แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ กล้องcctv แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ กล้องcctv แสดงบทความทั้งหมด

วันอาทิตย์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ครม.ประยุทธ์ได้ฤกษ์ถกห้องประชุม 501 ครั้งแรก 18 พ.ย.

EyWwB5WU57MYnKOuFIzaZhaZDvR02VeeWAAAF9LO2Gdxz4Xf2XWfMQด้านนายมณฑล สุดประเสริฐ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง เปิดเผยว่า การปรับปรุงห้องประชุม ครม. 501 ตึกบัญชาการ 1 เสร็จสิ้นพร้อมประชุม ครม.แล้ว ส่วนไมโครโฟนที่มีปัญหาได้ยกเลิกถอดไปแล้ว นำไมโครโฟนจากห้องประชุม ครม.เก่า ตึกสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) มาใช้แทน บางตัวที่ชำรุด ซ่อมจนสามารถใช้งานได้ ตนก็หมดปัญหา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุม ครม.วันที่ 18 พ.ย.กล้องcctvถือเป็นการใช้ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ 1 เป็นครั้งแรก ของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ หลังสื่อเสนอข่าวการปรับปรุงซ่อมแซมทำเนียบรัฐบาล พบปัญหาจัดซื้อไมโครโฟนราคาแพงเกินความเป็นจริง จนนายกฯ สั่งให้มีการถอดส่งคืนบริษัท ให้นำไมโครไฟนเดิมติดตั้งแทน และสั่งสอบเรื่องดังกล่าว ทำการจัดซื้อจัดจ้างใหม่ และหลังใช้ตึกสันติไมตรี (หลังใน) เป็นสถานที่ประชุมมาโดยตลอด

ครม.ประยุทธ์ได้ฤกษ์ 18 พ.ย. ประชุม ครม.ห้อง501ครั้งแรก อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง เผยสั่งรื้อไมค์แพงเอาของเก่าซ่อมเสร็จสิ้นแล้ว

วันที่ 16 พ.ย. พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.สั่งการให้ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 18 พ.ย.ใช้ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล เป็นสถานที่ประชุมครม. หลังมีการปรับปรุงแก้ไขจนแล้วเสร็จ ส่วนความคืบหน้าการปรับปรุงตึกบัญชาการ 2 ที่ชั้น 4 ใช้เป็นห้องทำงานทีมโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แทนตึกนารีสโมสร ที่ปรับปรุงเป็นห้องรับรองแขกรัฐบาล คาดแล้วเสร็จในเร็วๆ นี้

แหล่งที่มา  :  ไทยรัฐ

Source: ครม.ประยุทธ์ได้ฤกษ์ถกห้องประชุม 501 ครั้งแรก 18 พ.ย.

วันพฤหัสบดีที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2557

คำอธิบายศัพท์สิ่งคุณประโยชน์ ip ของกล้องcctv

เนื่องจากณเดี๋ยวนี้โลกเรานั้นได้มีการหมุนเปลี่ยนและเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาและทำให้เกิดสิ่งใหม่ขึ้นมาทดแทนสิ่งเก่าๆโดยมีเทคโนโลยีขึ้นมาทำการแปรผันสิ่งเหล่านั้น ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ เทคโนโลยีด้านกล้องcctvนั้นเอง ที่ได้มีการเพิ่มพูนมาอย่างไม่มีสิ้นสุดจากอดีตที่ไม่อาจเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ จะต้องดูผ่านจอมอนิเตอร์ หรือจอภาพต่างๆนั้นเอง แต่ด้วยเทคโนโลยีที่ได้เข้ามานั้นจะทำให้สามารถดูภาพกล้องcctvได้ทุกที่แม้อยู่บนส่วนไหนของโลกแต่พื้นที่นั้นจะต้องมีอินเตอร์เนตไว้ทำการเชื่อมต่อเข้าสัญญาณของกล้องcctvนั่นเอง แถมทั้งยังจะสามารถปรับเปลี่ยนมุมกล้องได้เองอีกด้วย เพราะฉะนั้นแล้วความสะดุดตาและความหลากหลายของเทคโนโลยีจึงส่วนสำคัญเป็นอย่างมากสำหรับการเปลี่ยนแปลงของกล้องวงจรปิด แต่ถึงอย่างนั้นแล้วหากเราต้องการที่จะเลือกซึ่งกล้องวงจรปิดซักตัวแล้วควรที่จะเลือกให้เหมาะสมกับหน้าที่และงานที่ใช้เพื่อที่จะทำให้กล้องวงจรปิดของเรานั้นทำการใช้งานให้เกิดสมรรถนะสูงสุด และเหนือสิ่งอื่นใดที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับการเลือกซื้อกล้องวงจรปิดนั้นก็คือ การได้รับการรับลองจากสถาบันต่างๆ รวมไปถึงคุณภาพของตัวกล้องนั่นเอง และถึงอย่างนั้นเราควรที่มองหาเลข ไอพีเพื่อที่จะคอยตรวจเช็คดูว่าคุณภาพของกล้องเรานั้นมีความเก่าแก่อยู่ที่ระดับอะไรนั่นเอง การดูเลขไอพีนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญมากในการเลือกซื้อตัวกล้องวงจรปิด ควรที่จะเลือกที่มีประสิทธิภาพในการทำงาน เพราะเลขไอพีนั้นจะบอกได้ว่ากล้องวงจรปิดของเรานั้นจะสามารถทนได้กับสถานการณ์อย่างไรจึงทำให้เลขไอพีเป็นส่วนสำคัญและวิธีการที่จะดูเลขไอพีนั้นมีหลักง่ายๆคือ จะมีเลขอยู่ 2 หลัก และเลขในหลักระดับที่ 1 นั้นจะเริ่มจาก 0 ไปถึง 6 โดยจะเลข 0 นั้นจะเป็นตัวบ่งบอกว่าไม่สามารถป้องกันอะไรได้เลยและเลขต่อๆไปนั้นจะค่อยๆเพิ่มระดับความสามารถในการป้องสถานการณ์เพิ่มขึ้นไปตามลำดับจนถึงเลข 6 ต่อไปเป็นหลักที่ 2 นั้นจะมีเลขตั้งแต่ 0 ไปจนถึง 8 และก็จะมีระบบเหมือนกันกับเลขหลักแรก โดยเลข 0 จะเริ่มจะไม่มีการป้องอะไรเลย แต่อันดับต่อไปจะคอยเพิ่มขีดความสามารถในการป้องกันตามเป็นอันดับเพราะฉะนั้นแล้วหากเลข IP68 ก็จะมีความหมายที่ว่าสามารถป้องกันฝุ่นและสามารถทนต่อน้ำได้นั่นเอง


ข่าวจาก:BIOGAS-ALPE-ADRIA.COM

วันจันทร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2557

นายกฯ เร่งสั่งการ ทำทางขึ้น-ลงเอื้อผู้พิการสายตา

EyWwB5WU57MYnKOuFHKwlTYa1pypEldiok80ulotvyTJp6nyi3vNZuทั้งนี้ตัวแทนชมรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนตาบอด ได้ขอให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาเร่งทำทางขึ้นลงและเส้นทางให้กับผู้พิการด้วย ซึ่งพลเอกประยุทธ์ได้รับปาก โดยระบุว่าจะเร่งพิจารณาให้เพราะเป็นห่วงอยู่แล้ว

จากนั้น ผู้สื่อข่าวพยายามจะถามว่าดีใจหรือไม่ ที่ชาวนาทั่วประเทศต่างขอบคุณรัฐบาลที่มอบเงินช่วยเหลือไร่ละ 1,000 บาท ซึ่งนายกรัฐมนตรี เพียงแต่ยิ้มพยักหน้าและเดินเข้าประชุมครมกล้องcctv โดยไม่ได้ตอบคำถามกับสื่อมวลชนผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ก่อนการประชุมครม.ในเวลา 09.00 น.ที่ตึกสันติไมตรี นายกรัฐมนตรีได้รับมอบช่อดอกไม้จาก นายพัฒน์ธนชัย สระกวี ประธานชมรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนตาบอดแห่งประเทศไทย เพื่อมอบเข็มที่ระลึก เนื่องในวันไม้เท้าขาวสากล ประจำปี 2557 ที่ตรงกับวันที่ 15 ต.ค. ของทุกปี เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ความสำคัญในการใช้ไม้เท้าซึ่งเป็นเครื่องมือนำทาง ของคนพิการประเภทความพิการทางสายตา และให้ตระหนักนักถึงความสำคัญต่อการส่งเสริม และพัฒนาการสร้างความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมและการเคลื่อนไหวเพื่อการดำรง ชีวิตอิสระของคนพิการทางสายตาด้วยเมื่อเวลา 08.03 น. วันที่ 21 ต.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เดินทางมาถึงทำเนียบรัฐบาล เพื่อเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี โดยในวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้สวมชุดผ้าไหมทรงพระราชทานสีเทา ขณะที่รัฐมนตรีคนอื่นๆ ที่ต่างก็สวมชุดผ้าไหมทรงพระราชทานเพื่อเข้าร่วมประชุม คณะรัฐมนตรี อย่างพร้อมเพรียง

แหล่งที่มา  :  ไทยรัฐ

Source: นายกฯ เร่งสั่งการ ทำทางขึ้น-ลงเอื้อผู้พิการสายตา

สั่งสอบด่วนเหตุเรือชนที่จ.กระบี่

860139นายจุฬา สุขมานพ อธิบดีกรมเจ้าท่า กล่าวว่าขณะนี้รองอธิบดี ด้านความปลอดภัย ได้ลงพื้นที่เกิดเหตุเพื่อตรวจสอบและสรุปหาสาเหตุที่เกิดขึ้นโดยสาเหตุ เบื้องต้นเกิดจากผู้ขับเรือ ซึ่งยอมรับว่าปัญหาความประมาทของคนขับเรือ กรมยังไม่มีเจ้าหน้าที่ดูแลเพียงพอแต่ในส่วนของการควบคุมใบอนุญาตได้มีการ กวดขันอยู่แล้ว สำหรับมาตรการดูแลเพิ่มเติมคือการบังคับให้เรือขนาด40ที่นั่งขึ้นไปกล้องcctv ต้องกำหนดให้ผู้โดยสารต้องสวมชูชีพไม่เช่นนั้นไม่อนุญาตให้ออกเรืออย่างเด็ด ขาดและจะตรวจสอบมาตรฐานของชูชีพด้วย“ที่ผ่านมีการควบคุมเรื่องการสวมชูชีพเฉพาะเรือขนาดเล็กแต่หลังจากนี้จะ คุมไปถึงเรือขนาดใหญ่ด้วยเพราะการสวมชูชีพจะมีผลต่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร โดยตรง”

พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม  เปิดเผยถึงกรณีเรือสปีดโบ๊ท ชนเรือประมงลากอวนที่จังหวัดกระบี่ว่า   ขณะนี้ได้สั่งการให้นายจุฬา สุขมานพ อธิบดีกรมเจ้าท่าลงพื้นที่ตรวจสอบและรวบรวมรายละเอียดของการเกิดเหตุการณ์ใน ครั้งนี้ว่ามีสาเหตุมาจากอะไร รวมถึงดูว่าผู้ให้บริการเรือปฏิบัติตามเงื่อนไขของกฎระเบียบของกรมจ้าท่าใน การให้บริการผู้โดยสารหรือไม่ทั้งในส่วนคนขับเรือ ผู้โดยสารเรือเกินมาตรฐานกำหนดหรือไม่ หรือมีเสื้อชูชีพให้บริการเพียงพอหรือไม่

“ได้กำชับให้กรมเจ้าท่าตรวจสอบอย่างละเอียด เพราะถือเป็นมาตรฐานการเดินเรือเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นอีก ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าคนขับเรือประมาทนั้นในเรื่องนี้ถือเป็นเรื่อง อุบัติเหตุที่ไม่มีใครต้องการให้เกิดขึ้น แต่ได้สั่งกำชับให้ตรวจสอบอย่างละเอียดให้เป็นไปตามมาตรฐานของการให้บริการ เพราะเมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นก็ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวได้”

แหล่งที่มา  :  เดลินิวส์

Source: สั่งสอบด่วนเหตุเรือชนที่จ.กระบี่

วันเสาร์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2557

สายใยแก้วน้ำชี้นำแสงแวบ(Fiber Optic)

