพิจารณาประกาศฉบับดังกล่าวด้วย ส่วนกรณีที่ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผบ.ทบ. ในฐานะเลขาธิการ คสช.จะเชิญสื่อมวลชนหารือ ก็ยินดีให้ความร่วมมือ แต่จะต้อง พูดคุยบนพื้นฐานความเข้าใจไม่ทำให้เกิดการตีความว่า แทรกแซงสื่อมวลชน

นายกฯลงพื้นที่อีสานรับมือภัยแล้ง


สำหรับกำหนดการลงพื้นที่เพื่อประชุมรับมือภัยแล้ง และการดำเนินงานของศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด จ.ขอนแก่น และกาฬสินธุ์ ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษา ความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในวันที่ 19 พ.ย.นั้น ผู้สื่อ ข่าวรายงานว่า ช่วงเช้าวันที่ 19 พ.ย. เวลา 08.15 น. พล.อ.ประยุทธ์จะเดินทางโดยเครื่องบินจากกองการบิน ขส.ทบ. ดอนเมือง ไปลงที่ท่าอากาศยานขอนแก่น จ.ขอนแก่น จากนั้นเดินทางต่อด้วยขบวนรถยนต์ไปยังศาลากลางจังหวัดขอนแก่น เพื่อเป็นประธานปล่อยแถวเครื่องจักรกลสาธารณภัย เพื่อปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง ประกอบด้วย รถบรรทุกน้ำ รถสูบส่งน้ำระยะไกล รถขุดเจาะบ่อบาดาล รถผลิตน้ำดื่ม ก่อนจะเป็นประธานการประชุม ผวจ. และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 20 จังหวัด โดยจะมีการหารือเรื่อง การดำเนินการของศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด และประเด็น ปัญหาในพื้นที่ ในช่วงบ่ายเวลา 13.30 น. ไปตรวจ เยี่ยมโครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำหนองใหญ่ ต.น้ำอ้อม อ.กระนวน จ.ขอนแก่น และพบปะประชาชน ก่อนที่จะเดินทางไปตรวจปริมาณน้ำของเขื่อนลำปาว อ.เมืองกาฬสินธุ์

มั่นใจไปได้ทุกที่ทั่วประเทศ


ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. กล่าวถึงการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการเตรียมการช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้งและการ ดำเนินงานของศูนย์ดำรงธรรม จ.ขอนแก่น และกาฬสินธุ์ ว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ก็ไม่มีอะไร ขอยืนยันว่าทุกพื้นที่ในประเทศไหน ตนไปได้หมด และไม่ได้เลือกว่าจะต้องไปที่ไหน การลงพื้นที่ครั้งนี้ นอกจากขอนแก่นแล้ว ก็จะไปกาฬสินธุ์ ต้องการไปดูโครงการที่กองทัพบกได้ทำไว้ที่หนองเลิงเปลือย ต.เหล่าอ้อย อ.ร่องคำ จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นโครงการในพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หลังจากนี้จะลงไปในทุกๆพื้นที่ไม่ว่าจะภาคเหนือหรือภาคใต้ พร้อมจะไปทุกภาค แต่เวลาช่วงนี้ค่อน ข้างจำกัด แค่ทำงานในกรุงเทพฯก็เกือบจะแย่

รับไปคุยปรับทัศนคติชาวบ้าน


ผู้สื่อข่าวถามว่า จะถือโอกาสลงพื้นที่ไปพูดคุยกับประชาชนที่ยังไม่เข้าใจ คสช.และรัฐบาลด้วยหรือไม่ นายกรัฐมนตรีตอบว่า ใช่ๆ ไปพูดคุยส่วน ใหญ่เขาเข้าใจ เพราะตนพูดบ่อยอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ในส่วนสถานการณ์ภัยแล้งนั้น เจ้าหน้าที่มีการประเมิน แล้วว่าเราจะประสบปัญหาภัยแล้งค่อนข้างมาก และมากกว่าปีที่แล้ว รัฐบาลเป็นห่วงจึงจะลงพื้นที่ไปดู โดยจะพาหลายๆ กระทรวงที่เกี่ยวข้องร่วมคณะไปด้วย ทั้งกระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะไปชี้แจงว่าจะมีการขุดบ่อน้ำบาดาลหรือจะทำที่กักเก็บน้ำในจุดใดบ้าง เพราะมีการวางงบ ประมาณไปแล้ว

เผยนัดหารือผู้บริหารสื่อที่ทำเนียบ


เมื่อถามว่า แสดงว่าไม่ได้มีการสั่งการให้ทหารยศพันเอก ชื่อย่อ ส. เข้าไปดำเนินการใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า “เช็กแล้ว ไม่มีเรื่องนี้ ผมบอกเลยนะ ใครที่ทำผิดกติกาเขามีทหารเข้าไปคุยทั้งหมดทุกที่” เมื่อถามว่า ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อการร่างรัฐธรรมนูญ คสช.จะมีการเชิญผู้บริหารสื่อมาพูดคุยเพื่อทำความเข้าใจหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้นัดหมายแล้วที่ทำเนียบรัฐบาล แต่ตนจำวันที่ไม่ได้ มีการลงนามเพื่อเชิญตั้งแต่ช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ ส่วนตนจะไปพบกับ

ผู้บริหารสื่อด้วยตนเองหรือไม่นั้นคงต้องดูก่อน

“วิษณุ” เผย “ประยุทธ์” ห่วงโรดแม็ปสะดุด


ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรณีที่หัวหน้า คสช.เรียก ประชุมร่วม คสช. ครม. สนช. สปช. และคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่อาคารรับรองเกษะโกมล วันที่ 18 พ.ย.นั้น เป็นการเรียกประชุมแม่น้ำ 5 สาย ว่าด้วยโรดแม็ประยะที่ 2 ของ คสช.ในการร่างรัฐธรรมนูญ หัวหน้า คสช.อาจจะห่วงอะไรบางอย่างและต้องการแจ้งให้ทราบ เพราะมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าเกิดอะไรขึ้นมา คสช.ต้องรับผิดชอบ ขณะเดียวกันหัวหน้า คสช.ยังไม่เคยพบกับคนเหล่านี้อย่างเป็นทางการมาก่อน แต่คงไม่ลงรายละเอียดและใช้เวลาประชุมไม่มากนัก พล.อ.ประยุทธ์อาจจะใช้โอกาสนี้ ฝากอะไรบ้าง เช่น โรดแม็ปกรอบวัน เวลาพูดให้ตรงกันด้วย เพราะตอนนี้พูดไม่ค่อยตรงกัน

แย้มเริ่มร่าง รธน.อาจคลายอัยการศึก


เมื่อถามว่า กฎอัยการศึกเป็นปัญหาต่อการร่างรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายวิษณุตอบว่า เราเองก็รู้ว่ากฎอัยการศึกมีทั้งข้อดีข้อเสีย แต่คิดว่าไม่เป็นปัญหาต่อการร่างรัฐธรรมนูญ และไม่เชื่อว่าการประกาศกฎอัยการศึกจะยาวนานจนสิ้นสุดกระบวนการร่างรัฐ ธรรมนูญ กฎอัยการศึกจะค่อยๆผ่อนคลายลง เพราะถ้าลากยาวไปจะเป็นปัญหา เมื่อเริ่มร่างรัฐธรรมนูญตัวแรก ก็อาจจะเริ่มผ่อนคลายแล้วก็ได้ อย่างไรก็ตาม การประชุมร่วมวันที่ 18 พ.ย. ไม่มีการพูดถึงเรื่องกฎอัยการศึก เพราะขึ้นอยู่กับ คสช. เท่านั้น ส่วนความขัดแย้งสื่อมวลชนกับ คสช.เวลานี้ ความจริง คสช.เข้าใจการทำงานสื่อมวลชนดี แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นอาจเป็นความกังวลซึ่งกันและกัน และไม่พูดจาร่วมกัน ทำให้เกิดความเข้าใจไม่ตรงกันได้ ฉะนั้นคงต้องมีเวทีหาทางพูดจากัน สื่อ อาจจะพูดไม่ง่าย แต่ถ้าไปพูดก็เข้าใจ

