การเลือกกล้องวงจรปิดแบบมีสายหรือไร้สาย (wired or wireless cameras)

(ภาพตัวอย่างการใช้งานกล้องวงจรปิดแบบไร้สาย โดยในภาพจะมีเครื่องมือแปลงพลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานไฟฟ้าอีกด้วย)
หากแบ่งกล้องวงจรปิดออกเป็นสองกลุ่มหลักคือแบบมีสายกับแบบไร้สาย กล้องcctvแบบมีสายนั้นเมื่อใช้งานแล้วจะให้ภาพที่กว้างมากกว่ากล้องแบบไร้สายและคุณภาพของภาพนั้นจะมีความต่างกันอย่างชัดเจน และคุณภาพความชัดของภาพเคลื่อนไหวที่ถ่ายออกมานั้นจะมีความคมชัดกว่ามาก แถมในบางครั้งกล้องแบบไร้สายอาจให้ข้อมูลที่ผิดพลาด อีกทั้งยังมีความไม่สะดวกที่จะต้องชาร์จพลังงานให้กับตัวกล้องอีกด้วย
เมื่อเปรียบเทียบกันในเรื่องความน่าเชื่อถือและคุณภาพของวงจรปิด ย่อมต้องเลือกกล้องcctvแบบมีสาย โดยตัวกล้องจะสามารถส่งข้อมูลไปยังเครื่องบันทึกวิดีโอแบบดิจิตอล หรือ DVR ได้โดยตรง และใช้เพียงสายเคเบิลเส้นเดียวส่งคำสั่งจาก DVR ข้อมูลไปยังกล้องแต่ละตัวได้ โดยสายเคเบิลที่ใช้มักจะเป็น RG-59 Siamese cable ซึ่งคุณสามารถสั่งการทำงานของกล้องผ่านสายเคเบิลในระยะทางถึง 800 ฟุต หรือประมาณ 240 เมตร ซึ่งถือเป็นระยะทางที่ไกลมากเมื่อเทียบกับการสั่งงานผ่านกล้องวงจรปิดในรูปแบบไร้สาย
หากคุณต้องการทำงานกับกล้องแบบมีสายในระยะทางที่ไกลกว่านั้นคุณจำต้องเปลี่ยนชนิดของสายเคเบิลเป็นแบบ CAT5 cable และต้องมีอุปกรณ์สำหรับขยายสัญญาณไฟฟ้าให้มีกำลังสูงขึ้นอีกด้วย แต่เชื่อเถอะว่าการทำงานในระยะ 240 นั้นถือว่าเพียงพอแล้วสำหรับการใช้งานทั่วไป อย่างไรก็ตามในปัจจุบันนี้ต้องขอแนะนำกล้องวงจรปิดแบบมีสายเพราะคุณภาพการทำงานถือว่าดีกว่าวงจรปิดแบบไร้สายมาก ทำให้คุณสามารถวางใจในระบบรักษาความปลอดภัยมากขึ้นตามไปด้วย

Source: การเลือกกล้องวงจรปิดแบบมีสายหรือไร้สาย (wired or wireless cameras)

การเลือกขนาดของเลนส์กล้องวงจรปิด

เลนส์ของกล้องวงจรปิดมีผลอย่างมากต่อความคมชัดของภาพที่ปรากฏบนจอภาพ การเลือกใช้เลนส์นั้นต้องพิจารณาตั้งแต่ความยาวโฟกัส ระยะโฟกัสของเลนส์กับมุมการมองเห็น และขนาดของเลนส์

ความยาวโฟกัส (Focal length) คือระยะจากเลนส์ถึงจุดที่แสงหักเหมาตัดกัน เมื่อแสงเดินทางมาจากวัตถุ หรือระยะจากจุดกึ่งกลางเลนส์ถึงจอรับภาพ ซึ่งภาพจะชัดเจนที่สุดเมื่อเลนส์จับภาพวัตถุในระยะที่ไกลที่สุด หรือระยะอนันต์