ปัจจุบันมีการนำสายใยแก้วมานำสัญญาณกล้องวงจรปิด กันมากขึ้นเนื่องจากที่มามากมายชนิดไม่ว่าจะเป็นการตกของสัญญาณภาพรวมถึงรับส่งข่าวสารที่ไม่เพียงพอสายใยแก้วนำแสง(Fiber Optic) เป็นสายนำสัญญาณคุณภาพสูงสุดในสมัยปัจจุบันนี้ โดยจะเป็นระบบการส่งสัญญาณที่เร็วที่สุด และเนื่องจากปัจจุบันต้นทุนในการวางระบบมีราคาที่ถูกลงมากเมื่อเปรียบเทียบพร้อมทั้งเพรงนี้ จึงมีการนำมาใช้งานกันอย่างแพร่หลาย เช่นการนำสายใยแก้วมาใช้ในการส่งทิวทัศน์วิทยุโทรภาพหรือที่เรียกกันว่าเคเบิ้ลท้องถิ่น หรือไม่ว่าระบบกล้องวงจรปิด CCTV IP camera ก็ตามแต่ที่คนส่วนมากคิดถึงเป็นอันดับแรกก็ต้องเป็น ระบบเน็ทเวิร์ก(LAN)
หลักการทำงานของสายใยแก้วนำแสง
    สายใยแก้วนำแสง(Fiber Optic) คือ ล่าช้าชี้นำสัญญาณข้อมูลที่ใช้หลักการทางแสงกล่าวคือ ใช้สัญญาณข้อมูลที่อยู่ในรูปของคลื่นแสง ส่วนตัวแก้วนำแสงอาจจะผลิตจากแก้วหรือพลาสติกโดยสัญญาณข้อมูลจะถูกเปลี่ยนเป็นคลื่นแสงแล้วจึงส่งให้ทัศนาจรสะท้อนภายในสายใยแก้วเรื่อยไปจนถึงผู้รับที่ปลายทาง สายใยแก้วมีคุณสมบัติที่ดีกว่าสายทั่วไปหลายประการ เช่น มีขนาดเล็ก ส่งข้อมูลได้รวมเร็วและครั้งล่ะมากๆ สัญญาณข้อมูลที่ส่งไม่มีคลื่นคอยลบกวน แต่ก็มีข้อเสียเช่นกัน เช่น เมื่อสายใยแก้วขาดหักงอหรือแตกหัก จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ในการเชื่อมต่อที่แพงมาก และยากหลายกล่าวคือมีค่าใช้จ่ายสูงในการซ่อมแซมกว่าสายประเภทอื่น ๆ
    สรุปสายใยแก้วนำแสงคือแท่งแก้วใส ๆ และข่าวสารตำแหน่งส่งตัดผ่านล่าช้าจะถูกเปลี่ยนจากข้อมูลปกติให้เป็นแสง โดยใช้อุปกรณ์ที่เรียกกันว่า Converter หลักจากนั้นจนกระทั่งแม้ว่าส่วนล่างทิศ จำเป็นจะต้องใช้อุปกรณ์ Converter อีกชุดเพื่อเปลี่ยนสัญญาณกับมาเป็นแบบเดิมอีกครั้ง
สายใยแก้วนำแสงได้ถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทดังนี้
Singlemode Fiber Optic
    เป็นการใช้ตำนำแสงที่บีบอัดลำแสงให้พุ่งตรงไปยอมท่อแก้วขนาดศนย์กลางของแกนแท่งและ Cladding คือ ประมาณ 9 ไมครอนโดยมี Cladding ขนาด 125 ไมครอน และมีการเล็กน้อยแสงแวบออกทางด้านข้างน้อยมาก ซิงเกิลโหมดจึงเป็นสายใยแก้วนำแสง ที่มีกำลังสูญเสียทางแสงน้อยที่สุด เหมาะกับการใช้ในระยะทางไกล ๆ เช่น เดินทางระหว่างประเทศ ระหว่างเมือง มักจะใช้แบบซิงเกิลโหมด
Multimode Fiber Optic
    หลัก ๆ ก็มีแยกออกอีกตามขนาดแกนกลางของแกนแท่งและ Cladding คือ โดยประมาณ 50 ไมครอน โดยมี Cladding ขนาด 125 ไมครอน หลักการทำงานก็ไม่ยาก คือสัญญาณจะวิ่งสลับกันเป็นฟันปลาส่งสัญญาณออกเป็นกลุ่ม ทำให้ได้ความหนาแน่นของสัญญาณหลายกระทั่งแบบซิงเกิลโหมดแต่ได้ระยะทางที่น้อยกว่า
    สรุปง่าย ๆ คือถ้าชุดการย่ำเดินล่าช้ากล้องวงจรปิด ip camera เกิน 500 เมตร จะใช้แบบ Singlemode แต่ถ้าระยะสายต่ำกว่านิยมใช้สายแบบ Multimode  เพราะราคาของอุปกรณ์ถูกกว่า
ชนิดของสาย Fiber Optic กับการใช้าน
    ใช้งานภายในอาคาร (Indoor Type)
จะมีโครงสร้างแบบ Tight Buffer และมีเปลือกหุ้ม (Jacket) เป็น PVC ทำให้มีข้อความผ่อนปรนในการติดตั้งมากขึ้นในการติดตั้งกล้องวงจรปิด
    ใช้งานภายนอกอาคาร (Outdoor Type)
จะมีโครงสร้างแบบ Loose Tube และมีเปลือกหุ้ม (Jacket) เป็น PE ทำให้มีข้อความแน่นหนามากขึ้น โดยโครงสร้างสายจะขึ้นอยู่กับการใช้งานนั้น

วันพุธที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2557

กสทช.ลุยให้คูปองหมู่คนแออัด2.8ล้านครอบครัว

กสทช.เทงบอีก 2,000 ล้านบาท ยื่นให้คูปองสนับสนุนการรับชมทีวีดิจิตอลให้ผู้ที่พักอาศัยในชุมชนแออัด เพิ่มอีก 2.8 ล้านครัวเรือน ขณะที่ ล่าสุดคูปองถึงมือประชาชนแล้ว 1.6 ล้านฉบับ จากยอด 4.6 ล้านฉบับ

เมื่อวันที่ 15 ต.ค.2557 นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะผู้ชี้ขาดกิจจานุกิจกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ กสทช. วานนี้ (14 ต.ค.) มีมติอนุมัติการแจกคูปองเพิ่มอีกอย่างน้อย 2.8 ล้านครัวเรือน ให้กับกลุ่มชุมชนแออัดที่ไม่มีสำมะโนครัวในกรมการปกครอง หรือ มีบ้าน แต่ไม่มีบ้านเลขที่ โดยจะใช้งบประมาณครั้งนี้ 2,000 ล้านบาท

เลขาธิการ กสทช. กล่าวต่อว่า หลังจากได้รับการร้องเรียนจากกลุ่มชุมชนแออัดที่เป็นกลุ่มตกสำรวจ จึงได้ขยายการแจกคูปองเพิ่ม โดยสามารถมาลงทะเบียนยืนยันสิทธิ์ และ กสทช. จะร่วมกับการปกครองในการตรวจสอบที่แล้วจะอนุมัติโดยคาดว่าจะเริ่มแจกได้ภายใน เดือนพฤศจิกายน รวมทั้งสิ้น 16.9 ล้านครัวเรือน

นายฐากร กล่าวด้วยว่า คณะกรรมการ กสทช. ยังได้อนุมัติโด่กลุ่มผู้ชี้ขาดตรวจสอบการแจกคูปอง โดยจะเชิญสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค และองค์กรคุ้มครองผู้บริโภคต่างๆ เข้าร่วมการตรวจสอบ เพื่อยืนยันว่าการแจกคูปองไม่มีการทุจริตขณะที่ ล่าสุดคูปองถึงมือประชาชนแล้ว 1.62 ล้านฉบับ จากยอดที่จัดส่งล็อตแรก 4.65 ล้านฉบับ นอกจากนี้ ยังอนุมัติให้คณะกรรมการ กสทช. ลดดูงานต่างประเทศลงมากกว่าร้อยละ 50 ในปี 2558  โดยยกเลิกการฝึกอบรมและสัมมนาในต่างประเทศ เหลือเพียงการเข้าร่วมประชุมกับองค์กรในต่างประเทศเท่านั้น เพราะจะช่วย ประหยัดงบประมาณลง 100 ถึง 200 ล้านบาท.
รับติดตั้งกล้องวงจรปิด กล้องcctv สนใจคลิก http://okamicctv.org

กสทช.ลุยปันออกคูปองชุมชนแออัด2.8ล้านครัวเรือน

กสทช.เทงบประมาณอีก 2,000 ล้านบาท สละคูปองสนับสนุนการรับชมทีวีดิจิตอลให้ผู้ที่พักอาศัยในชุมชนแออัด เพิ่มอีก 2.8 ล้านครัวเรือน ขณะที่ ล่าสุดคูปองถึงมือประชาชนแล้ว 1.6 ล้านฉบับ จากยอด 4.6 ล้านฉบับ...

เมื่อวันที่ 15 ต.ค.2557 นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะผู้ตัดสินธุรกิจกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ กสทช. วานนี้ (14 ต.ค.) มีมติอนุมัติการแจกคูปองเพิ่มอีกอย่างน้อย 2.8 ล้านครัวเรือน ให้กับกลุ่มชุมชนแออัดที่ไม่มีสำมะโนครัวในกรมการปกครอง หรือ มีบ้าน แต่ไม่มีบ้านเลขที่ โดยจะใช้งบประมาณครั้งนี้ 2,000 ล้านบาท

เลขาธิการ กสทช. กล่าวต่อว่า หลังจากได้รับการร้องทุกข์จากกลุ่มชุมชนแออัดที่เป็นกลุ่มตกสำรวจ จึงได้ขยายการแจกคูปองเพิ่ม โดยสามารถมาลงทะเบียนยืนยันสิทธิ์ และ กสทช. จะร่วมกับการปกครองในการตรวจสอบเดิมจะอนุมัติโดยคาดว่าจะเริ่มแจกได้ภายใน เดือนพฤศจิกายน รวมทั้งสิ้น 16.9 ล้านครัวเรือน

นายฐากร กล่าวด้วยว่า คณะกรรมการ กสทช. ยังได้อนุมัติจัดตั้งขึ้นฝ่ายผู้ตัดสินตรวจสอบการแจกคูปอง กล้องวงจรปิดโดยจะเชิญสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค และองค์กรคุ้มครองผู้บริโภคต่างๆ เข้าร่วมการตรวจสอบ เพื่อยืนยันว่าการแจกคูปองไม่มีการทุจริตขณะที่ ล่าสุดคูปองถึงมือประชาชนแล้ว 1.62 ล้านฉบับ จากยอดที่จัดส่งล็อตแรก 4.65 ล้านฉบับ นอกจากนี้ ยังอนุมัติให้คณะกรรมการ กสทช. ลดดูงานต่างประเทศลงมากกว่าร้อยละ 50 ในปี 2558  โดยยกเลิกการฝึกอบรมและสัมมนาในต่างประเทศ เหลือเพียงการเข้าร่วมประชุมกับองค์กรในต่างประเทศเท่านั้น เพราะจะช่วย ประหยัดงบประมาณลง 100 ถึง 200 ล้านบาท.
รับติดตั้งกล้องวงจรปิด กล้องcctv สนใจติดต่อไดที่ http://okamicctv.org

วันอังคารที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2557

นักบินลุฟต์ฮันซาเตรียมสไตรค์ครั้งใหม่

847869ขณะที่ผู้บริหารของลุฟต์ฮันซาประกาศรับมือด้วยการเตรียมขนส่งสินค้าบาง ส่วนไปพร้อมกับเที่ยวบินโดยสาร และขอความช่วยเหลือจากออสเตรียน แอร์ไลน์ส กล้องcctvซึ่งเป็นหนึ่งในสายการบินภายใต้การบริหารงานของกลุ่มบริษัทลุฟต์ ฮันซาทั้ง นี้ การผละงานที่กำลังจะเกิดขึ้นถือเป็นการประท้วงครั้งที่ 5 ครั้งที่ 5 นับตั้งแต่ปลายเดือนส.ค. โดยครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 ก.ย. สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้โดยสารราว 20,000 คน  โดยสหภาพนักบินยังคงยืนกรานข้อเรียกร้องเรื่องการอนุญาตให้นักบินเกษียณอายุ ก่อนกำหนดได้ที่ 55 ปี และรับค่าตอบแทนร้อยละ 60 จนกว่ากำหนดจ่ายเงินบำนาญจะเริ่มต้น แต่ผู้บริหารยังไม่ยินยอมสำนักข่าวต่าง ประเทศรายงานจากนครแฟรงค์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี เมื่อวันที่ 7 ต.ค. ว่าสหภาพนักบินลุฟต์ฮันซา สายการบินแห่งชาติของเยอรมนี ออกแถลงการณ์เรื่องการผละงานประท้วงครั้งใหม่ในวันพุธนี้ ระหว่างเวลา 03.00 - 22.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น ( 8.00-03.30 น. วันพฤหัสบดีตามเวลาในประเทศไทย ) โดยการประท้วงครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อเที่ยวบินขนส่งสินค้าของลุฟต์ฮันซา ทั้งหมด ที่ออกเดินทางจากสนามบินทุกแห่งในเยอรมนีในวันและเวลาดังกล่าว