“เทียนฉาย” ยันไม่กระเทือนปฏิรูป


ด้านนายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธาน สปช. กล่าวว่า กรณีที่หัวหน้า คสช.เรียกประชุม 5 ฝ่ายนั้น ถือเป็นการหารือร่วมกันครั้งแรก แต่ยังไม่กำหนดวาระการหารือ คงมีการพูดคุยถึงเรื่องการร่างรัฐธรรมนูญ และการปฏิรูปประเทศ เชื่อว่าการเดินหน้าปฏิรูปจะไม่ขัดแย้งกับกฎอัยการศึก ไม่มีการตีกรอบความคิดของประชาชน อีกทั้งรัฐธรรมนูญชั่วคราวไม่ได้เขียนว่าให้ฟังความเห็นเฉพาะฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่ง สำหรับใครที่มีความเห็นนอกเหนือไปจากรัฐธรรมนูญเขียนไว้คงไม่ใช่ปัญหา สำหรับเรื่องอัยการ ศึกได้มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลเรื่องนี้อยู่แล้ว

“ประยุทธ์” แจงหารืออุปสรรคปัญหา


เมื่อเวลา 17.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ให้สัมภาษณ์ถึงการนัดพูดคุย 5 ฝ่าย ประกอบด้วย ครม.-สปช.-สนช.-คสช.และกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เวลา 14.00 น. ของวันที่ 18 พ.ย.ว่า ไม่มีอะไรเป็นพิเศษเพียงแต่ทั้งหมดยังไม่เคยคุยกัน จะเชิญมาทำความเข้าใจกันว่าที่เราได้วางกรอบโรดแม็ปเอาไว้นั้นแต่ละส่วนที่ ได้ดำเนินการไปตอนต้นมีปัญหาหรืออุปสรรคอะไรหรือไม่ เพราะวันนี้ต้องทำไปพร้อมๆกัน 3-4 อย่าง ทั้งสถานการณ์แผ่นดิน การปฏิรูป เรื่องของ คสช.-สปช.และกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ตนจะประสานทำความเข้าใจกับทุกส่วนว่าจะทำแผนงานกันอย่างไร แต่ยืนยันว่ารายละเอียดจะไม่เข้าไปยุ่ง เพราะเป็นเรื่องของกฎหมาย เป็นเรื่องการระดมความคิดเห็น

ยืนกรานไม่ผ่อนปรนคำสั่ง คสช.


พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ในส่วนของตัวแทนพรรคการเมืองที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในชั้นของกรรมาธิการร่าง รัฐธรรมนูญทราบว่า มีการสมัครเข้ามาหมดแล้ว ข่าวระบุว่ามาครบกันทุกพรรค ผู้สื่อข่าวถามว่า การรวบรวมความเห็นจะต้องผ่านการทำกิจกรรมของพรรคจะทำได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า “ก็เขายังไม่ให้ประชุมพรรค และผมว่าในส่วนของคำสั่งที่มีอยู่อย่ามาให้ผมหย่อนหรือผ่อนคลายในคำสั่ง ต่างๆเลย เพราะคำสั่งก็คือคำสั่ง กฎหมายก็คือกฎหมาย ถ้าให้หย่อนคำสั่งก็เหมือนให้หย่อนกฎหมาย เพราะที่สั่งออกไปคือกฎหมาย ฉะนั้นก็ต้องมาปรับท่าทีว่าจะทำอย่างไร ถ้าท่านอยากเข้ามามีส่วนร่วม ก็ขออนุมัติเข้ามา ขออนุมัติเพื่อประชุม เราก็จะจัดหาสถานที่ประชุมให้และขอเข้าไปนั่งฟังด้วย”

ปรามสื่อเคารพกติกาอย่าเพิ่มปัญหา


พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงกรณีที่ทหารเข้าไปคุกคามพิธีกรสถานีโทรทัศน์ ช่องหนึ่งและสั่งให้มีการปรับเปลี่ยนผู้ดำเนินรายการว่า “ผมไม่ได้ไปสั่งปรับนะ ไม่เกี่ยวและอย่าเอามาพันกันว่าผมต้องรู้ในฐานะหัวหน้า คสช. มันไม่เกี่ยวกัน แต่เท่าที่ทราบ คสช.เขาก็ไปพบผู้จัดรายการหรืออะไรสักอย่าง และหารือในลักษณะที่ไม่ใช่เป็นการข่มขู่ ทางสถานีเขาก็มีการปรับเป็นการภายในเอง ทหารยังไม่รู้จักเลยว่าพิธีกรเป็นใคร จะไปไล่คนโน้นคนนี้ออกได้อย่างไร อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ต้องเคารพกติกากันบ้าง ถ้าคุณถามคำถามผมแล้วผมตอบก็โอเค แต่ถ้าคุณไปประชุมโดยมีคนจำนวนมาก แล้วไปตั้งคำถามให้คนเหล่านั้นมาด่าผม ด่ารัฐบาลหรือด่า คสช. มันถูกหรือไม่ และทำได้ไหมล่ะ ในเมื่อวันนี้ประเทศมีปัญหาหลายๆด้าน การที่ผมเข้ามาก็เพื่อให้ทำงานกันได้ เมื่อจะปฏิรูปกันอย่างไรก็ไปพูดคุยกันมา ผมก็จะอำนวยความสะดวกในการปฏิรูปให้ท่านไปสู่กฎหมาย ไปสู่รัฐธรรมนูญ แต่อยู่ดีๆ ท่านมาด่าผมในสิ่งที่มันเกิดมาก่อนหน้านี้ ผมรับไม่ได้”

ยอมรับฉุนขาดนั่งด่า คสช.—รัฐบาล


ผู้สื่อข่าวถามว่า เสรีภาพของสื่อในการทำหน้าที่ยังคงเป็นปกติใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า “ปกติทุกอย่าง แต่ผมขอและต้องเห็นใจผมบ้าง ผมเข้ามาทำงานเยอะ ตอนนี้ก็ 5 เดือน คสช.ไม่ได้ทวงบุญคุณแต่เข้ามารื้อเยอะมาก ที่ผ่านมาก็มีแผนปฏิรูปมาหลายรัฐบาล แต่ทำไม่ได้ ผมเข้ามาก็อยากให้มันทำได้ ซึ่งวันนี้ก็เริ่มทำได้แล้ว แต่แทนที่จะไปแก้ในสิ่งที่เป็นปัญหาอยู่ ดันมาด่าผม ด่า คสช. ด่ารัฐบาล มันไม่ใช่ ไปถามชาวบ้านว่าอย่างนี้พอใจหรือไม่พอใจ ผมอยากถามว่าที่ผมทำทุกอย่าง ทำเพื่อใคร ทำให้กับพวกผมอย่างนั้นหรือ ผมทำให้พวกท่านทั้งนั้น ทำให้ประชาชนซึ่งเขาจะได้รับประโยชน์ก็ขอให้ช่วยกันหน่อยเถอะ”