ความยาวโฟกัสมีผลกับ 1. องศาการมองเห็นภาพ หรือ Angle of view หรือพื้นที่ในการรับภาพ เลนส์ความยาวโฟกัสแต่ละอันจะให้องศาในการรับภาพไม่เท่ากัน เลนส์ที่มีความยาวโฟกัสสั้นกว่าจะมีพื้นที่การมองเห็นภาพกว้างกว่า 2.ความผิดเพี้ยนของภาพ โดยเลนส์ที่มีความยาวโฟกัสสั้นกว่าจะให้สัดส่วนของวัตถุผิดเพี้ยนมากกว่า เช่น เลนส์ 3.6 มม. จะให้ภาพวัตถุออกแนวโค้งๆ วัตถุที่อยู่ใกล้ก็อาจจะดูบวมกว่าความเป็นจริง มากกว่าเลนส์ 4 มม. เป็นต้น 3. ระยะชัดลึกของภาพ หรือ Depth of field คือระยะไกลสุดที่สามารถมองเห็นภาพได้ชัดตลอด เลนส์ที่มีความยาวโฟกัสสั้นกว่า จะมีระยะชัดลึกของภาพน้อยกว่า เช่น เลนส์ 4 มม. จะมีระยะชัดลึกน้อยกว่าเลนส์ 8 มม. หรือก็คือ เลนส์ 8 มม. จะมองภาพได้ไกลกว่าเลนส์ 4 มม.

ความยาวโฟกัสแบ่งได้ 2 ชนิดหลักๆ คือ

1.ความยาวโฟกัสคงที่ (Fixed Focal Length) มีอยู่ด้วยกันหลายขนาด เช่น 8.0 ม.ม. (สำหรับ CCD ขนาด 1/3 นิ้ว) 12 ม.ม. (สำหรับ CCD ขนาด 1/2 นิ้ว) 16 ม.ม. (สำหรับ CCD ขนาด 2/3 นิ้ว) เป็นต้น การเลือกใช้เลนส์ที่มีความยาวโฟกัสคงที่นี้ ควรเลือกใช้ตามความต้องที่จะได้ขนาดของภาพ

ความยาวโฟกัสจะมีความ สัมพันธ์กับมุมมองภาพ ความยาวโฟกัสที่มีค่าตัวเลขมาก มุมมองภาพจะแคบ ความยาวโฟกัสที่มีค่าตัวเลขน้อย มุมมองภาพจะกว้าง

2.ความยาวโฟกัสปรับได้ (Variable Focal Length) ยังแบ่งออกได้ ซึ่งมีแบบปรับด้วยมือ (Manual Zoom) หรือ ปรับขนาดภาพด้วยมอเตอร์ (Motorized Zoom) ซึ่งความยาวโฟกัสที่ปรับระยะแบบอัตโนมัติ จะมีมอเตอร์ทำหน้าที่ เปิด-ปิดม่านแสงของเลนส์

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทางบริษัทกล้องวงจรปิดส่วนมากจะดำเนินการเปลี่ยนเลนส์กล้องวงจรปิดให้ดูในหน้างานเพื่อความต้องการของท่าน

Source: การเลือกขนาดของเลนส์กล้องวงจรปิด

การดูภาพกล้องวงจรปิดออนไลน์

ในปัจจุบันกล้องวงจรปิดมีการพัฒนาเทคโนโลยีไปอย่างมาก เพื่อรองรับความต้องการของตลาดและเพื่อให้มีการรองรับจากเทคโนโลยีใหม่ ๆ จากปัจจุบัน หนึ่งในเทคโนโลยีที่มีการพัฒนา คือ การดูภาพจากกล้องวงจรปิด cctv ออนไลน์ โดยดูภาพโปรแกรมดูภาพกล้องของยี่ห้อนั้น ๆ ในสมันก่อนนั้น กล้องcctv จะดูได้แค่จากจอโทรทัศน์และต้องเดินสายเพื่อเชื่อต่อตัวเครื่องบันทึกภาพมีที่จอโทรทัศน์จึงจะสามารถดูได้ ทำให้เมื่อเวลาเราออกไปนอกบ้านหรือต่างจังหวัด ทำมห้เราไม่สามารถดูการเคลื่อนไหวในสถานที่ที่เราติดกล้องได้เลย ทำให้เมื่อมีเหตุร้ายเกิดขึ้นเราจะไม่รู้ตัว ถ้าสมมคติอยากจะดูเหตุการณ์ก็ต้องกลับไปดูที่ที่เราติดกล้อง และต้องดูตั้งแต่ต้นจบจบ ทำให้เสียเวลาอย่างมาก