แหล่งที่มา  :  เดลินิวส์

Source: นักบินลุฟต์ฮันซาเตรียมสไตรค์ครั้งใหม่

เหนือ-อีสานเริ่มเย็น ใต้ฝนยังตกหนัก

847806สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันจะมีกำลังแรงขึ้นทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและปริมาณฝนที่ตกสะสมต่อ เนื่องกล้องcctv ส่วนชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันควร งดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 7-8 ตุลาคม ไว้ด้วยอนึ่ง หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลอันดามันจะมีกำลังแรงขึ้น โดยมีทิศทางการเคลื่อนตัวไปทางประเทศอินเดียในระยะต่อไป

กรมอุตุนิยมวิทยารายงานว่า บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนได้แผ่ลงมาปกคลุมตอนบนของ ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือแล้ว ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนอุณหภูมิลดลง 2-4 องศาเซลเซียสสำหรับร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคใต้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนเกือบทั่ว ไป และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล

แหล่งที่มา  :  เดลินิวส์

Source: เหนือ-อีสานเริ่มเย็น ใต้ฝนยังตกหนัก

วันอังคารที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2557

เตือนนักวิชาการ

“ประวิตร” ลั่น คสช.เดินมาถูกทางแล้วรัฐบาลต้องเดินตาม เล็งประชุม ร่วมกันทุกเดือน ทำงานแบบคู่ขนาน เสียงแข็งใส่นักวิชาการอย่าล้ำเส้น ยันจัดงานเสวนาต้องมาขอ อนุญาต คสช.ก่อน มอบนโยบายกลาโหมดูแลเข้มด้านความมั่นคง กำชับทำแผนงบประมาณรอบ 3 เดือน เน้นโปร่งใสตรวจสอบได้ นายกฯสั่ง คตร.ไล่เบี้ยตรวจสอบไมค์แพงให้แล้วเสร็จใน 3 เดือน รังนักข่าวส่อโดนทุบสร้างใหม่ หลัง “บิ๊กตู่” มองแล้วไม่เข้ากับสถาปัตยกรรมในทำเนียบฯ รัฐบาลท้าส่งหลักฐานล็อกสเปกเลือก สปช.ระบุถ้ามีจริงพร้อมฟันทันที สนช.จี้ตรวจสอบลดข้อครหา จังหวัดไหนมีปัญหาให้แขวนไว้ก่อน พร้อมแนะเปิดเผยรายชื่อคนผ่านคัดสรรให้สังคมสบายใจ


หลังจากที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ออกมาให้สัมภาษณ์ด้วยอารมณ์ดุดันยืนยันว่าขั้นตอนการคัดเลือกสภาปฏิรูปแห่ง ชาติ (สปช.) ไม่มีการล็อกสเปกตามที่มีการกล่าวหา ล่าสุดยังออกมาปรามการจัดงานเสวนาของนักวิชาการว่าห้ามล้ำเส้น และจะต้องทำการขออนุญาตจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก่อนด้วย


นายกฯสางงานก่อนพ้นตำแหน่ง ผบ.ทบ.


เมื่อเวลา 08.09 น. วันที่ 22 ก.ย. ที่ทำเนียบ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เดินทางเข้าทำงานที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล โดยไม่มีรัฐมนตรี หัวหน้าส่วนราชการคนใดเข้าพบ กระทั่งเวลา 12.00 น.นายกฯเดินทางออกจากทำเนียบฯไปยังกองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) เพื่อสะสางงานในตำแหน่ง ผบ.ทบ.ที่จะเกษียณอายุราชการจากตำแหน่งดังกล่าว ในวันที่ 30 ก.ย.นี้


“ประวิตร” ยันรัฐบาลต้องเดินตาม คสช.


เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 22 ก.ย. ที่กระทรวง กลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมสภา กลาโหม ถึงการประชุมกำหนดนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อทำงานคู่ขนานกับรัฐบาลว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรียังไม่ได้กำหนดว่าจะประชุมเดือนละกี่วัน แต่ยืนยันว่าจะต้องมีแน่นอนเพื่อทำงานคู่ขนานกับรัฐบาล เพราะว่ารัฐบาลชุดนี้ต้องเดินตามนโยบาย คสช. และขณะนี้ คสช. เดินมาได้ถูกต้องและประชาชนก็พอใจ


จัดงานเสวนาต้องขออนุญาตอย่าล้ำเส้น


พล.อ.ประวิตรกล่าวถึงกรณี 60 นักวิชาการ อจ.มหาวิทยาลัยเข้าชื่อแสดงความไม่เห็นด้วยกับการระงับงานเสวนาที่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 18 ก.ย.ที่ผ่านมา ว่า ทุกอย่างต้องทำตามกฎหมาย อย่าให้ล้ำเส้นอะไรทำตามกฎหมายได้ก็ทำ เมื่อถามว่า นักวิชาการเรียกร้องให้เปิดพื้นที่แสดงความคิดเห็น และจัดเสวนา พล.อ.ประวิตรตอบว่า สามารถทำเรื่องไปที่ คสช.เพราะเรื่องเหล่านี้ คสช.จะเป็นผู้กำหนดว่าจะดำเนินการอย่างไร ขอย้ำว่าทุกอย่างดำเนินการตามกฎหมาย เพราะ คสช. ต้องการให้เกิดความสงบสุข และความปรองดอง แต่อะไรที่จะเกี่ยวข้องกับการเมืองคงไม่ได้ เมื่อถามว่า หากนักวิชาการจะเสนอเสวนาวิชาการได้หรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า ทุกเรื่อง คสช.จะประชุมกัน ถ้ามีความชัดเจนทางวิชาการก็ไม่มีใครว่าอะไร


ถกสภากลาโหมปกป้องชาติ–ประชาชน


ต่อมาเวลา 10.00 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมสภากลาโหมครั้งแรกภายหลังได้รับการโปรดเกล้าฯให้ดำรง ตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม โดยมี พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รอง ผบ.ทบ.และ รมช.กลาโหม พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผบ.ทร. พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผบ.ทอ. เข้าร่วมประชุม ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ ผบ.ทบ.รวมถึง พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผบ.ทหารสูงสุด ไม่ได้เดินทางมาร่วมประชุม


พ.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงผลการประชุมสภากลาโหม ครั้งที่ 7/2557 ว่า พล.อ.ประวิตรได้เน้นย้ำแนวทางปฏิบัติงานโดยนำเอาแนวพระราชดำรัสของพระบาท สมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ไปปฏิบัติเพื่อความมั่นคงของประเทศ ชาติ รวมทั้งต้องปกป้องและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างเต็มกำลังความสามารถ อีกทั้งจะสนับสนุนการเสริมสร้างความมั่นคงตามแนวชายแดน เน้นการรักษาอธิปไตย แก้ไขปัญหายาเสพติดและอาวุธสงคราม การลักลอบขนสิ่งของผิดกฎหมายและการหลบหนีเข้าเมือง ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ


สั่งทำแผนใช้งบประมาณรอบ 3 เดือน


พ.อ.คงชีพกล่าวว่า พล.อ.ประวิตรได้เน้นย้ำเรื่องการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับมิตรประเทศ การเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน และให้สื่อต่างๆมีความสำคัญต่อความมั่นคง ขอให้ทุกส่วนราชการ สร้างความเข้าใจให้กับสื่อมวลชนเพื่อเสนอข่าวให้ไปทิศทางเดียวกัน ส่วนการป้องกันประเทศเน้นการเสริมสร้างขีดความสามารถของกองทัพให้มีความ พร้อมในการรักษาเอกราช อธิปไตย และพร้อมรับมือกับภัยคุกคามทุกรูปแบบ รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือประชาชน เพื่อให้ประชาชนศรัทธากองทัพ ส่วนด้านยุทโธปกรณ์กองทัพต้องมีความทันสมัยมีประสิทธิภาพ เพียงพอต่อการปฏิบัติงาน ปรับปรุงโครงสร้างกองทัพให้สอดคล้องกับสถานการณ์ความมั่นคง สำหรับงบประมาณขอให้ทุกส่วนราชการดำเนินการโดยโปร่งใส ตรวจสอบได้ ให้ทุกส่วนงานจัดทำแผนการใช้จ่ายงบประมาณให้สอดคล้องต่อการใช้จ่าย โดยเน้นการวางแผนการเบิกจ่ายงบประมาณในไตรมาสที่ 1 เพื่อไม่ให้เกิดการกระจุกตัวในปลายปีงบประมาณ โดยต้องวางแผนงบประมาณในรอบ 3 เดือน เพื่อให้มีผลต่อการปฏิบัติ และการเบิกจ่ายต้องสอดคล้องกับนโยบาย คสช.


มท.1 กำชับโยธาฯเร่งออกผังเมือง 5 จว.


เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 22 ก.ย.ที่กรมโยธาธิการและผังเมือง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ตรวจเยี่ยมกรมโยธาธิการและผังเมือง โดยมีนายมณฑล สุดประเสริฐ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง ให้การต้อนรับ พล.อ.อนุพงษ์กล่าวมอบนโยบายว่า ขอให้เร่งดำเนินการออกผังเมืองรวม บริเวณชุมชนที่รองรับการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ 5 จังหวัด คือ ตาก มุกดาหาร สระแก้ว ตราด และสงขลา เพื่อให้การกำหนดโซนนิ่งของพื้นที่คมนาคมขนส่งและโครงสร้างพื้นฐาน สำหรับแนวทางการป้องกันน้ำท่วม ขอให้ก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำและริมทะเลทั่วประเทศ แก้ไขปัญหาการพังทลายของตลิ่ง เรื่องการกำจัดผักตบชวาและวัชพืช เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ เร่งแก้ไขปัญหาขยะในทุกพื้นที่ ส่วนศูนย์ดำรงธรรมขอให้ส่งเจ้าหน้าที่ไปอยู่ประจำ


ตามประเมิน ผวจ.ขี้เกียจเจอลงแส้


ผู้สื่อข่าวถามถึง แนวทางการสร้างความปรองดอง ของกระทรวงมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ตอบว่า ได้ให้แนวทางกับผู้ว่าราชการจังหวัดแล้ว หลักใหญ่คือถึงเวลาแล้วที่จะต้องอยู่ร่วมกันด้วยความสงบ เห็นต่างกันได้แต่ต้องอยู่ร่วมกันโดยสันติ ส่วนการประเมินผลงาน ผวจ.ทุกเดือนนั้นเป็นการประเมินเพื่อกระตุ้นการทำงาน ไม่ใช่ประเมินว่าสอบผ่านหรือไม่ผ่าน แต่หากมีการเพิกเฉย หรือไม่ปฏิบัติงานก็ต้องมีมาตรการทางวินัย เมื่อถามว่า วันนี้ครบรอบ 4 เดือนของการปฏิวัติคิดว่าผลงานของ คสช.ที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง พล.อ.อนุพงษ์ตอบว่า ถ้านับวันที่มีความแตกแยกของคนในชาติรุนแรง ประเทศเดินไปไม่ได้ การที่ คสช.เข้ามาแก้ปัญหาแล้วกระแสสังคมรับได้กับสถานการณ์ที่เรียบร้อย และ คสช.มีความโปร่งใส ประชาชนก็คงจะให้เราสามารถแก้ปัญหา ไปตามโรดแม็ปได้ เมื่อถามว่า ล่าสุดมีผลโพลออกมาว่าต้องการให้รัฐบาลอยู่แก้ปัญหาจนเสร็จ ซึ่งอาจจะเลย 1 ปี พล.อ.อนุพงษ์ตอบว่า ก็คงต้องเป็นไปตามโรดแม็ปก่อน ตอนนี้ก็ต้องทำให้เกิดความปรองดองสมานฉันท์อย่าให้กลับไปสู่วังวนของความแตก แยก เมื่อถามว่า รู้สึกอย่างไรที่มีพรรคการเมืองออกมาวิพากษ์วิจารณ์ คสช. พล.อ.อนุพงษ์ตอบว่า ไม่ได้รู้สึกอะไร เราทำตามหน้าที่ คสช.ซึ่งบอกชัดว่าจะแก้ไขปัญหาประเทศชาติให้ได้ ฉะนั้นไม่เห็นว่าเราจะต้องไปยุ่งอะไรกับใคร