ไม่ผ่อนปรน แถมอัดพรรคการเมือง


เมื่อถามว่า พรรคการเมืองต้องการให้ลดระดับกฎอัยการศึกลงเพื่อทำการประชุมเสนอความเห็น ต่อการยกร่างรัฐธรรมนูญ พล.อ.ประวิตรตอบว่า พรรคการเมืองก็เช่นกัน เราเปิดโอกาสให้มี สปช.แล้วทำไมไม่ไปสมัคร เราเปิดให้ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับการปฏิรูป อยากจะทำอะไรก็เสนอ สปช.ได้ เขาพร้อมจะดูแลทั้งหมด ยอมให้ทุกเรื่องแล้วทำไมต้องไปทำอะไรที่ขัดต่อกฎหมาย ตนไม่เข้าใจ เมื่อเปิดรับสมัคร สปช.ก็ไม่มาสมัคร ให้เข้ามาชี้แจงก็ไม่มา เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่จะให้พรรคการเมืองจัดประชุมพรรคเพื่อนำข้อมูลไปเสนอต่อ คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ พล.อ.ประวิตรตอบว่า ข้อมูลเขียนเมื่อไหร่ก็ได้แล้วก็ส่งไป ไม่จำเป็นต้องรวมตัวกัน 200-300 คน ตนเชื่อว่าหัวหน้าพรรคมีศักยภาพพอ เราไม่ได้ห้ามหัวหน้าพรรค ถ้ามีความสามารถในการเขียนหนังสือได้ก็ทำได้หมด

พ้อคนไม่ฟังรายการคืนความสุข


เมื่อถามว่า มองสภาพความมั่นคงภายในประเทศขณะนี้อย่างไรหลังจาก คสช.เข้ามาบริหารประเทศเกือบ 6 เดือน พล.อ.ประวิตรตอบว่า ตนเห็นว่าบ้านเมืองก็มีความสงบ ถ้าทำทุกอย่างไปตามกฎหมาย ทำตามที่ คสช.และรัฐบาลแนะนำมันก็ไม่มีอะไร ขอให้ฟังนายกฯที่ทำงานเหนื่อยและพูดทุกวันศุกร์ ตนอยากให้ทุกคนฟัง เพราะเดี๋ยวนี้คนที่ฟังก็ไม่อยากฟังอีกแล้ว สมัยก่อนก็ว่าพูดดี นายกฯอุตส่าห์ทำงานทุกอย่าง แต่เพิ่งผ่านมา 4-5 เดือน ขอเวลาอีกไม่นาน พอรัฐธรรมนูญเสร็จก็ว่ากันไปเลย ผู้สื่อข่าวถามว่า ดัชนีความสุขของคนไทยขณะนี้เป็นอย่างไร พล.อ.ประวิตรย้อนถามว่า “แล้วคิดว่าดีหรือไม่ ถ้าผู้สื่อข่าวเห็นว่าดีก็ดี” เมื่อผู้สื่อข่าวตอบไปว่า ก็พอไปได้ ทำให้ พล.อ.ประวิตรมีน้ำเสียงอ่อนลง

หัวหน้า คสช.เรียกถกด่วน 5 ฝ่าย


ผู้สื่อข่าวรายงานจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่า สำนักงานเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ส่งหนังสือด่วนที่สุดที่ คสช.(สลธ)/3014 เรื่องเชิญประชุมร่วมระหว่าง คสช. คณะรัฐมนตรี (ครม.)ตัวแทนสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ตัวแทนสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ตามคำเชิญของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ในวันที่ 18 พ.ย. 2557 เวลา 14.30 น. ที่อาคารรับรองเกษะโกมล

สำหรับการประชุมดังกล่าวเพื่อหารือความคืบหน้ารวมถึงปัญหาอุปสรรคของงาน แต่ละสาย เพื่อให้เป็นไปตามโรดแม็ปของ คสช.ที่วางไว้ โดยเฉพาะงานในส่วนของการสร้างความปรองดองเพื่อนำไปสู่การปฏิรูปประเทศของ สปช. หลังจากสมาคมนักข่าวฯเคลื่อนไหวให้ยกเลิกประกาศ คสช.ฉบับที่ 97 และ 103 และหารือข้อเรียกร้องของพรรคการเมืองที่ตั้งแง่ให้ คสช.ทบทวนการใช้กฎอัยการศึก เปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายได้แสดงความคิดเห็น หลังจากคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญระบุจะเชิญพรรคการเมืองเข้าไปเสนอความ คิดเห็นในการยกร่างรัฐธรรมนูญ โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. มีความเป็นห่วงว่า 2 ประเด็นดังกล่าวจะกลายเป็นอุปสรรคในการทำงานของรัฐบาลและ คสช. จนงานสะดุดไม่เป็นไปตามโรดแม็ปของ คสช.ที่วางไว้ จึงกำชับให้ทุกคนที่มีส่วนร่วมในสายงานต้องเข้าประชุมอย่างพร้อมเพรียงกัน