แต่ในปัจจุบันการดูภาพจากcctvไม่ได้ยากเหมือนสมัยก่อนอีกต่อไป เพราะการดูภาพจากcctvสามารถดูผ่านอินเตอร์เน็ตได้แล้ว ขอให้สถานที่ที่เราติดกล้องมีอินเตอร์เน็ต เราก็สามารถเซ็ตระบบเพื่อให้กล้องดูผ่านอินเตอร์เน็ตได้ ยิ่งกว่านั้น ถ้าเราใช้โทรศัพท์แบบสมาทร์โฟนหรือแท็บเล็ต เช่น iPhone iPad หรือ สมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการ Android หรือระบบปฏิบัติการอื่น ๆ ก็สามารถดูภาพจากกล้องได้เหมือนกัน ซึ่งบริษัทกล้องวงจรปิดแต่ละเจ้านั้น จะมีโปรแกรมการดูภาพจากกล้องแตกต่างกันไป แต่หลักการทำงานจะคล้าย ๆ กันหมด



ต่อจากนี้ไปไม่ว่าเราจะไปที่ไหน นอกบ้าน ต่างจังหวัด หรือ ต่างประเทศ เราก็สามารถดูภาพจากกล้องได้จากทั่วทุกมุมโลก ขอแค่ในสถานที่ที่เราไปมีอินเตอร์เน็ตก็จะสามารถดูภาพจากกล้องcctvได้แล้วค่ะ

Source: การดูภาพกล้องวงจรปิดออนไลน์

กล้องไอพีคืออะไร

อะไรคือกล้องวงจรปิดชนิดกล้องไอพี (IP CCTV)

กล้องวงจรปิด(กล้องไอพี) IP CCTVนั้นต่างจากกล้องอนาล็อค ตรงที่ให้ความแม่นยำของภาพที่ได้จากกล้องวงจรปิดได้แม่นยำสูงโดยเฉพาะราย ละเอียดที่ของพิกเซล ที่มีขนาด 1 ล้านพิกเซลเป็นอย่างต่ำ จึงมีคุณภาพดีกว่ากล้องวงจรปิดแบบอนาล็อคหลายเท่าตัว ถึงแม้ว่าราคาแพงกว่าเมื่อเทียบกับชนิดของอนาล็อค

โดยในอนาคต กล้องวงจรปิด IP CCTVจะได้รับความนิยมมากขึ้นด้วย เพราะใน 1-2 ปีนี้ตลาดเริ่มมีการซื้อและการนำเสนอให้กับลูกค้ามากขึ้น นั่นเป็นเพราะว่ากล้องวงจรปิดแบบอนาล็อคนั้นภาพไม่ได้คุณภาพเท่าที่ควร ซึ่งบางครั้งภาพที่ได้อาจจะไม่สามารถนำไปเรียกร้องค่าเสียหาย หรือไม่สามารถนำไปดำเนินคดีทางกฎหมายได้ ลูกค้าจึงต้องมองหาตัวเลือกใหม่ ๆ ที่ตอบสนองความต้องการได้ดีกว่ากล้องอนาล็อค

การทำงานของกล้องไอพี IP CCTV นั้นจะทำงานผ่านเครือข่ายทั้งมีสายและไร้สาย ทำให้ง่ายและลดเวลาในการติดตั้งไปเยอะ ซึ่งใช้แค่เลข IP เท่านั้นง่ายต่อการดำเนินการหรือติดตามประเมิลผล เพราะว่าสามารถเช็คเส้นทางกาเนของสายสัญญาณได้ วีการดูภาพก็สามารถดูได้จากคอมพิวเตอร์ทั้งแบบ PC และ Notebook โดยใช้ IP เป็นตัวกำหนดในการช่วยจัดการเครือข่าย หากว่าใช้ Video IP ร่วมด้วย ก็จะได้ในลักษณะที่เป็นการตรวจจับการเคลื่อนไหวของผู้บุกรุก ซึ่งจะส่งสัญญาณเข้าไปยังโทรศัพท์ หรือ Email ที่ลงทะเบียนไว้แล้วแต่อุปกรณ์การทำงาน ซึ่งระบบจะเชื่อมต่อกันในลักษณะของ IP นั่นเอง ดังนั้นจึงเป็นกล้องวงจรปิด IP CCTV ที่มีคุณภาพมากทั้งภาพและเทคโนโลยีที่ดีกว่ากล้องวงจรปิดแบบอนาล็อค

Source: กล้องไอพีคืออะไร