ยัน สปช.หลากหลาย–ไม่ล็อกสเปก


พล.อ.อนุพงษ์ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการคัดสรรสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ว่า ในส่วนของตนทำหน้าที่เป็นกรรมการคัดสรรในส่วนของภูมิภาค ได้ส่งรายชื่อให้ คสช.เป็นที่เรียบร้อยแล้วจำนวน 50 คน สำหรับความกังวลในเรื่องของการล็อกสเปกนั้น ยืนยันว่าไม่มีแน่นอน เพราะนโยบายของนายกฯต้องการที่จะได้คนในแต่ละส่วนเป็นผู้ที่รู้จริง เช่น ในส่วนของการปกครองส่วนท้องถิ่นก็จะมีหลากหลาย มีนักวิชาการ นักปกครองท้องถิ่น ผู้ที่เคยทำงานในสายของกระทรวงมหาดไทยและมีความรู้ในเรื่องของการปกครองส่วน ท้องถิ่น และภาคเอกชน ขอยืนยันว่าในส่วนอื่นๆทั้ง 11 ด้าน ก็จะหลากหลายเช่นเดียวกัน


นายกฯให้ คตร.สอบไมค์แพง 3 เดือน


เมื่อเวลา 10.00 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี วันที่ 23 ก.ย.ยังคงใช้ตึกสันติไมตรีหลังในเป็นที่ประชุม ส่วนห้องประชุม ครม.ชั้น 5 ตึกบัญชาการ 1 ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.สั่งให้มีการรื้อถอนไมโครโฟนที่มีปัญหาเรื่องของการจัดซื้อในราคาที่แพง เกินความเป็นจริง ได้นำส่งคืนบริษัทหมดแล้ว เพราะยังไม่ได้มีการจัดซื้อจัดจ้าง และนายกฯสั่งการให้คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ดำเนินการตรวจสอบให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน สอบขั้นตอนต่างๆ ทั้งการทำทีโออาร์ การว่าจ้างบริษัท การทำสัญญาและมีใครกระทำความผิดหรือไม่ จากนั้นรายงานผลสอบให้นายกรัฐมนตรีรับทราบ ส่วนจะสามารถใช้ห้องประชุม 501 เป็นสถานที่ประชุม ครม.ได้เมื่อไหร่นั้น คงต้องดูที่ความพร้อมและความเหมาะสม แต่คงไม่ถึงขั้นที่ต้องให้ คตร.สอบเสร็จ


ถึงคิวเข้าปรับรังนกกระจอก


ร.อ.นพ.ยงยุทธกล่าวว่า ส่วนการปรับปรุงห้องผู้สื่อข่าวทำเนียบฯทั้ง 3 ห้อง เป็นการปรับปรุงให้เกิดความเหมาะสม เพียงพอกับจำนวนผู้สื่อข่าวที่มากขึ้น แต่ทั้งหมดต้องหารือและรับทราบถึงความต้องการของสื่อมวลชนที่ปฏิบัติหน้าที่ อยู่ประจำทำเนียบฯก่อน โดยทั้งหมดจะทำให้เพียงพอต่อการปฏิบัติหน้าที่ ถือเป็นการอำนวยความสะดวกในการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชน


เลขาฯนายกฯส่งคนเจรจาสื่อทุบรัง 1


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากช่วงวันหยุดคนงานทำเนียบรัฐบาล ทำการปรับปรุงภูมิทัศน์ นำต้นไทรอังกฤษความสูง 2.5 เมตร จำนวน 50 ต้น มาปลูกเรียงเป็นกำแพงความยาวกว่า 10 เมตร กั้นระหว่างรังนกกระจอกกับสวนหย่อม ปรากฏว่าตลอดวันเดียวกัน ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ พ.อ.วีรชน สุคนธปฏิภาค คณะทำงานนายกรัฐมนตรี มาพูดคุยกับสื่อมวลชนที่ห้องผู้สื่อข่าว 1 เพื่อหาข้อยุติการปรับปรุงห้องผู้สื่อข่าว โดยช่วงเช้าผู้สื่อข่าวยืนยันไม่ให้ทุบสร้างใหม่ แต่ให้ปรับปรุงขยายพื้นที่ให้เหมาะสมเท่านั้น ปรากฏว่า ช่วงบ่าย พ.อ.วีรชน มาพูดคุยกับผู้สื่อข่าวที่รังนกกระจอก 1 อีกครั้ง นำแบบแปลนภาพรังนกกระจอกที่ออกแบบใหม่ให้ผู้สื่อข่าวดู พร้อมระบุว่าเนื่องจาก พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำรวจพื้นที่แล้วเห็นว่ารังนกกระจอก 1 ซึ่งใช้งานมากว่า 30 ปี รูปแบบไม่เข้ากับสถาปัตยกรรมของตึกนารีสโมสร และตึกไทยคู่ฟ้า จึงสั่งให้สถาปนิกร่างแบบใหม่สร้างให้เข้ากับสถาปัตยกรรมตึกนารีสโมสร และตึกไทยคู่ฟ้า และระบุว่าแบบดังกล่าวผ่านความเห็นชอบจากนายกฯแล้ว


อ้างไม่กลมกลืนกับตึกในทำเนียบฯ


พ.อ.วีรชนกล่าวว่า หลังจากได้ข้อสรุปที่ชัดเจน ผู้รับเหมาจะเข้าดำเนินการทันที มีความจำเป็นต้องทุบตึกเดิมและสร้างตึกใหม่เพื่อความรวดเร็ว ใช้ระยะเวลาดำเนินการ 60-90 วันโดยประมาณ ระหว่างการรื้อถอนจะให้สื่อมวลชนทำงานในตู้คอนเทนเนอร์ที่จัดเตรียมไว้ให้ ปรับใช้เป็นที่ทำงานสื่อชั่วคราว ตั้งใกล้รังนกกระจอก 1 และยืนยันกับสื่อมวลชนว่าหลังก่อสร้างแล้วเสร็จ จะให้สื่อมวลชนกลับมาประจำในห้องปฏิบัติการเดิมอย่างแน่นอน เรื่องดังกล่าวนายกฯ ปรารภกับคณะทำงานว่ามองลงไปแล้วรังนกกระจอก 1 ไม่กลมกลืนกับตึกไทยคู่ฟ้า และตึกนารีสโมสร ต้องการให้ปรับปรุงเข้าสถาปัตยกรรมในภาพรวม สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเรียบร้อย การซ่อมแซมห้องพักสื่อมวลชนทั้ง 3 จุด ใช้งบประมาณ 2,020,000 บาท คำนวณจากสถาปนิกของกรมโยธาธิการและผังเมือง รังนกกระจอก 1 ใช้งบฯ 622,000 บาท เพิ่มตามความเหมาะสม


สื่อรวบรวมรายชื่อค้านทุบสร้างใหม่


จากนั้นสื่อมวลชนประจำรังนกกระจอก 1 ได้รวบรวมรายชื่อ เพื่อแสดงจุดยืนว่าไม่ต้องการให้ทุบรังนกกระจอกทิ้ง เพราะเห็นว่าเป็นสถาปัตยกรรมดั้งเดิมและมีประวัติศาสตร์ทางการเมืองมายาวนาน เสนอไปยังเลขาธิการนายกรัฐมนตรี แต่หากจะทุบก็ไม่ขัด ถ้าทำให้ภูมิทัศน์ในทำเนียบรัฐบาลดีขึ้น เพียงแต่ขอให้สื่อมวลชนกลับมาอยู่ที่เดิมตามที่ตกลงกันไว้ เนื่องจากจุดนี้ถือเป็นสถานที่ทำงานจุดแรกในทำเนียบรัฐบาลของสื่อมวลชน และเป็นจุดที่มีภูมิทัศน์เหมาะต่อการติดตามความเคลื่อนไหวต่างๆในทำเนียบ รัฐบาลได้อย่างเหมาะสม


“สุวพันธุ์” เล็งตั้งวิปประสาน สนช.21 คน


เมื่อเวลา 13.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงความคืบหน้าการตั้งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติว่า ตามที่ประชุม ครม.มีมติและนายกรัฐมนตรีมอบหมายให้ตนเป็นผู้ดำเนินการ ล่าสุดได้สั่งการให้รองเลขาธิการคณะรัฐมนตรีประสานไปยังสภานิติบัญญัติแห่ง ชาติ (สนช.) แล้วเพื่อร่วมกันพิจารณาองค์ประกอบ อำนาจหน้าที่ ก่อนที่จะมีการตั้งคณะกรรมการ 21 คน ที่มีผู้ทรงคุณวุฒิจากฝ่ายรัฐบาลและสมาชิก สนช.ร่วมเป็นคณะกรรมการ และมีตนเป็นหนึ่งในคณะกรรมการ โดยจะเร่งดำเนินการจัดตั้งให้เร็วที่สุด เพื่อเสนอรายชื่อให้นายกฯลงนามแต่งตั้งต่อไป


ครม.เตรียมตั้ง สมช.-สขช.แทนคนเก่า


นายสุวพันธุ์ในฐานะผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ (สขช.) เปิดเผยว่า สำหรับการแต่งตั้งผู้อำนวยการ สขช.แทนตนที่จะเกษียณอายุราชการเดือน ก.ย.นี้ สัปดาห์ที่ผ่านมาส่งรายชื่อผู้ที่เหมาะสม ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.พิจารณาแล้ว ส่วนจะมีการนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 23 ก.ย.หรือไม่ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายกฯ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุวพันธุ์ได้เสนอชื่อนายฉัตรพงษ์ ฉัตราคม รองผู้อำนวยการ สขช. อาวุโสลำดับที่ 1 ดำรงตำแหน่งแทน และมีรายงานข่าวว่า การประชุม ครม.วันที่ 23 ก.ย.จะมีการพิจารณาแต่งตั้งข้าราชการระดับสูงทดแทนในตำแหน่งที่จะเกษียณอายุ ราชการในเดือน ก.ย.นี้ หลายตำแหน่งด้วย อาทิ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เสนอชื่อนายอนุสิษฐ คุณากร รองเลขาธิการ สมช.เป็นเลขาธิการ สมช.โดยชื่อได้เสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ พิจารณาก่อนแล้วเช่นเดียวกัน


รมว.แรงงานเสนอ ครม.ตั้งปลัดใหม่


พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.แรงงาน กล่าวว่า วันที่ 23 ก.ย. จะเสนอรายชื่อแต่งตั้งปลัดกระทรวงแรงงาน และอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) รวมทั้งเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ทดแทนผู้ที่เกษียณ โดยจะยึดเกณฑ์ตามที่นายจีรศักดิ์ สุคนธชาติ ปลัดกระทรวงแรงงานนำเสนอ เนื่องจากเป็นผู้ที่เข้าใจและรู้จักข้าราชการดี ตนให้ความสำคัญในเรื่องของความอาวุโส ความรู้ความสามารถเป็นองค์ประกอบในการพิจารณาแต่งตั้ง และมั่นใจว่าเมื่อแต่งตั้งไปแล้วจะสามารถอธิบายเหตุผลให้ข้าราชการได้เข้าใจ อย่างไรก็ตามหากเกิดปัญหาที่ตัวบุคคลในภายหลัง ก็สามารถปรับเปลี่ยนโยกย้ายได้อีก


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายจีรศักดิ์ได้เสนอให้นายนคร ศิลปอาชา อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) ขึ้นเป็นปลัดกระทรวงแรงงานคนใหม่ เนื่องจากมีความอาวุโสสูงสุด เหลืออายุราชการ 1 ปี และเคยเป็นอธิบดีมาแล้ว 3 กรม


รบ.ท้าส่งหลักฐานล็อกสเปก สปช.


ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการร้องเรียนล็อกสเปกสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ว่า หากมีเบาะแสว่าล็อกสเปกจริง ขอให้ส่งเรื่องร้องเรียนเข้ามายังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หรือรัฐบาล จะสอบสวนเรื่องดังกล่าวทันที และจะดำเนินการกับผู้กระทำความผิดหากตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นเรื่องจริง ขอยืนยันว่าไม่มีการล็อกสเปกแน่นอน คณะกรรมการสรรหา สปช.มีแนวทางในกระบวนการสรรหาอยู่แล้ว และกรรมการทุกคนยึดความถูกต้องโปร่งใส เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีห้ามไม่ให้เปิดเผยข้อมูลการสรรหาสปช.จะเป็นข้อดีหรือข้อเสียต่อ รัฐบาล ร.อ.นพ.ยงยุทธตอบว่า คณะกรรมการทำงานด้วยความบริสุทธิ์ใจ เพื่อให้ได้คนที่มีคุณภาพ คุณสมบัติเหมาะสม มีความรู้ความสามารถ หากสงสัยอะไรสามารถสอบถามผู้ที่เกี่ยวข้องได้อยู่แล้ว


สนช.จี้ คสช.ตรวจสอบลบข้อครหา


ที่รัฐสภา นายสมชาย แสวงการ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้ คสช. เข้ามาตรวจสอบข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการสรรหา สปช. ในหลายจังหวัดที่ถูกระบุว่าไม่มีความโปร่งใสและมีการล็อกสเปกจากกรรมการ สรรหา ส่วนตัวก็ได้รับทราบข้อมูลว่ามีปัญหานี้เกิดขึ้นจริง เช่น กรณีที่จังหวัดสุรินทร์ พัทลุงและหลายจังหวัด แม้ว่าองค์ประกอบในกรรมการสรรหาจะมีฝ่ายตุลาการอยู่ด้วยแต่ก็เป็นเพียงแค่ เสียงข้างน้อย ทำให้รายชื่อที่ได้รับการเสนอไปถึง คสช.ถูกล็อกให้เป็นคนที่กรรมการสรรหาส่วนใหญ่ในจังหวัดนั้น กล้องcctvต้องการให้เป็น สปช.เท่านั้น จึงอยากให้มีการแก้ปัญหานี้ก่อนไม่เช่นนั้นอาจจะกระทบต่อภาพรวมในการตั้ง สปช. ทั้งที่ในส่วนกลาง 11 ด้านไม่มีปัญหาเรื่องความโปร่งใส


จังหวัดไหนมีปัญหาให้แขวนไว้ก่อน


นายสมชายกล่าวว่า สำหรับการกำหนดให้ปกปิดรายชื่อผู้ที่ได้รับการทาบทาม จนถึงผู้ที่ได้รับการสรรหาเพื่อเสนอต่อ คสช.เป็นความลับทั้งกระบวนการ มีจุดอ่อนทำให้ประชาชนไม่มีโอกาสได้ตรวจสอบว่า กรรมการสรรหาทำหน้าที่อย่างโปร่งใสหรือไม่ หาก คสช.ตรวจสอบเรื่องนี้และพบว่าในจังหวัดใดที่มีปัญหาก็อาจจะระงับการเลือก สปช.ในจังหวัดนั้นออกไปก่อน เพราะตามรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ว่า ให้ตั้ง สปช.ไม่เกิน 250 คน หากจังหวัดใดมีปัญหาก็ยังไม่ต้องตั้ง ควรแก้ไขให้เกิดความโปร่งใส เป็นที่ยอมรับของประชาชนในพื้นที่ก่อน เหมือนกับการตั้ง สนช.ที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้ตั้งจำนวน 220 คน แต่ปัจจุบันก็มีไม่ครบตามจำนวนดังกล่าว มีเพียงแค่ 192 คนก็ทำหน้าที่ได้


อดีต ส.ว.จี้เปิดรายชื่อผู้ผ่านการคัดสรร


นายยุทธนา ยุพฤทธิ์ อดีต ส.ว.ยโสธร และผู้เข้ารับการสรรหาเป็น สปช. จ.ยโสธร กล่าวถึงกระบวนการคัดเลือกผู้สมัคร สปช. จ.ยโสธร โดยมิชอบว่า ในวันที่ 23 ก.ย. จะไปยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. เพื่อขอความเป็นธรรม กรณีที่คณะกรรมการสรรหา สปช. จ.ยโสธร ใช้อำนาจตัดสิทธิผู้สมัครสปช. จ.ยโสธรหลายคน โดยไม่ถูกต้อง ล่าสุดได้ขอเอกสารจากคณะกรรมการสรรหา สปช. จ.ยโสธร ถึงหลักเกณฑ์การคัดเลือก และวิธีการให้คะแนน แต่คณะกรรมการสรรหาฯไม่ให้ข้อมูล บอกว่าให้ไปขอ คสช. การไม่ยอมเปิดเผยรายละเอียด ทั้งที่ตนเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงถือว่าทำผิดกฎหมาย ขัดต่อ พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร อยากให้คณะกรรมการสรรหา สปช. จ.ยโสธร เปิดเผยรายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือก 5 คน ให้สังคมช่วยตรวจสอบด้วย ไม่ใช่ปิดเป็นความลับ ถ้าไม่เปิดเผยจะยิ่งถูกครหาว่าล็อกสเปก การอ้างว่ากลัวการวิ่งเต้นจึงไม่เปิดเผยรายชื่อนั้น แม้จะเปิดเผยหรือไม่เปิดเผยก็มีการวิ่งเต้นอยู่ดี จึงควรเปิดเผยเพื่อความโปร่งใส พร้อมชี้แจงด้วยว่ามีวิธีการให้คะแนนอย่างไร


โยน คสช.ตัดสินเปิดชื่อคนผ่านรอบแรก


นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติ คนที่ 1 ในฐานะคณะกรรมการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ด้านการเมือง ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวการล็อกสเปกสรรหา สปช.ว่า กระบวนการสรรหาเป็นไปตามขั้นตอน ยืนยันไม่มีการล็อกสเปก เพราะใช้วิธีคัดเลือกด้วยการลงคะแนนลับ ส่วนจะต้องเปิดเผยรายชื่อผู้ผ่านสรรหารอบแรกหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับคณะรักษา ความสงบแห่งชาติ (คสช.) แต่ตนเห็นว่ามีข้อดีที่จะได้โปร่งใสตรวจสอบได้ แต่ข้อเสียคือ อาจทำให้เกิดการวิ่งเต้นเพื่อให้ผ่านการคัดเลือกรอบสุดท้าย


สนช.ไม่สนเสียงค้านลุยติดดาบถอดถอน


นายสุรชัยยังกล่าวถึงการพิจารณาร่างข้อบังคับการประชุมสภานิติบัญญัติ แห่งชาติ วาระ 2 ในที่ประชุม สนช. วันที่ 25 ก.ย.ว่า เบื้องต้นมีสมาชิกขอยื่นคำแปรญัตติ โดยมีทั้งกรรมาธิการเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ในส่วนที่เห็นด้วยและยอมปรับแก้ไขแล้วคือเรื่องการถอดถอนที่จะมีการตั้งวิป ขึ้นมาเพื่อกลั่นกรองเรื่องก่อนส่งเรื่องให้ สนช. ดำเนินการถอดถอน ส่วนที่วิพากษ์วิจารณ์ว่าการถอดถอนอาจค้านต่อแนวทางสร้างความปรองดองนั้น ยืนยันว่าการถอด ถอนจะเป็นไปตามหลักเกณฑ์ โดยเฉพาะเรื่องทุจริตคอร์รัปชันที่ต้องตรวจสอบจนถึงที่สุด เพราะไม่เช่นนั้นประชาชนอาจจะไม่ยอมรับ เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน


กกต.ย้ำส่งรายชื่อให้ คสช.ทั้งหมด 23 ก.ย.


เมื่อเวลา 12.40 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง กล่าวถึงการเสนอชื่อผู้เหมาะสมเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ระดับจังหวัดว่า ทราบว่ามี 68 จังหวัด สรรหาแล้วเสร็จ เหลืออีก 9 จังหวัดคาดว่าจะแล้วเสร็จในวันนี้ (22 ก.ย.) และจะส่งให้ คสช.พิจารณาได้ในวันที่ 23 ก.ย. ส่วนกรณีที่ นพ.อนันต์ อริยะชัยพาณิชย์ อดีตรองประธานวุฒิสภาและผู้เสนอชื่อเข้ารับการสรรหา สปช.จังหวัดสุรินทร์ กล่าวหาว่ามีการล็อกสเปกนั้น ท่านรู้ได้อย่างไรว่าท่านไม่มีชื่อ ดังนั้น จึงเป็นเพียงการคาดการณ์ เราระมัดระวังเรื่องนี้อย่างเต็มที่ และคณะกรรมการสรรหาจังหวัดคงไม่ทำอย่างนั้น เหมือนเนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่งเอากระดูกแขวนคอ อย่างไรก็ตาม การสรรหา สปช. 250 คน อาจไม่ต้องครบในครั้งเดียว หากมีกรณีไม่ถูกต้อง คสช.มีอำนาจสั่งให้มีการเลือก สปช.ใหม่ได้


ใช้งบฯ 57 ทัวร์นอกไม่ขัดนโยบาย คสช.


นายภุชงค์ยังกล่าวถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่และกกต.ใช้งบประมาณเดินทางไปดู งานกับหลักสูตรพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง (พตส.) รุ่นที่ 5 ว่า หลักสูตร พตส.ได้รับเงินสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาการเมืองกับงบประมาณของสำนักงาน กกต.ซึ่งใช้งบประมาณที่ขออนุมัติไว้แล้วตั้งแต่ปี 2557 โดยหลักสูตรของ พตส.จะต้องไปทัศนศึกษาดูงานเกี่ยวกับการเลือกตั้งเพื่อรับฟังข้อเสนอแนะและ นำมาพัฒนาการเลือกตั้ง ยืนยันว่าเป็นการดำเนินการตามงบประมาณที่ขอไว้ล่วงหน้า 6-7 เดือนแล้ว ยอมรับว่ามีเจ้าหน้าที่เดินทางไปด้วยจริง ซึ่งไปเพื่ออำนวยความสะดวกและเพื่อบันทึกข้อมูล ทุกคนที่ไป ไม่ได้ไปเที่ยว เมื่อถามว่าการไปทัศนศึกษาต่างประเทศขัดนโยบาย คสช.หรือไม่ นายภุชงค์ตอบว่า คสช.มอบนโยบายไม่ให้เดินทางไปต่างประเทศในการใช้งบประมาณปี 2558 แต่การเดินทางไปดูงานของ พตส.ครั้งนี้ใช้งบประมาณปี 2557 ยืนยันว่าในงบประมาณปี 2558 จะไม่มีการไปทัศนศึกษาต่างประเทศแน่นอน


“สมชัย” นัดแจงประโยชน์ดูงานนอก


นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง ชี้แจงกรณีเดินทางไปดูงานการออกเสียงประชามติเพื่อแยกประเทศของสกอตแลนด์ ร่วมกับนักศึกษาหลักสูตรพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง (พตส.) รุ่นที่ 5 ว่า จะไม่ชี้แจงว่าการไปดูงานนี้สิ้นเปลืองงบฯหรือไม่ เพราะตนไม่ได้เป็นผู้ริเริ่มหลักสูตรนี้ ต้องให้สำนักงานชี้แจงประเด็นนี้ รวมถึงประเด็นที่มีเจ้าหน้าที่ซึ่งไม่ใช่นักศึกษาร่วมคณะไปด้วย เพราะตนมีผู้ติดตามไปคนเดียว ไม่ได้มีผู้ติดตามมากถึง 7-8 คนเหมือน กกต.ชุดก่อน ส่วนตัวจะนำเสนอเฉพาะประโยชน์ที่ได้รับจากการไปดูงานในครั้งนี้ ซึ่งจะบรรยายให้กับนักศึกษาหลักสูตรการเมืองและการปกครองระดับสูงรุ่นที่ 18 ของสถาบันพระปกเกล้าในวันที่ 23 ก.ย. เวลา 09.00-11.30 น. จึงขอให้ผู้โจมตีตนไปร่วมรับฟังด้วย ทั้งที่ความจริงไม่มีหน้าที่ต้องรายงานใคร


เชื่อพุ่งเป้าเล่นงานปั่นปมการเมือง


นายสมชัยกล่าวว่า การไปดูการออกเสียงประชามติแยกประเทศของสกอตแลนด์ครั้งนี้ถือเป็นประวัติ ศาสตร์ เพราะโอกาสลักษณะนี้หาไม่ได้ง่ายในรอบ 100 ปี และนักศึกษาชุดนี้สามารถนำมาปรับใช้กับบ้านเราได้ ยืนยันว่าไม่ได้ใช้งบฯเพื่อไปเที่ยว ส่วนที่มีรูปถ่ายกับสถานท่องเที่ยวนั้น ก็เป็นการศึกษาเชิงศิลปวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ ไม่เสียหายอะไร แต่ถ้าตนไปดูงานในบ่อน ไนต์คลับหรือที่อโคจร จะน่าละอายมากกว่า เชื่อว่าคงอยากให้เป็นประเด็นทางการเมืองเพราะไม่ใช่ตนไปเพียงคนเดียว แต่ไปหลายคน ทำไมจึงมาโจมตีตนคนเดียว เมื่อถามว่า คิดว่ากระแสข่าวที่เกิดขึ้นจะมีผลต่อการเข้าสรรหาเป็น สปช.หรือไม่ นายสมชัยตอบว่า การจะได้รับเลือก หรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่าคณะกรรมการสรรหาเห็นว่าตน มีประโยชน์หรือไม่ เพราะมีหน้าที่อื่นที่ต้องรับผิดชอบ