แหล่งที่มา  :  ไทยรัฐ

Origin: ไม่เลิกกฎเหล็ก ทั้งสื่อ-อัยการศึก

คสป. เสนอ เปิดช่องพรรคการเมืองเป็นเจ้าของสื่อฯได้

EyWwB5WU57MYnKOuFIzX7g154UaKSGykQ0N2SpXgnNharCBKqobkRuส่วนข้อเรียกร้องเคลื่อนไหวกดดันให้ยกเลิกประกาศ คสช.ฉบับที่ 97 และฉบับที่ 103 ของสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย นายเทพชัย กล่าวว่า ขณะนี้สังคมยังมีความหวาดระแวงอยู่ ดังนั้น คสช.จะต้องพิจารณาประกาศฉบับดังกล่าวด้วย ทั้งนี้ สื่อกระแสหลักส่วนใหญ่พร้อมจะช่วยการปฏิรูปให้เดินหน้าไปได้ สำหรับกรณี พลเอกอุดมเดช สีตบุตร ผู้บัญชาการทหารบก จะเชิญสื่อมวลชนหารือ เพื่อขอความร่วมมือนั้นพร้อมยินดีให้ความร่วมมือ ถ้าเป็นเวทีการทำความเข้าใจ หรือ แลกเปลี่ยนความเห็น แต่จะต้องเป็นการพูดคุยบนพื้นฐานความเข้าใจไม่ทำให้เกิดการตีความว่า แทรกแซงสื่อมวลชนด้าน นายเทพชัย หย่อง ประธานคณะทำงานสื่อเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย เปิดเผยว่า ที่ประชุมวันนี้ เห็นควรให้มีมาตราส่งเสริมปกป้องเสรีภาพของประชาชนในการแสดงความเห็นและสื่อ มวลชนควรได้รับการคุ้มครอง ในร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งเนื้อหาจะไม่แตกต่างจากรัฐธรรมนูญ 2540 และปี2550 นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้หารือ กรณีสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ถูกนายทหารกลุ่มหนึ่งกดดันให้เปลี่ยนตัวผู้ดำเนินรายการ “เสียงประชาชนต้องฟังก่อนปฏิรูป” ด้วยความห่วงใย โดยเห็นว่า เป็นการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายคุกคามสื่อมวลชน แม้จะมีการส่งนายทหารเข้าพบสื่อมวลชนและใช้ภาษาสุภาพ แต่วิธีสื่อสารและเนื้อหาที่พูดคุย ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการปฏิรูป จึงอยากเห็นความชัดเจนจาก พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ควรสื่อสารกับสังคมเพื่อส่งสัญญาณไปยังผู้ใต้บังคับบัญชาให้ชัดเจนว่าถึงจุด ยืนของพลเอกประยุทธ์ว่า กรณีดังกล่าวไม่ควรมีการปิดกั้นสื่อมวลชน และไม่ควรให้เกิดเหตุการณ์ที่มีนายทหารไปอ้างคำสั่งว่า ผู้บังคับบัญชาสั่งการ เพราะไม่ทราบว่า กรณีดังกล่าวเป็นการอ้างคำสั่งของผู้บังคับบัญชา จริงหรือไม่ อีกทั้ง อยากเห็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ผลักดันให้การปฏิรูปเกิดการมีส่วนร่วมมากที่สุด การประชุมวันนี้เป็นการแสดงความห่วงใยเท่านั้น ยังไม่ถึงขั้นออกแถลงการณ์ แต่จะสื่อไปทางรัฐบาล คสช.ให้เห็นว่า สื่อมวลชนมีส่วนสร้างบรรยากาศการปฏิรูป นอกจากนี้ เสรีภาพของสังคมก็มีส่วนสำคัญ ที่จะต้องแสดงความคิดเห็นต่อการปฏิรูปได้เนื่องจากเห็นว่า มาตราดังกล่าวไม่สามารถบังคับใช้ได้จริง ตรวจสอบได้ยาก ทำให้เกิดผลกระทบต่อเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของบุคคลและสื่อมวลชนจำนวน มาก ดังนั้น จึงควรตัดออกจากหมวดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของบุคคลและสื่อมวลชน ในร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยเห็นว่า ไปใส่กฎหมายว่าการพรรคการเมืองและการเลือกตั้ง ส.ส. และส.ว.แทน เปิดช่องให้พรรคการเมือง หรือนักการเมือง สามารถเป็นเจ้าของกิจการสื่อมวลชนในกิจการพรรคเมืองได้ โดยให้ถือว่า ค่าใช้จ่ายในกิจการสื่อมวลชนของพรรคการเมือง หรือนักการเมืองนั้น เป็นค่าใช้ของพรรคการเมืองว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และส.ว.เมื่อวันที่ 17 พ.ย. ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศ ได้มีการประชุมคณะทำงานสื่อเพื่อการปฏิรูป (คสป.) ซึ่งประกอบด้วยตัวแทนจากสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย นักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อมวลชน ครั้งที่ 2 โดยมี นายเทพชัย หย่อง นายกสมาคมวิทยุและโทรทัศน์ไทย เป็นประธาน เพื่อการหารือถึงข้อเสนอต่อสภาปฏิรูปแห่งชาติ เพื่อเตรียมยกร่างรัฐธรรมนูญในกรอบเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของบุคคลและ สื่อมวลชน ซึ่งมีในที่ประชุมได้มีการแสดงความคิดเห็นกันอย่างกว้าง ทั้งนี้เสียงส่วนใหญ่เสนอให้ยึดโครงสร้างรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 ในมาตรา 45 ,46 นอกจากนี้ในที่ประชุมยังได้มีการอภิปรายแสดงความคิดเห็น ให้มีการตัดหรือยกเลิก มาตร 48 ที่บัญญัติว่า ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะเป็นเจ้าของกิจการหรือถือหุ้นในกิจการหนังสือ พิมพ์ วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ หรือโทรคมนาคม มิได้ ไม่ว่าในนามตนเองหรือให้ผู้อื่นเป็นเจ้าของกิจการหรือถือหุ้นแทน

แหล่งที่มา  :  ไทยรัฐ

Source: คสป. เสนอ เปิดช่องพรรคการเมืองเป็นเจ้าของสื่อฯได้

วันอาทิตย์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

‘บิ๊กโด่ง’ปราม มีสื่อออกนอกกรอบ

EyWwB5WU57MYnKOuFIzaZVdySHvB7l8pdEHVr5mgrHDxa3APlRc9Weสปช.สายสื่อขอเปิดช่องเสรีภาพ

นายบุญเลิศ คชายุทธเดช สปช. รองโฆษกคณะกรรมาธิการการสื่อสารมวลชนและเทคโนโลยีสารสนเทศ กล่าวถึงการแสดงท่าทีของสื่อมวลชนภาคสนามต่อรัฐบาล โดยใช้สัญลักษณ์ “ปิดหู ปิดตา ปิดปาก” ว่าการปฏิรูปต้องรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่าย ตามหลักการสื่อมวลชนควรมีเสรีภาพในการทำหน้าที่โดยสุจริตใจ ขณะนี้อยู่ในภาวะที่ คสช.ยังต้องดูแลความมั่นคงไม่ให้เกิดความขัดแย้ง ดังนั้นสื่อต้องมีเสรีภาพและพิสูจน์ให้เห็นว่าเราร่วมกันทำหน้าที่อย่าง เหมาะสม เพื่อให้การปฏิรูปประเทศเดินหน้าต่อไปได้ ตนอยากเห็นการผ่อนคลายของ คสช. เปิดโอกาสให้สื่อมวลชน ประชาชน แสดงความคิดเห็นเต็มที่ เพื่อสร้างความชอบธรรมในการปฏิรูปที่ต้องเปิดรับฟังประชาชนเป็นหัวใจสำคัญ การปฏิรูปจะสำเร็จมากน้อยแค่ไหนขึ้นกับสื่อมวลชนเป็นปัจจัยหนึ่ง ที่ต้องทำด้วยความเต็มใจ ถ้าต้องให้สื่ออยู่ในภาวะอึดอัดใจ ตนก็ไม่เห็นด้วย ในฐานะ สปช.เห็นสถานการณ์เช่นนี้ บอกได้คำเดียวว่ากลุ้มใจ ไม่อยากให้เกิดความขัดแย้งระหว่าง คสช.และสื่อ-มวลชนไปมากกว่านี้

เตือน “บิ๊กตู่” ระวังเป็นตัวตลก

นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่น่าเกิดขึ้นหลังจากนายกฯเพิ่งไปประชุมเวทีนานาชาติ 2 เวที มีผู้นำประเทศจากทั่วโลกเข้าร่วม เพราะต่างชาติให้ความสำคัญกับสิทธิและเสรีภาพสื่อมวลชนมาก การปิดกั้นการทำงานของสื่อแบบนี้ยิ่งทำให้สิ่งที่นายกฯพูดในเวทีผู้นำ ว่าจะแก้ไขและปฏิรูปประเทศให้ดีขึ้นนั้นเสียไปหมด เนื่องจากต่างชาติจะไม่เชื่อถือคำพูดนายกฯ และยิ่งทำให้การปฏิรูปประเทศเหมือนเป็นการมัดมือชก ประชาชนไม่มีส่วนร่วมอย่างแท้จริง ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ต้องรีบแก้ไขโดยเร็ว ไม่เช่นนั้นท่านจะกลายเป็นตัวตลกในสายตาต่างชาติ คราวหน้าไปพบผู้นำต่างชาติอีกท่านจะไม่รู้เอาหน้าไปไว้ที่ไหน

อนุฯ กมธ.ฟังความเห็นจ่อเปิดเวที

ขณะที่ พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช โฆษกคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการประสานงานเพื่อรับฟังความเห็นและข้อเสนอแนะจาก สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และองค์กรต่างๆ กล่าวว่า สัปดาห์หน้าและในสัปดาห์ถัดไป อนุกรรมาธิการฯจะเชิญองค์กรต่างๆมาให้ข้อคิดเห็น แต่ยังไม่ระบุว่าเป็นองค์กรใด จากนั้นจะเดินทางไปพบปะพูดคุย และแจกแบบสอบถามเพื่อนำข้อมูลส่งต่อให้คณะกรรมาธิการยกร่างฯ ซึ่งจะเป็นการสื่อสาร 2 ทาง เชื่อว่ากระบวนการรับฟังความเห็นเพื่อนำไปสู่การร่างรัฐธรรมนูญ และการปฏิรูปจะไม่มีปัญหา นอกจากนี้อนุกรรมาธิการการมีส่วนร่วมและรับฟังความเห็นของประชาชน ที่มีนางถวิลวดี บุรีกุล เป็นประธานฯ ได้เชิญชวนประชาชนร่วมส่งความคิดเห็น ผ่านตู้ ปณ.9 ปณฝ.รัฐสภา และจะจัดเวทีสานเสวนาทั่วประเทศ โดยสุ่มตัวอย่างคนในพื้นที่เข้าร่วมแสดงความเห็น รวมถึงการรับฟังความเห็นจากภาคเอกชน

เมินอัยการศึกค้ำคอเวทีสานเสวนา

เมื่อถามว่า กังวลว่ากระบวนการรับฟังความเห็นและการแสดงความเห็นจากภาคส่วนต่างๆจะสะดุด หรือไม่ เพราะยังมีประกาศใช้กฎอัยการศึกอยู่ พล.อ.เลิศรัตน์ตอบว่า เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อกระบวนการรับฟังความเห็น เพราะทุกครั้งที่จะมีการตั้งเวทีสานเสวนาจะแจ้งไปยัง คสช.ก่อน เป็นกระบวนการทำอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมา และการแสดงความเห็นต่อการปฏิรูปเพื่อนำไปสู่การร่างรัฐธรรมนูญที่ดำเนินการ ไม่ได้ผิดต่อกฎหมาย แต่เป็นการพูดถึงรัฐธรรมนูญใหม่ที่จะมีขึ้นในอนาคต และถ้าทำด้วยความตั้งใจก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ต้องเข้าใจว่าขณะนี้มีกฎอัยการศึก รัฐบาลและ คสช.ต้องระวังไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่ง ดังนั้นถ้าการทำงานของเรามุ่งไปสู่เหตุและผลในการร่างรัฐธรรมนูญ กระบวนการรับฟังความเห็นจากภาคส่วนต่างๆ ก็จะเดินหน้าไปได้ไม่มีปัญหา

“ดิเรก” เชื่อถึงเวลาเลิกกฎเหล็กเอง

นายดิเรก ถึงฝั่ง สปช.นนทบุรี ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการการปฏิรูปการเมือง กล่าวถึงเสียงเรียกร้องให้ยกเลิกกฎอัยการศึกเพื่อเดินหน้าปฏิรูปประเทศว่า ขณะนี้รัฐบาลมองมากกว่าที่เรามอง รัฐบาลคงมองว่าช่วงนี้เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ เพราะจะแตกหักได้ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ จึงคุมอัยการศึกไว้อยู่ แต่พอการร่างรัฐธรรมนูญเริ่มเข้าที่เข้าทาง เปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนแล้ว เชื่อว่ารัฐบาลจะเลิกกฎอัยการศึกไปเอง เมื่อถามว่า นายดิเรกเป็นซุปเปอร์ดีลเข้าได้กับทุกฝ่าย จะใช้คุณสมบัตินี้ทำยังไงให้รัฐธรรมนูญออกมาเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย นายดิเรกตอบว่า จะพยายามประสานทุกฝ่าย เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจให้ยกร่างรัฐธรรมนูญตามหลักสากล ที่ผ่านมาโดนกล่าวหาจากทั้ง 2 ขั้วการเมือง แต่เรามีหลักยืนอยู่ในสิ่งที่ถูกต้อง

ทหาร–ตร.จับแกนนำปฏิรูปที่ดิน

ส่วนกรณีที่ คสช.กดดันกลุ่มปฏิรูปที่ดิน นำโดยนายนิติรัตน์ ทรัพย์สมบูรณ์ ให้ยกเลิกการจัดทอล์กโชว์และคอนเสิร์ต “ผืนดินเรา ที่ดินใคร” ทำให้กลุ่มปฏิรูปที่ดินนัดแถลงสาเหตุการยกเลิกงาน “ไม่มีทอล์กโชว์ภายใต้ท็อปบูต” ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา ถนนราชดำเนิน แต่ พ.ต.ท.สมยศ อุดมรักษา–ทรัพย์ รอง ผกก.สืบสวน สน.ชนะสงคราม นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ 10 นาย สมทบกับเจ้าหน้าที่ทหาร 5 นาย นำแผงเหล็กและโซ่มาปิดกั้นตลอดแนวด้านหน้าและด้านข้างทางเข้า พร้อมประกาศห้ามมีการเคลื่อนไหวใดๆ ทำให้กลุ่มมวลชนผู้สนับสนุนการจัดงานเปลี่ยนวิธีมาถือจดหมายเปิดผนึก พร้อมนำเทปกาวสีดำมาปิดปากแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ เจ้าหน้าที่ทหารจึงประสานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเชิญตัวนายนิติรัตน์ ทรัพย์สมบูรณ์ นางนุชนารถ แท่นทอง นายปกรณ์ อารีกุล นางหนูเกณ อินทจันทร์ และนายสมพร หารพรม ไปสอบถามและปรับทัศนคติ ที่ สน.ชนะสงคราม โดยมี น.ส.เกศริน เตียวสกุล เลขานุการ นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการสิทธิมนุษยชนมาร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งล่าสุดทั้งหมดถูกปล่อยตัวแล้ว

แฉทหารกดดันล้มการจัดงาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จดหมายเปิดผนึกของกลุ่มปฏิรูปที่ดิน ระบุว่าไม่เห็นด้วยต่อการแทรกแซงปิดกั้นเสรีภาพ การเข้าถึงรับรู้และใช้กำลังปิดกั้นพื้นที่จัดงานทอล์กโชว์เพื่อรณรงค์ผลัก ดันร่าง พ.ร.บ.ธนาคารที่ดิน ร่าง พ.ร.บ.สิทธิชุมชนในการจัดการที่ดินและทรัพยากรในรูปแบบโฉนดชุมชน ร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินอัตราก้าวหน้า และร่าง พ.ร.บ.กองทุนยุติธรรม รวมทั้งเรียกร้องให้ยกเลิกกฎอัยการศึก โดยทันที และสนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชนในนโยบายสาธารณะช่วงที่มีการปฏิรูป ประเทศเพื่อนำความปรองดองกลับสู่ชาติ นอกจากนี้ยังมีเอกสารถอดบันทึกบทสนทนาแบบคำต่อคำ ระหว่างผู้จัดงานและเจ้าหน้าที่ที่พยายามกดดันให้ล้มเลิกงานทอล์กโชว์ดัง กล่าวเมื่อวันที่ 12-14 พ.ย.

คสช.อ้างแค่คุมตัวปรับทัศนคติ

พ.อ.วินธัย สุวารี ทีมโฆษก คสช.กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามขั้นตอน เพื่อดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ตามที่ได้รับมอบหมาย เป็นดุลพินิจของหน่วยปฏิบัติในพื้นที่ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป และจะนำกลุ่มดังกล่าวไปพูดคุยกันที่ไหน แต่เบื้องต้นเป็นการพูดคุยเพื่อทำความเข้าใจในลักษณะร้องขอ ไม่ได้ใช้มาตรการทางกฎหมาย เพื่อทำความเข้าใจให้ตรงกันมากขึ้น และชี้แนะว่าช่องทางการปฏิรูปสามารถเสนอแนะตามช่องทางใดบ้างที่ไม่ขัดต่อ กฎหมาย คิดว่าจะพูดคุยทำความเข้าใจร่วมกันได้