เตือนล็อกสเปกเสี่ยงปฏิรูปสะดุด


นพ.พลเดช ปิ่นประทีป เลขาธิการสถาบันชุมชนท้องถิ่นพัฒนา (แอลดีไอ) รับติดตั้งกล้องวงจรปิดกล่าวถึงกรณีข้อสงสัย การล็อกสเปก สปช.ว่า คสช.ต้องชี้แจงประเด็นที่ถูกสงสัยให้ชัดเจน เช่น การใช้หลักเกณฑ์ใดคัดเลือก สปช.แต่ละด้าน จากที่ส่งชื่อไปด้านละ 50 คน คัดให้เหลือด้านละ 10 คน รวมถึงหลักเกณฑ์การคัดเลือกสปช.จังหวัด เพื่อให้ประชาชนสบายใจ หาก คสช. ไม่ชี้แจงไม่ใส่ใจต่อการตอบคำถาม แล้วรายชื่อ สปช. ที่ออกมา 250 คน ทำให้ประชาชนร้องยี้ อาจจะกระทบ การปฏิรูปในอนาคต ในแง่ของการไม่ให้ความร่วมมือ รวมถึงอาจส่งผลกระทบต่อคะแนนนิยมของรัฐบาลได้ ส่งผลให้การยึดอำนาจวันที่ 22 พ.ค. เสียของ แต่ หาก คสช.เลือกที่จะชี้แจงหลักเกณฑ์ วิธีการต่างๆ จะทำให้ประชาชนคลายข้อสงสัย แม้ผลคัดเลือกรอบ สุดท้ายออกมาแม้จะไม่ดีที่สุด ประชาชนก็ยังปรบมือ


นักวิชาการแนะให้สังคมมีส่วนร่วม


นายยุทธพร อิสรชัย คณบดีรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช กล่าวว่า การคัดสรร สปช. ควรให้สังคมมีส่วนร่วมมากขึ้น เพราะ สปช.ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง หากมีการเปิดเผยรายชื่อผู้ที่ได้รับการสรรหาในรอบแรก หรือเปิดเผยเกณฑ์การให้คะแนนและคุณสมบัติที่นำมาพิจารณา จะทำให้ประชาชนมีความรู้สึกว่ามีส่วนร่วมในการสรรหาและคิดว่าสภานี้เป็นตัว แทนของพวกเขา ส่วนที่มีข่าวร้องเรียนว่าเล่นพรรคเล่นพวกนั้น อาจเป็นเพราะว่าในต่างจังหวัดนั้นๆ มีกลุ่มผู้มีอิทธิพลที่มีผลประโยชน์เข้ามามีบทบาทในการสรรหา จำเป็นที่ คสช.ต้องเร่งแก้ไขโดยเร็วอย่าปล่อยไว้เพื่อให้ความปรองดองเกิดขึ้นได้


เตือน คสช.ปิดกั้นมากจะเจอระเบิด


นายยุทธพรยังกล่าวถึงกรณี 60 นักวิชาการออกจดหมายเปิดผนึกประณามกรณีทหารและตำรวจสั่งให้นักวิชาการและนัก ศึกษายุติงานเสวนาที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ว่า อาจารย์ที่ออกมาล้วนเป็น นักวิชาการรุ่นใหม่ ความขัดแย้งในสังคมวันนี้ไม่ใช่แค่วาทกรรม บรรยากาศการเมืองเปลี่ยนไป ความคิดเห็นของคนรุ่นใหม่ก็เปลี่ยนไปด้วย เรื่องนี้ คสช.จะละเลยไม่ได้ ต้องทำความเข้าใจ รวมทั้งยอมรับความคิดเห็น เปิดพื้นที่ปลอดภัยให้สามารถคุยกันและแสดงความคิดเห็นได้บ้าง เหมือนการต้มน้ำในกา เราต้องปล่อยไอน้ำออกมาบ้าง ไม่เช่นนั้นกาอาจระเบิดได้ เพราะหากปิดกั้นมากเกิดไป อาจจะเป็น แรงกดดันและเป็นชนวนเหตุในการออกมาเคลื่อนไหวชุมนุมในอนาคตได้


สวน “บิ๊กป้อม” ยันไม่ขออนุญาตแน่


นายปราชญ์ ปัญจคุณาธร กล้องวงจรปิด อาจารย์คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ระบุถึงนักวิชาการให้ขออนุญาต คสช.ก่อนจัดการเสวนาและอย่าล้ำเส้นว่า ในแง่ของเสรีภาพการแสดงความเห็นทางวิชาการต้องไม่ถูกควบคุมเนื้อหาหรือหัว ข้อ ไม่เช่นนั้นจะไม่ใช่การแลกเปลี่ยนทางวิชาการอีกต่อไป ทหารไม่มีสิทธิ์จะมาควบคุมหรือจำกัดเสรีภาพทางวิชาการได้ แต่กลุ่มนักวิชาการ 60 คน ยังไม่ได้หารือว่าจะทำอย่างไรต่อไป เพียงย้ำจุดยืนคือ เสรีภาพทางวิชาการต้องไม่ถูกควบคุม และจะไม่ ขออนุญาตแน่นอน ทั้งนี้ ยืนยันว่างานทางวิชาการไม่กระทบต่อความมั่นคง และนักวิชาการไม่ได้ล้ำเส้นใคร มีแต่ทหารที่มาล้ำเส้นเรามาจับนักวิชาการในมหาวิทยาลัย ยอมรับไม่ได้ที่จะมาคุกคามกันเช่นนี้


ชี้ “ศรีสุวรรณ” ยื่นศาล รธน.ไม่ได้


นายรักษเกชา กล่าวถึงกรณีนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เตรียมยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญด้วยตนเองให้วินิจฉัย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และกรณีที่บุคคลจากองค์กรตามรัฐธรรมนูญเสนอชื่อเข้ารับการสรรหาเป็นสมาชิก สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กระทำขัดต่อรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวว่า เป็นสิทธิของนายศรีสุวรรณและขึ้นอยู่กับศาลรัฐธรรมนูญจะรับเรื่องหรือไม่ แต่ไม่แน่ใจว่าตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวเปิดช่องให้ทำได้หรือไม่ และเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องการกระทำจะส่งศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้ และอำนาจ คสช.ถือเป็นที่สุดตามที่ผู้ตรวจได้มีมติยกคำร้องไปแล้ว


ลูกจ้างร้องผู้ตรวจฯแก้ปัญหาโดนรีไทร์


เมื่อเวลา 09.00 น. ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน สหพันธ์พนักงานจ้างท้องถิ่นแห่งประเทศไทย จำนวนหนึ่ง นำโดยนางปิยะพร จันทร์ละมุด ประธานสหพันธ์พนักงานจ้างท้องถิ่นแห่งประเทศไทย และนายพิพัฒน์ วรสิทธิดำรง นายกสมาคมข้าราชการส่วนท้องถิ่นแห่งประเทศไทย ในฐานะที่ปรึกษาสหพันธ์ฯ เข้ายื่นหนังสือถึงนางผาณิต นิติทัณฑ์ประภาศ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ผ่านนายรักษเกชา แฉ่ฉาย รองเลขาธิการและโฆษกสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อร้องทุกข์กรณีพนักงานจ้างท้องถิ่นถูกเลิกจ้าง ซึ่งเป็นผลกระทบจากนโยบายของรัฐบาล เนื่องจากนโยบายรัฐบาลชุดเดิม กำหนดนโยบายปรับเงินเดือนและค่าจ้างแก่ข้าราชการและลูกจ้างภาครัฐ แต่ไม่เพิ่มเม็ดเงินให้ท้องถิ่น ทำให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหลายแห่งใช้เป็นข้ออ้างปรับลดตำแหน่งพนักงาน จ้าง ส่งผลให้พนักงานจ้างหลายร้อยคนถูกบีบให้เซ็นหนังสือลาออก โดยที่ไม่ยินยอม ที่ผ่านมาเคยขอความช่วยเหลือจากกระทรวงมหาดไทย สำนักนายกฯ และสำนักปลัดกลาโหม แต่ยังไม่มีการแก้ไขให้ถูกต้อง จึงขอให้ผู้ตรวจฯเสนอเรื่องไปยังนายกฯและหัวหน้า คสช.เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว


“รัชตะ” ยังแทงกั๊กนั่งควบตำแหน่ง


วันเดียวกัน นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รมว.สาธารณสุข และอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีสภามหาวิทยาลัยมหิดลขีดเส้นให้ นพ.รัชตะเลือกนั่งตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่ง ระหว่าง รมว.สาธารณสุข หรืออธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล ในวันที่ 8 ต.ค.นี้ ว่า ไว้รอฟังพร้อมกัน ขณะนี้ยังไม่พร้อม และหากตัดสินใจแล้วจะเรียนให้ทราบอีกที อย่างไรก็ตาม ตนมีความชัดเจนแน่นอน ส่วนจะเปิดเผยวันไหนยังไม่ได้กำหนดว่าวันไหนจะพูดหรือไม่พูด สำหรับกระแสกดดันจากสังคมภายนอกถึงการนั่งควบ 2 ตำแหน่งนั้น ไม่รู้สึกกดดัน เพราะทำงานเต็มที่ทั้งหมด


คณะทำงานร่วมเลื่อนถกคดีข้าว


ที่โรงแรมดุสิตธานี พัทยา จ.ชลบุรี นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงความคืบหน้าการตั้งคณะทำงานร่วมระหว่าง ป.ป.ช.กับอัยการสูงสุด (อสส.) ในการพิจารณาข้อไม่สมบูรณ์คดีรับจำนำข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า เดิมที่จะนัดประชุมคณะทำงานร่วมนัดแรกในวันที่ 23 ก.ย. ล่าสุดทาง อสส.ที่มีนายวุฒิพงศ์ วิบูลย์วงศ์ รองอัยการสูงสุด เป็นหัวหน้าคณะทำงานทำหนังสือแจ้งว่า ขอเลื่อนการประชุมคณะทำงานนัดแรกออกไปก่อน เพราะคณะทำงานฝ่าย อสส.ยังไม่พร้อม


“จาตุรนต์” ห่วงรูปแบบ ลต.บิดเบี้ยว


นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีต รมว.ศึกษาธิการ และแกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่าหากออกรัฐธรรมนูญฉบับถาวรสำเร็จแล้ว ไม่ได้หมายความว่าจะเลือกตั้งได้ทันทีว่า หากมองตามกฎหมายก็เป็นเช่นนั้น เพราะธรรมนูญชั่วคราวไม่ได้พูดชัดเจนว่าจะเลือกตั้งเมื่อใด ซึ่งเป็นปัญหาที่หลายฝ่ายสนใจและต้องการให้เกิดความชัดเจน ทั้งนี้มองว่านายวิษณุพูดตามความเป็นจริงทางการเมืองและเข้าใจในกฎหมาย แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือมีหลายคนออกมาพูดในลักษณะที่ไม่ชัดเจนว่า ต้องอยู่นานบ้าง หรือบางคนอยากอยู่นานก็ไม่ทราบ จนไม่ทราบว่าจะมีการเลือกตั้งเมื่อใด ตนห่วงว่าหากเลื่อนเลือกตั้งออกไปเรื่อยๆ ปัญหาจะยิ่งมีมาก ประเทศจะอยู่ไปโดยไม่ได้รับการยอมรับ และสิ่งที่เป็นห่วงมากกว่านั้นคือ ไม่ทราบว่าการเลือกตั้งในอนาคตจะเป็นอย่างไร มีความหมายแบบไหน การเลือกตั้งจะเป็นการให้ประชาชนได้ตัดสินอนาคตของประเทศจริงหรือไม่ เรื่องนี้เป็นสิ่งสำคัญกว่าที่จะมองว่าจะมีเลือกตั้งเมื่อไร


“ปานเทพ” ลั่นต้องทำให้เร็วที่สุด


นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธาน ป.ป.ช. กล่าวว่า หากจะเลื่อนการประชุมในวันที่ 23 ก.ย.ออกไป ก็คงต้องนัดประชุมใหม่ให้เร็วที่สุดเพื่อหารือถึงอำนาจการฟ้อง พยานหลักฐานที่จะต้องไต่สวนเพิ่มเติม ต้องพยายามทำให้เร็วที่สุด อาจจะประชุมร่วมกันประมาณ 1-2 ครั้ง ยืนยันว่าการใช้เวลาพิจารณาร่วมกันคงไม่ยืดเยื้อเป็นปีเหมือนที่ผ่านมา อยากให้ อสส.เป็นผู้ส่งฟ้อง แต่ถ้า อสส.ไม่สามารถส่งฟ้องได้ ป.ป.ช.ก็ต้องดำเนินการเอง


“ไพบูลย์” ย้ำรัฐ ยันไม่ล้วงลูก ป.ป.ช.