วงปฏิรูปศาสนาแนะทำประชามติ

วันเดียวกัน ที่ห้องทับทิม โรงแรมรัตนโกสินทร์ เวทีสภาประชาชน (สภ.ช.) คณะศรัทธาสำนักปฏิบัติธรรมพุทธชยันตี สมาคมรัฐธรรมนูญเพื่อประชาธิปไตย (สร.พป.) สภาปฏิรูปภาคประชาชนคู่ขนาน (ส.ป.ด.) และองค์กรภาคประชาชน 10 องค์กร จัดสัมมนาวิชาการ “ปฏิรูปอย่างไรให้คนไทยมีความสุขในเชิงพุทธศาสนา” โดยพระเมธีธรรมาจารย์ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย (มจร.) กล่าวว่า ต้องมีการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ รับฟังความคิดเห็นประชาชนทั้งประเทศ และไม่ควรเหมาเข่ง ควรทำเป็นรายมาตรา และให้ระบุพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ พร้อมตั้งธนาคารพระพุทธศาสนา

รองอธิการ มจร.ห่วง “หลวงพี่เทพ”

พระเมธีธรรมาจารย์กล่าวต่อว่า ได้ดูคลิปที่วัดสวนโมกข์ จ.สุราษฎร์ธานี ที่พระบวชใหม่พูดปฐกถาธรรมหรือพูดการเมือง ทั้งที่ยังอยู่ในช่วงกฎอัยการศึก เราห่วงเรื่องคำพูด การประพฤติปฏิบัติ คนพูดควรมีสมณภาวะ มีวุฒิภาวะ เห็นวิสัยของความเป็นพระว่าควรหรือไม่ควร มหาเถรสมาคมควรให้พระอุปัชฌาย์ของพระสุเทพตักเตือน เพราะยังเป็นพระบวชใหม่ ต้องรอให้พ้น 5 ปีก่อนจึงจะพ้นจากการดูแลของอุปัชฌาย์ การมาบวชควรนึกถึงความร่มเย็น ใช้หลักธรรมนึกตรึกตรองถึงสิ่งที่ทำมา ไม่ใช่เอาร่มกาสาวพัสตร์ห่มแล้วทำตัวเป็นฆราวาส

“ปนัดดา” ชิ่งไม่เป็นเหยื่อการเมือง

อีกเรื่อง ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการตรวจสอบปริมาณคุณภาพข้าวคงเหลือของรัฐ กล่าวถึงกรณีพรรคประชาธิปัตย์เสนอให้ สนช. เชิญไปให้ข้อมูลประกอบการพิจารณาถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในคดีรับจำนำข้าวว่า ทราบข่าวจากสื่อก็ยังตกใจอยู่ที่มีชื่อ เรื่องนี้แล้วแต่ผู้บังคับบัญชา ไม่ใช่เรื่องที่จะมาตัดสินใจว่าจะไปพูดที่นั่นที่นี่ เรื่องแบบนี้ทำตามอัธยาศัยตัวเองได้ที่ไหน เมื่อถามว่าล่าสุดพรรคเพื่อไทยออกมาคัดค้านเรื่องนี้ ม.ล.ปนัดดาตอบว่า ถ้าเอาตนเข้าไปเกี่ยวข้องเรื่องการเมือง ไม่ขอเกี่ยวข้องด้วย ขอทำหน้าที่ข้าราชการเท่านั้น ทำตามคำสั่งนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลให้สำเร็จเรียบร้อย ถือเป็นภารกิจที่ต้องทำให้สำเร็จ ขอไม่เข้าเป็นตัวขัดแย้งอะไรทั้งสิ้น เพราะเวลานี้ดูจากหน้าหนังสือพิมพ์ทั้ง 2 ฝ่าย ต่างพูดกันไปพูดกันมา ไม่อยากให้สุดท้ายแล้วตกไปเป็นเครื่องมือทางการเมือง

“บิ๊กโด่ง” ปรามสื่ออย่าแหย่ให้สะดุด

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 16 พ.ย. พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหมและ ผบ.ทบ.กล่าวถึงกรณีสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทยออกแถลงการณ์ขอรัฐบาลและ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แสดงจุดยืนที่ชัดเจนต่อบทบาทสื่อมวลชน จากกรณีมีกลุ่มนายทหารไปกดดันสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ให้ยุติรายการ “เสียงประชาชน ต้องฟังก่อนปฏิรูป” ว่า ต้องเข้าใจว่าสถานการณ์ประเทศขณะนี้เป็นช่วงที่ต้องเข้าไปดูแล แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไปละเมิดสิทธิโดยทั่วไปของสื่อมวลชน สื่อสามารถเสนอข่าวได้อยู่แล้ว เพียงแต่ทุกคนต้องให้ความร่วมมือ สื่อส่วนใหญ่เข้าใจต้องขอขอบคุณ แต่สื่อบางสื่อเสนอไปในแง่แหย่ให้เกิดความแตกแยก ทำให้เกิดความไม่เรียบร้อย ถ้าจะเป็นจังหวะทำให้บางคนมีชื่อเสียงขึ้นมาก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ควรระมัดระวัง ถ้ามีแนวที่จะออกไปในทางที่ทำให้เกิดความรู้สึกไม่ทำให้สถานการณ์มันราบรื่น ก็ต้องพูดคุยกัน

ยํ้าบางรายการเริ่มออกนอกกรอบ

พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า ไม่ได้ไปทำอะไรในทางข่มขู่และไม่สุภาพ แต่เป็นการเข้าไปขอว่า ขอเถอะถ้าทำแล้วไม่เกิดผลดีกับภาพรวม ทุกคนมีวิจารณญาณรู้ตัวเองได้ สิ่งเหล่านี้น่าภาคภูมิใจหรือไม่ สถานการณ์ภาพรวมทุกอย่างกำลังไปได้ด้วยดี แล้วรายการที่ออกๆไปกรอบเริ่มจะกระทบต่อความไม่เรียบร้อยในภาพรวมต่อทางรัฐ ต่อคนที่กำลังตั้งใจทำงาน มันก็ต้องคุยกันได้ แต่พอคุยแล้วมีคนความคิดอีกแบบหนึ่งก็เป็นเรื่องที่น่าวิตกกังวล ทุกคนอยากให้เป็นไปตามโรดแม็ปที่หัวหน้า คสช.วางไว้ แต่ถ้ามันออกไปทำให้เกิดความไม่เรียบร้อย ไม่ราบรื่นต่อไป มันก็ต้องคุยขอร้องกัน พยายามทำให้เกิดความเข้าใจ

ให้อดใจรอจนกว่าถึงโรดแม็ป 3

เมื่อถามว่า จำเป็นที่ คสช.กับสื่อมวลชนต้องมาทำความเข้าใจร่วมกันอีกรอบในการนำเสนอข่าว และสิทธิเสรีภาพสื่อมวลชนหรือไม่ พล.อ.อุดมเดชตอบว่า มันก็ชัดมาตลอด ถ้าไม่มีอะไรถ้าเชิญมาอีกก็เป็นข่าวอีก ไม่เข้าใจกันมากไปอีก เชื่อว่าสื่อส่วนใหญ่เข้าใจกันชัดแล้ว ไม่รู้ว่าจะทำให้ชัดไปอย่างไรอีก อยากบอกว่าสถานการณ์ยังไม่อยู่ในห้วงโรดแม็ปที่ 3 พูดตามความจริงยังไม่ปกติสูงสุด มันปกติมาระดับหนึ่งแล้วควรรักษาไปในขั้นที่ปกติสูงสุดต่อไป ระมัดระวังเสนอข่าวไปในทางวิชาการ สร้างสรรค์ เสริมสมองในทางที่ดี น่าจะทำไป แต่ถ้าออกในแนวกระแทกยุแหย่อะไรต่างๆ แล้วรายการตัวเองดังขึ้นมาเป็นที่นิยมแบบแปลกๆอย่างนี้ คิดว่าแต่ละคนในใจรู้ดีว่า จะทำเพื่อประโยชน์ต่อส่วนรวมอย่างไร เดี๋ยวเข้าสู่โรดแม็ปที่ 3 สู่โหมดเลือกตั้งแล้วอดใจกันอีกสักนิด วันนี้อยากให้ประคองไปถึงจุดนั้น ไม่อยากให้มีสิ่งที่ทำให้เกิดความไม่ราบรื่นไม่เรียบร้อย ขณะนี้ยังอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องดูแลอยู่

รบ.—คสช.ไม่หนักใจปมถอดถอน

เมื่อถามว่า มองว่าสถานการณ์การเมืองขณะนี้ของ คสช.และรัฐบาลอ่อนไหวหรือไม่ จากการที่ สนช.กำลังพิจารณาถอดถอนคดีรับจำนำข้าว พล.อ.อุดมเดชตอบว่า เรื่องการถอดถอนเป็นหน้าที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ประชาชนได้เห็นความเป็นประชาธิปไตยของ สนช.ไปแล้ว ว่าสามารถมีข้อคิดเห็นต่างๆอยู่ในกรอบที่เป็นไปได้ ในความรู้สึกส่วนตัวไม่ได้หนักใจ และเชื่อว่าผู้ใหญ่ของรัฐบาลก็ไม่ได้หนักใจ อยู่ที่การให้ข้อคิดเห็นและมุมมองของ สนช.ว่ามันควรเป็นไปอย่างไร และต้องลงมติไปในแนวทางนั้น คสช.ไม่ไปก้าวล่วง

“วินธัย” วอนอย่ามอง คสช.แง่ร้าย

พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกและทีมโฆษก คสช. กล่าวว่า คสช.พยายามดูแลทุกส่วนให้เรียบร้อย อะไรที่สุ่มเสี่ยงให้เกิดความสับสนขัดแย้ง จำเป็นต้องใช้การพูดคุยปรึกษาทำความเข้าใจในลักษณะขอร้องกัน ไม่ใช่การสั่งหรือบังคับอย่างที่ไปขยายความกัน ขอให้มองที่เจตนาของ คสช.จำเป็นต้องดูแลบรรยากาศและความรู้สึกทั้งสังคม ให้บ้านเมืองเดินหน้าไปตามแผนและเป้าประสงค์ส่วนรวมร่วมกัน ที่ผ่านมา คสช.เคารพการทำหน้าที่ของสื่อ เชื่อมั่นว่ามีเจตนาดีต่อบ้านเมือง แต่ด้วยมุมมองที่อาจแตกต่างกันบ้าง เนื่องจากสถานะและหน้าที่ต่างกัน และในช่วงสถานการณ์พิเศษที่มีความละเอียดอ่อนอยู่ขณะนี้ จึงมักปรึกษาแลกเปลี่ยนความเข้าใจกันอยู่บ่อยครั้ง บางครั้งก็ทำหนังสือหรืออาจโทรศัพท์พูดคุย หรือไม่ก็เข้าไปขอคำปรึกษากันอย่างกรณีล่าสุด

ชี้พูดคุยได้ไม่ต้องงัดใช้กฎหมาย

พ.อ.วินธัยกล่าวว่า ปัจจุบันการพูดคุยไม่ได้ใช้ข้อกฎหมาย หรือประกาศคำสั่ง ยืนยันใช้วิธีขอคำปรึกษาและขอความร่วมมือเป็นหลัก โดยหยิบยกประเด็นมุมมองที่แตกต่างมาอธิบายมีเหตุมีผล จนเกิดความเข้าใจซึ่งกันและกัน ไม่ได้ใช้มิติในด้านกฎหมายไปบังคับ ไม่อยากให้ขยายผลไปในเชิงว่ามีความขัดแย้งระหว่างสื่อกับ คสช. ยืนยันว่าให้เกียรติทุกคน และทำงานร่วมกับสื่อในฐานะคนครอบครัวเดียวกันมาตลอด ส่วนข้อกังวลของสมาคมสื่อฯน่าจะทำความเข้าใจกันได้ ที่ผ่านมาสามารถแลกเปลี่ยนความเห็นจนเข้าใจกันได้ ไม่น่ามีปัญหา

คสช.เชิญทำความเข้าใจรอบสอง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายในสัปดาห์นี้คณะกรรมการติดตามการเผยแพร่ข่าวสารสาธารณะ ที่มี พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รองหัวหน้า คสช.เป็นประธาน จะเชิญตัวแทนบรรณาธิการสื่อ ทั้งวิทยุ โทรทัศน์และหนังสือพิมพ์ ที่ยังไม่ได้ร่วมพูดคุยในรอบแรก มาทำความเข้าใจถึงการนำเสนอข่าวสารในรอบที่สอง เนื่องจาก คสช.เห็นว่าสื่อมวลชนและคอลัมนิสต์มีส่วนสำคัญในการกำหนดทิศทางความสงบเรียบ ร้อยในบ้านเมือง โดยมี พล.ท.สุชาติ ผ่องพุฒิ เจ้ากรมกิจการทหารสื่อสาร ในฐานะเลขาธิการคณะกรรมการฯเป็นหัวหน้าทีมพูดคุย ที่สโมสรนายทหารสัญญาบัตร กรมการทหารสื่อสาร

องค์กรสื่อหวังฝ่ายมั่นคงลดโทนแข็ง

ด้านนายมานพ ทิพย์โอสถ อุปนายกฝ่ายสิทธิเสรีภาพและการปฏิรูปสื่อ และโฆษกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า วันที่ 17 พ.ย. เวลา 10.00 น. คณะทำงานสื่อเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย ประกอบด้วย ตัวแทนจากสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย สมาคมผู้ประกอบการวิชาชีพวิทยุท้องถิ่นแห่งชาติ ผู้ทรงคุณวุฒิ นักวิชาการด้านนิเทศศาสตร์ และตัวแทนภาคประชาสังคม มีนายเทพชัย หย่อง นายกสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย เป็นประธาน นัดประชุมกันเป็นครั้งที่ 2 คงนำเรื่องที่เกิดขึ้นกับสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสขึ้นมาพูดคุยกัน และกำหนดท่าทีว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป เท่าที่ทราบผลจากการเคลื่อนไหวของสื่อมวลชนภาคสนามเมื่อวันที่ 15 พ.ย. ทำให้ฝ่ายรัฐบาลและความมั่นคงมีท่าทีรับฟังพอสมควร และจะปรับท่าทีให้ผ่อนคลายลงและจะมีความชัดเจนต่อเรื่องนี้มากขึ้น จึงอาจไม่ต้องยื่นหนังสือเรียกร้องก็ได้

เดินหน้าบี้ยกเลิก คสช.ฉบับ 97, 103

นายมานพกล่าวต่อว่า สำหรับการเคลื่อนไหวให้ยกเลิกประกาศหรือคำสั่งที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติ หน้าที่ของสื่อมวลชน โดยเฉพาะประกาศ คสช.ฉบับที่ 97 และ 103 ที่จำกัดสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนนั้น สื่อมวลชนต้องช่วยกันผลักดันเรื่องนี้ การยกเลิกประกาศหรือคำสั่งของ คสช. ที่เทียบเท่า พ.ร.บ. ต้องใช้เวลาพอสมควร หากยังมีประกาศดังกล่าวอยู่จะส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการพูดคุยเพื่อการปฏิรูป ที่สื่อต้องถ่ายทอดความเห็นการปฏิรูปของประชาชนที่เห็นต่างได้ เพราะไม่เอื้อให้สื่อมีเสรีภาพ