ที่โรงแรมดุสิตธานี พัทยา จ.ชลบุรี พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันว่า รัฐบาลมีหน้าที่บริหารประเทศต้องรับผิดชอบทุกเรื่อง แต่การปราบทุจริตต้องทำอย่างบูรณาการ จำเป็นต้องดูแลตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ หลังจากนี้จะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการปราบทุจริตมาประชุมว่าที่ผ่าน มามีปัญหาติดขัดอะไร จะรับเป็นเจ้าภาพให้หน่วยงานเหล่านี้มาบูรณาการกัน ทั้งการทำงานและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ยืนยันว่า รัฐบาลและ คสช.จริงใจจะแก้ปัญหาการทุจริต พร้อมให้ความเป็นอิสระแก่ ป.ป.ช.ในการทำงาน จะไม่ใช้อำนาจสั่งการ เพราะเป็นการก้าวก่ายจึงต้องร่วมมือกัน ทั้งนี้ได้ให้นโยบายคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ไปตรวจสอบหน่วยงานภายในกระทรวงยุติธรรมให้เรียบร้อยก่อนจะไปตรวจสอบกระทรวง อื่น เมื่อถามว่า หากมีชื่อ พล.อ.ไพบูลย์ถูกร้องเรียนไปยัง ป.ป.ช. พล.อ.ไพบูลย์ตอบว่า “หากพบว่าทำผิด ผมก็ลาออก เพราะคนดูแลเรื่องทุจริต ทำทุจริตเอง แล้วจะอยู่ได้อย่างไร”


“วรงค์” จี้ “ปนัดดา” แถลงข้าว 3 ปม


นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าวคงเหลือของรัฐ จะแถลงผลตรวจสอบโกดังข้าวทั่วประเทศรวม 1,787 โกดังและอีก 136 ไซโลในสัปดาห์หน้าว่า จำเป็นต้องเตือนความทรงจำและแนะแนวทางการแถลงข้อมูลที่ประชาชนอยากทราบคือ 1.ปริมาณข้าวที่เหลือ มีการสูญหายหรือไม่ เท่าไร เทียบกับรายงานการตรวจของ น.ส.สุภา ปิยะจิตติ อดีตประธานอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการจำนำข้าว แล้วเป็นอย่างไร 2.ทราบหรือไม่ว่า มีการเวียนข้าวมาคืนหรือไม่ อย่างไร ผลการตรวจคุณภาพข้าวเป็นอย่างไร ตัวเลขความเสียหายเชิงคุณภาพที่ต่ำกว่ามาตรฐานแจงออกมาได้หรือไม่ 3.การที่ตรวจพบทั้งข้าวหายและข้าวเสื่อมสภาพ รัฐบาลมีแนวทางในการปราบปรามผู้ที่มีส่วนร่วมการทุจริตอย่างไร เพราะหากมีแค่ฝ่ายเอกชนจะทำการทุจริตไม่ได้แน่ สิ่งเหล่านี้รอคอยรับฟังในปลายเดือน ก.ย.


ปล่อยตัว “เจ๋ง ดอกจิก” พ้นคุก


สำหรับกรณีที่ศาลอาญามีคำสั่งเมื่อวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมา เห็นควรส่งเรื่องการพิจารณาปล่อยชั่วคราว ที่นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสด 5 แสนบาท เพื่อขอปล่อยชั่วคราวระหว่างฎีกานายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก แกนนำ นปช. จำเลยคดีหมิ่นเบื้องสูง หมายเลขดำ อ.2740/2553 หมายเลขแดง อ.193/2556 ที่แสดงพฤติการณ์ดูหมิ่นแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 มาตรา 2, 8 และ 12 โดยศาลอาญาพิพากษาจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญาให้ศาลฎีกาพิจารณาปล่อยชั่วคราวนั้น วันเดียวกัน นายวิญญัติทนายของนายยศวริศ กล่าวว่า วันนี้ศาลอาญาอ่านคำสั่งศาลฎีกาเรื่องปล่อยชั่วคราวนายยศวริศ โดยศาลฎีกาอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ตีราคาหลักทรัพย์ 700,000 บาท โดยไม่มีกำหนดเงื่อนไขใดๆ ทางทีมทนายความจะยื่นหลักทรัพย์ 700,000 บาท ไปทำสัญญาประกันที่ศาลอาญา ก่อนที่ศาลอาญาจะออกหมายปล่อยนายยศวริศ จากนั้นจะนำหมายส่งไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯเพื่อปล่อยตัวนายยศวริศต่อไป


“พระสุเทพ” ตอบคำซักค้านคดีฟ้องหมิ่น


โดยนายสวัสดิ์ เจริญผล ทนายความโจทก์ กล่าวว่า พระสุเทพ ได้ตอบคำซักค้านของพนักงานอัยการ ซึ่งทำหน้าที่แก้ต่างให้จำเลยที่ 1 สรุปว่า โครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทนดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่สมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ และจากนั้นช่วงที่ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ ดำรงตำแหน่งรักษาการ ผบ.ตร. ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ระบุให้เปลี่ยนจากประมูลก่อสร้างรายภาคเป็นส่วนกลาง ซึ่ง พล.ต.อ.ปทีปได้เซ็นอนุมัติโครงการ ก่อนจะถูกส่งเรื่องมาให้ โจทก์ในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรีลงนาม ซึ่งขั้นตอนต่างๆ เป็นไปอย่างถูกต้อง ไม่มีการฮั้วประมูล เนื่องจากโครงการดังกล่าวได้มีการประกวดราคาผ่านระบบอีอ็อกชั่น มีผู้เข้าร่วมประมูลเสนอราคาสู้กันถึง 73 ครั้ง จนทำให้ได้ราคาที่ต่ำกว่าราคากลางเกือบ 500 ล้านบาท ทั้งนี้ภายหลังตอบคำซักค้านแล้ว ศาลได้นัดตอบคำซักค้านฝ่ายจำเลยต่ออีกครั้ง ในวันที่ 10 พ.ย.57 เวลา 10.30 น.


ที่ห้องพิจารณาคดี 709 ศาลอาญา ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ในคดีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ หรือพระสุเทพ ปภากโร อดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) นายวรศักดิ์ ประยูรศุข บริษัท ข่าวสด จำกัด และ นายสุริวงศ์ เอื้อปฏิภาน เป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา จากกรณีเมื่อวันที่ 27 ก.พ.-5 มี.ค.56 นายธาริต จำเลยที่ 1 ได้แถลงข่าวกล่าวหาโจทก์ ในขณะที่ดำรงตำแหน่งเป็นรองนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ทำเรื่องขอเปลี่ยนแปลงโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทนจำนวน 396 โรงพัก จากรายภาครวมเป็นรายเดียวซึ่งเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ อันเป็นข้อความเท็จทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย

วันศุกร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2557

ไซเตสขีดเส้นตายภายใน 30 ก.ย. เร่งไทยยื่นแผนคุมค้างาช้าง

EyWwB5WU57MYnKOuFHRXBEHSfAzlfUHCb9gbt2JQrdM7jGuOHqImLcน.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ประเทศไทยมีความเสี่ยงต่อการถูกลงโทษทางการค้าในกลุ่มสินค้าภายใต้อนุสัญญา ไซเตส หากไทยไม่สามารถดำเนินการแก้ไขปัญหาการค้างาช้างผิดกฎหมายได้อย่างมี ประสิทธิผลภายในเดือนมีนาคม 2558 โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริหารอนุสัญญาไซเตส ครั้งที่ 65 เมื่อเร็วๆ นี้ ได้ประเมินผลการดำเนินการตามพันธกรณีของอนุสัญญาไซเตสในเรื่องงาช้าง ซึ่งประเทศไทยถูกจัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่น่าห่วงกังวลอย่างมาก (Primary Concern) มาแล้วหลายปี และในครั้งนี้ ที่ประชุมยังคงไม่พอใจต่อการดำเนินการของประเทศไทยเป็นอย่างมากกล้องcctv และได้กดดันให้ไทยต้องปรับปรุงตัวเองมากกว่าประเทศอื่นๆ ในกลุ่มเดียวกันอย่างเร่งด่วน มิฉะนั้น อาจต้องพิจารณาลงโทษไทยตามระเบียบเกี่ยวกับการปฏิบัติตามพันธกรณี ของอนุสัญญาฯ ได้

ทั้งนี้ ข้อแนะนำสำหรับประเทศไทยจะต้องเร่งดำเนินการ ได้แก่ 1. การออกกฎหมายที่เหมาะสม ซึ่งรวมถึงการกำหนดให้ช้างแอฟริกาเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองภายใต้กฎหมายสัตว์ป่า เพื่อให้สามารถควบคุมการค้างาช้างในประเทศและการครอบครองงาช้างได้อย่างมี ประสิทธิภาพ และให้มีบทกำหนดโทษที่เข้มงวดกับผู้ที่ครอบครองงาช้างโดยผิดกฎหมายหรือค้างา ช้างในประเทศอย่างผิดกฎหมาย

2. การออกกฎหมายที่กำหนดให้มีระบบการจดทะเบียนงาช้างในประเทศ  อย่างครบวงจร รวมถึงกำหนดให้มีระบบการจดทะเบียนและออกใบอนุญาตให้กับผู้ค้างาช้างที่มี ประสิทธิภาพ และการบังคับใช้กฎหมายและบทกำหนดโทษในกรณีของการกระทำผิดกฎหมาย

3. การเพิ่มความพยายามในการติดตามและควบคุมผู้ค้างาช้างและข้อมูลงาช้าง เพื่อบังคับใช้กฎหมายต่อการค้างาช้างที่ผิดกฎหมาย รวมถึงการกำหนดตัวชี้วัดของการดำเนินการด้วย

ขณะ ที่ ประเทศไทยต้องปรับปรุงแผนปฏิบัติการงาช้างของชาติ (National Ivory Action Plan) เพื่อยื่นต่อเลขาธิการอนุสัญญาไซเตสภายในวันที่ 30 กันยายนนี้ จากนั้นต้องยื่นรายงานความก้าวหน้า ในการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการครั้งที่ 1 ภายในวันที่ 15 มกราคม 2558 และครั้งที่ 2 ภายในวันที่ 31 มีนาคม 2558  ซึ่งหากผลการประเมิน ยังไม่เป็นที่พอใจไทยอาจถูกมาตรการลงโทษทางการค้าได้

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมามาตรการสูงที่สุดที่ประเทศภาคีอนุสัญญาไซเตสเคยถูกลงโทษ คือ การคว่ำบาตรการค้าเชิงพาณิชย์ของสินค้าทุกประเภทที่อยู่ในความควบคุมของอนุสัญญาไซเตส และจะบั่นทอนความน่าเชื่อถือของประเทศ อีกทั้ง ไทยจะสามารถค้างาช้างและผลิตภัณฑ์จากงาช้างได้ แต่จำกัดเฉพาะการค้าในประเทศสำหรับงาช้างและผลิตภัณฑ์ที่ได้จากช้างบ้านที่ ถูกกฎหมายเท่านั้น แต่ไม่สามารถนำเข้าหรือส่งออกงาช้างหรือผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้รับการอนุญาต อย่างถูกต้อง รวมทั้งห้ามการค้างาช้างป่าหรืองาช้างแอฟริกาโดยเด็ดขาด

แหล่งที่มา  :  ไทยรัฐ

Source: ไซเตสขีดเส้นตายภายใน 30 ก.ย. เร่งไทยยื่นแผนคุมค้างาช้าง

ท่องแดนศักดิ์สิทธิ์ อิสราเอล(ตอนจบ)

a69djk89d8hdhkchhcbb6ประวัติของป้อมมาซาดาที่เป็นที่จดจำในหมู่นักประวัติศาสตร์และผู้ศึกษา ประวัติศาตร์ประการหนึ่งคือ การสังหารหมู่ของกบฏซิคารี ทั้ง 960 คน ระหว่างการกบฏครั้งใหญ่ของชาวยิว (The Great Revolt) เมื่อ ค.ศ. 66 ที่ใช้วิธีการจับสลากกันในกลุ่มของชายนักรบว่าผู้ใดจะเป็นผู้ลงดาบสังหาร เพื่อน เพื่อหลีกเลี่ยงการต้องคมดาบของทหารโรมันที่กำลังรุกคืบเข้ามายังป้อมมาซาดา


                 กลุ่มกบฏซิคารีเป็นชาวยิวที่รวมใจกันต่อต้านอาณาจักรโรมันที่รุกรานเข้ายึด พื้นที่ถิ่นฐานของชาวยิวจนเมื่อมีการสร้างป้อมมาซาดา เพื่อใช้สังเกตการณ์การรุกรานของกองทัพโรมันที่ใช้ทะเลเดดซีเป็นเส้นทางผ่าน ชาวยิวกลุ่มนี้เป็นกลุ่มสุดท้ายที่ยังอยู่รอด และใช้อาวุธทุกอย่างที่ขนขึ้นมาจากตีนเขา ทั้งหินก้อนกลมขนาดใหญ่เล็ก ถังบรรจุน้ำมันติดไฟ อาวุธยิงทั้งหลายไปหมดแล้ว แต่กองทัพทหารโรมันยังคงดาหน้าบุกขึ้นมา นักรบกลุ่มสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่จึงตัดสินใจตายพร้อมกัน