“บิ๊กโด่ง” โชว์บทเฮี้ยบ ปรามสื่ออย่าแหย่ให้โรดแม็ปสะดุด เหน็บบางคนเริ่มออกนอกกรอบเลยต้องพูดคุย แนะอดใจไปปล่อย ของช่วงเฟส 3 “วินธัย” วอนอย่ามอง คสช.แง่ร้ายยังพูดคุยกันได้ แต่จ่อเรียกสื่อทีวี-วิทยุ-หนังสือพิมพ์ทำความเข้าใจรอบสอง องค์กรสื่อหวังรัฐบาล-ฝ่ายมั่นคงลดโทนแข็ง เดินหน้าบี้ยกเลิกคำสั่งฉบับ 97,103 “สุรพงษ์” เตือน “บิ๊กตู่” ระวังเป็นตัวตลกเวทีโลก ทหาร-ตร.จับแกนนำกลุ่มปฏิรูปที่ดิน โฆษก คสช.อ้างแค่คุมตัวปรับทัศนคติ “ปนัดดา” รู้ทันเกมชิ่งไม่ขอเป็นเหยื่อการเมือง “ไอเดีย” บรรเจิดรื้อฟื้นข้าราชการทำเนียบแต่งชุดกากี ขรก.สลน.ข้องใจสวัสดิการเหลื่อมล้ำ ต้องกู้เงินตัดชุดใหม่ แต่ของสปน.ได้คนละพันบาทฟรีๆ พท.เล็งฟ้อง “บิ๊กตู่-บิ๊กต๊อก” สอบ ป.ป.ช. ดองคดี ปรส.-ประกันข้าว สำนวนสอย 38 ส.ว. ถึง สนช. “กลชัย” ยึด ป.ป.ช.เป็นหลัก ครม. ได้ฤกษ์ใช้ห้อง 501 ประชุม

ตามที่สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ออกแถลงการณ์ขอรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แสดงจุดยืนต่อกรณีสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ซึ่ง พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหมและ ผบ.ทบ. ยืนยันว่าไม่ใช่การแทรกแซง แต่ต้องพูดคุยได้ เพราะบางรายการเริ่มออกนอกกรอบ ทำให้โรดแม็ป คสช.สะดุด

แหล่งที่มา  :  ไทยรัฐ

Reference: ‘บิ๊กโด่ง’ปราม มีสื่อออกนอกกรอบ

ครม.ประยุทธ์ได้ฤกษ์ถกห้องประชุม 501 ครั้งแรก 18 พ.ย.

EyWwB5WU57MYnKOuFIzaZhaZDvR02VeeWAAAF9LO2Gdxz4Xf2XWfMQด้านนายมณฑล สุดประเสริฐ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง เปิดเผยว่า การปรับปรุงห้องประชุม ครม. 501 ตึกบัญชาการ 1 เสร็จสิ้นพร้อมประชุม ครม.แล้ว ส่วนไมโครโฟนที่มีปัญหาได้ยกเลิกถอดไปแล้ว นำไมโครโฟนจากห้องประชุม ครม.เก่า ตึกสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) มาใช้แทน บางตัวที่ชำรุด ซ่อมจนสามารถใช้งานได้ ตนก็หมดปัญหา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุม ครม.วันที่ 18 พ.ย.กล้องcctvถือเป็นการใช้ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ 1 เป็นครั้งแรก ของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ หลังสื่อเสนอข่าวการปรับปรุงซ่อมแซมทำเนียบรัฐบาล พบปัญหาจัดซื้อไมโครโฟนราคาแพงเกินความเป็นจริง จนนายกฯ สั่งให้มีการถอดส่งคืนบริษัท ให้นำไมโครไฟนเดิมติดตั้งแทน และสั่งสอบเรื่องดังกล่าว ทำการจัดซื้อจัดจ้างใหม่ และหลังใช้ตึกสันติไมตรี (หลังใน) เป็นสถานที่ประชุมมาโดยตลอด

ครม.ประยุทธ์ได้ฤกษ์ 18 พ.ย. ประชุม ครม.ห้อง501ครั้งแรก อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง เผยสั่งรื้อไมค์แพงเอาของเก่าซ่อมเสร็จสิ้นแล้ว

วันที่ 16 พ.ย. พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.สั่งการให้ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 18 พ.ย.ใช้ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล เป็นสถานที่ประชุมครม. หลังมีการปรับปรุงแก้ไขจนแล้วเสร็จ ส่วนความคืบหน้าการปรับปรุงตึกบัญชาการ 2 ที่ชั้น 4 ใช้เป็นห้องทำงานทีมโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แทนตึกนารีสโมสร ที่ปรับปรุงเป็นห้องรับรองแขกรัฐบาล คาดแล้วเสร็จในเร็วๆ นี้

แหล่งที่มา  :  ไทยรัฐ

Source: ครม.ประยุทธ์ได้ฤกษ์ถกห้องประชุม 501 ครั้งแรก 18 พ.ย.

วันศุกร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

“ประจิน” ตรวจการบ้าน รฟท. จดมีดผ่าตัดใหญ่เสนอ “คนร.Inches ลุยแก้ปัญหาห้องน้ำไม่สะอาด

EyWwB5WU57MYnKOuFIzZ84YYfCKJZMW24604Fjx5uvJQuJep7i5qFLผู้สื่อข่าวรายงานว่า แผนฟื้นฟู รฟท. ระยะเวลา 10 ปี (ปี 2557-2567) มี 4 แนวทาง อาทิ 1.รัฐลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและรับภาระลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในอดีตทั้งหมด ซึ่งหากรัฐบาลยินยอมจะทำให้ รฟท.มีกำไรก่อนหักภาษีและค่าเสื่อม (อีบิทด้า) เป็นบวกที่ 163 ล้านบาท ในปีที่ 6 หรือปี 2562 แต่ยังไม่มีกำไรในระยะ 10 ปีของแผนฟื้นฟู 2.รัฐรับภาระตามแนวทางที่ 1 บวกกับรับภาระการขาดทุนสะสมจากการดำเนินงานภาระบำนาญ ทำให้มีอีบิทด้า 163 ล้านบาทในปีที่ 6 แต่ครบ 10 ปี จะยังขาดทุน 2,400 ล้านบาทนอกจากนี้ ยังจะติดตามการปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวก ความสะอาด การให้บริการของรถไฟให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะการแก้ปัญหาห้องน้ำบนขบวนรถไฟ รวมถึงตามสถานีต่างๆ ให้สะอาดหลังจากที่ผ่านมามักมีการร้องเรียน ปัญหาเรื่องความสะอาดเข้ามามาก รวมทั้งติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาจุดตัดทางรถไฟกับถนน ที่เกิดอุบัติเหตุขึ้นบ่อยครั้งด้วย ขณะที่การแก้ไขปัญหารถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิ้งค์ตนจะเดินทางไปตรวจเยี่ยมในวันที่ 20 พ.ย.นี้ จากนั้นจะเดินทางไปท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินโครงการงานของหน่วยงานทางอากาศ เช่น บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) และบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เป็นต้นพล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ในวันที่ 15 พ.ย.นี้ จะมีการประชุมติดตามการดำเนินงานของการรถไฟแห่งประเทศ (รฟท.) ที่มีหลายเรื่องจะต้องให้ได้ข้อสรุป อาทิ การจัดทำรายละเอียดแผนฟื้นฟูกิจการของ รฟท. ภายหลังคณะกรรมการนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ (คนร.) หรือซุปเปอร์บอร์ด เห็นว่ายังขาดทิศทางการดำเนินงานในอนาคตที่ชัดเจน จึงสั่งให้ไปจัดทำรายละเอียดใหม่ เพื่อนำเสนอให้ คนร.โดยเร็วที่สุด

แหล่งที่มา    :  ไทยรัฐ

Source: “ประจิน” ตรวจการบ้าน รฟท. จดมีดผ่าตัดใหญ่เสนอ “คนร.Inches ลุยแก้ปัญหาห้องน้ำไม่สะอาด