                 ชายทุกคนจะเขียนชื่อลงบนแผ่นดินเผาเล็กๆ นำมาใส่ไว้ในภาชนะ ใครที่จับชื่อเพื่อนได้ ก็ต้องทำหน้าที่เพชฌฆาตสังหารเพื่อนให้สิ้นชีพ พ้นภัยจากทหารโรมัน และทำเช่นนี้จนเหลือคนสุดท้ายที่ไม่สามารถสังหารตนเองได้ เนื่องจากผิดหลักศาสนา ที่ต้องเผชิญชะตากรรมที่แสนโหดร้ายจากเงื้อมมือของทหารฝ่ายศัตรู


                 ประวัติเหล่านี้ได้รับการบันทึกและเก็บหลักฐานไว้ในพิพิธภัณฑ์ป้อมมาซาดา ที่ตั้งอยู่บนตีนเขา ทางขึ้น-ลงเคเบิลคาร์ เมื่อนักท่องเที่ยวขึ้นไปสัมผัสบรรยากาศของจริงบนป้อมที่อยู่สูงกว่าระดับ น้ำทะเลราว 400 เมตรแล้ว ก็สามารถมาเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวัตถุโบราณ สภาพความเป็นอยู่และประวัติศาสตร์ของป้อมแห่งนี้ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย


                 ต่อจากนั้นชาวคณะก็กลับมายังตัวเมืองเยรูซาเลมเพื่อพักผ่อน อย่างที่เล่าไปแล้วว่าอากาศในนครเยรูซาเลมนั้นเย็นสบาย เย็นกว่ากรุงเทลอาวีฟอย่างเห็นได้ชัด ที่นี่จึงน่าเดินเที่ยวมากกว่ากันสักหน่อย อีกทั้งตัวเมืองยังแบ่งออกเป็น 2 โซน เมืองใหม่ กับเมืองเก่า แต่ทั้งสองแห่งก็ยังมีอารมณ์และกลิ่นอายของเมืองโบราณร่วมกันอย่างกลมกลืน


                 นอกจากนั้นบริเวณใจกลางเมืองช่วงที่ชาวคณะเดินทางไปนั้นยังมีเทศกาลแสงไฟ ที่จัดขึ้นในบริเวณสนามกีฬาโบราณกล้องcctv บรรยากาศคล้ายงานวัดผสมกับตลาดนัดในบ้านเรา มีสินค้าหลากหลายมาขายและมีการแสดงของศิลปินข้างถนนอยู่เป็นแห่งๆ มีการประดับประดาไฟทั่วพื้นที่สนามกีฬา ราวกับจำลองท้องฟ้าลงมาบนดิน เห็นหนุ่มสาว ครอบครัวทั้งชาวอิสราเอล ชาวปาเลสไตน์ และตะวันออกกลางที่นับถือศาสนาแตกต่างกัน พากันเดินชม ชิม ช็อปกันอย่างกลมเกลียว ไม่มีแบ่งแยกศาสนา แม้ว่าในช่วงสิงหาคมที่ผ่านมานั้น บรรยากาศโดยรอบจะระอุไปด้วยไฟแห่งการปะทะระหว่างกลุ่มก่อการร้ายฮามาส ที่ใช้ดินแดนฉนวนกาซาเป็นที่มั่น กับกองทัพอิสราเอล ที่ทำหน้าที่ปกปักรักษาดินแดนและชีวิตของประชากรชาวยิว ราวกับจงอางหวงไข่


                 เช้าวันถัดมาหลังจากดื่มด่ำกับการแสดงแสงสีเสียงที่หอคอยแห่งดาวิด และเทศกาลแสงไฟ ในใจกลางนครเยรูซาเลมแล้ว ชาวคณะก็ต้องออกเดินทางอีกราว 30 กิโลเมตรไปยังสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของอิสราเอลอีกแห่งหนึ่ง นั่นคือ สวนบาไฮ (Bahai Garden) ในเมืองท่าไฮฟา ของอิสราเอล ที่มีทั้งประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ และเป็นสัญลักษณ์สำคัญของความผสมผสานของศาสนาที่มาอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบใน ที่แห่งนี้


                 สวนบาไฮถือกำเนิดเกิดขึ้นเมื่อกว่า 500 ปีที่แล้ว มีพื้นที่ขนาดใหญ่ครอบคลุมเนินเขาคาเมล หรือเขาอูฐ แห่งไฮฟา ด้านที่หันหน้าเข้าหาทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เป็นหนึ่งสวนสวยใน "บาไฮเวิลด์เซ็นเตอร์" (Bahai World Centre) สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาบาไฮในเมืองไฮฟา ประกอบไปด้วยอาคาร 26 หลัง อนุสาวรีย์อีก 11 แห่ง รวมทั้ง "วิหารแห่งบาฮาอุลลาห์" (Shrine of Baha'u'llah) ในอาเครอ (Acre) และ "วิหารแห่งบับ" (Shrine of Bab) ในไฮฟา


                 ทั้งยังมีสวนสวยประดับด้วยต้นไม้หลากสีสันและรูปทรง ที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี พื้นที่นี้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมเป็นรอบๆ โดยมีไกด์ในแต่ละภาษาเป็นผู้นำชมเพื่อความลึกซึ้งแห่งสัมผัสของสถานที่ ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้


                 บาไฮ เวิลด์ เซ็นเตอร์ ไม่ได้อยู่ภายใต้การดูแลของรัฐบาลอิสราเอล แต่อยู่ภายใต้การดูแลของสหประชาชาติ ที่ส่งเจ้าหน้าที่และงบประมาณมาสนับสนุนการอนุรักษ์สวนสวยที่ยิ่งใหญ่ ถ้าจะเปรียบก็น่าจะเทียบกับสวนลอยแห่งบาบิโลนในยุคโบราณก็ว่าได้


                 ทริปท่องเที่ยวอิสราเอลของชาวคณะจากไทยแลนด์แดนสยามตามที่ได้รับเชิญ จากกระทรวงการต่างประเทศอิสราเอล ก็เอวังด้วยบรรยากาศแห่งความปีติที่ได้ชมเมืองมรดกโลกที่ล้ำค่า ดินแดนแห่งประวัติศาสตร์ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนา และดินแดนที่ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ยังคงถูกเขียนขึ้นทุกวัน ดินแดนที่เรียกว่า "อิสราเอล"

แหล่งที่มา :  คมชัดลึก

Source: ท่องแดนศักดิ์สิทธิ์ อิสราเอล(ตอนจบ)

วันพฤหัสบดีที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2557

จ่อฟ้องเอาผิดพ่อแม่ นศ.อุเทน

EyWwB5WU57MYnKOuFHRWWOvNV4T0HTPcodf1vQsXX0Dgc9ebCE6e5wคดีฆ่าเทคโนกรุงเทพ ให้เป็นกรณีตัวอย่าง ‘ประยุทธ์’ขู่ลั่นปิดร.ร.

นำ 6 นักศึกษาอุเทนถวาย ใจเหี้ยมแถลงข่าวคดีไล่ฆ่าอุกอาจ 3 ศพ สางแค้นให้เพื่อนสาว สารภาพระบายความอัดอั้น เป็นฝ่ายถูกกระทำมาตลอด ทว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม รับติดตั้งกล้องcctv โยนผิดตำรวจหากจับได้เร็วกว่านี้เหตุการณ์อาจไม่ได้เป็นอย่างนี้ ขณะที่พ่อเหยื่อสุดแค้นเสียลูกชายคนเดียว จ่อฟ้องเอาผิดผู้ปกครองเป็นกรณีตัวอย่างด้วย “บิ๊กตู่” คำรามลั่น ต่อไปนี้หากตีกันโรงเรียนไหน ปิดโรงเรียนนั้นทันที ส่วนเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษาเรียกผู้บริหาร 2 สถาบันดังถกเครียด วางมาตรการลดความร้อนระอุที่ยืดเยื้อมายาวนานศึกสถาบันช่างกลกลางกรุงที่ยืดเยื้อกันมานานนับสิบปี สังเวยเหยื่อผู้บริสุทธิ์ที่ถูกไล่ฆ่าอย่างโหดเหี้ยมหลายศพ แต่อุณหภูมิร้อนระอุของความบาดหมางกลับไม่มีทีท่าลดลง ล่าสุดมือปืนประกบยิงนายพลวัต จันทร์วิเศษ อายุ 21 ปี นักศึกษาชั้นปี 1 สถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน เสียชีวิตพร้อมนายชิษณุพงศ์ ศรีคชา อายุ 18 ปี เพื่อนร่วมสถาบัน ตายกลางถนนเทอดดำริ แขวงและเขตบางซื่อ กทม. เมื่อวันที่ 12 ก.ย. ก่อนที่ตำรวจสืบสวนนครบาลจะแกะรอยรวบทีมสังหารเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย เทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย คู่แค้นต่างสถาบันถึง 6 คน ยอมรับสารภาพตระเวนเด็ดหัวเหยื่อเพื่อสางแค้นแทนเพื่อนสาวที่ถูกยิงตาย

ที่ บช.น. เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 17 ก.ย. พล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบช.สยศ.ตร. รรท.ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รอง ผบก.น.2 พ.ต.อ.ฤชากร จรเจวุฒิ รอง ผบก.น.6 พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผกก.สส.3 บก.สส.บช.น. พ.ต.อ.อรรถพร สุริยเลิศ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. พ.ต.อ.ณรงฤทธิ์ พรหมสวัสดิ์ ผกก.สน.หัวหมาก นำผู้ต้องหาทั้ง 6 คน ไปแถลงข่าว ประกอบด้วย นายกบินทร์ หรือเอฟ หรือบินทร์ จิโรจน์มนตรี อายุ 20 ปี มือปืน นายปัญญา หรือโต้ง เขมวัชรเลิศ อายุ 20 ปี คนขี่รถ จยย. นายอรรถพล หรือต้น ยี่แม่นยิง อายุ 20 ปี คนชี้เป้า นายจิรายุทธ หรือไอซ์ สุวรรณโชติ อายุ 20 ปี คนชี้เป้า นายจิตรดิลก หรือเน็ต อุ้มชู อายุ 21 ปี หน้าที่ดูเหยื่อว่าเสียชีวิตหรือไม่ และนายณัฐกร หรือณัฐ กรรมแต่ง อายุ 23 ปี คนวางแผนและจัดหาอาวุธปืน ล้วนแล้วแต่เป็นนักศึกษาคณะวิศวกรรมก่อสร้างโยธา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย

สอบสวนทั้งหมดรับว่ามูลเหตุจูงใจเป็นกระทำการเพื่อล้างแค้นให้ น.ส.กันต์กนิษฐ์ พรหมแก้ว อายุ 20 ปี นักศึกษาชั้นปี 2 คณะวิศวกรรมศาสตร์และสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย ที่ถูกคนร้ายไม่ทราบจำนวนขี่รถ จยย. ใช้ปืนกราดยิงเสียชีวิตตรงป้ายรถโดยสารหน้าโอสถศาลา คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตรงข้ามห้างมาบุญครอง ถนนพญาไท เขตปทุมวัน กทม. เมื่อวันที่ 26 ส.ค.57 จึงตระเวนออกล่าอริต่างสถาบัน เริ่มต้นยิงนายพชร กัมพลาศิริ อายุ 20 ปี นักศึกษาปี 1 คณะวิศวกรรมศาสตร์ช่างกล มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพเสียชีวิตในซอยรามคำแหง 107 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. เพราะเข้าใจผิดคิดว่าเรียนอยู่สถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน ต่อมาร่วมกันยิงนายพลวัต จันทร์วิเศษ อายุ 21 ปี และนายชิษณุพงศ์ ศรีคชา อายุ 18 ปี นักศึกษาชั้นปี 1 สถาบันเทคโนโลยีปทุมวันเสียชีวิตทั้งคู่ บริเวณถนนเทอดดำริ ตรงข้ามสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินบางซื่อ ท้องที่ สน.เตาปูนนายกบินทร์ หรือเอฟ จิโรจน์มนตรี มือปืน ระบายความในใจว่า ไม่อยากให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น แต่พวกตนเป็นฝ่ายที่ถูกกระทำมาโดยตลอด ข่าวบางข่าวก็ไม่ได้ถูกตีแผ่ออกมาอย่างชัดเจน เพื่อนตนเสียชีวิตก็ไม่ได้รับความเป็นธรรมเท่าที่ควร น.ส. กันต์กนิษฐ์ไม่ใช่คนเลวร้าย มิหนำซ้ำเป็นผู้หญิงด้วย ปัจจุบันคนร้ายยังลอยนวลอยู่ในสังคม นอกจากนี้ยังมีหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเพื่อนและพี่น้องไม่มีคดีไหนที่ จับคนร้ายได้สักราย อยากจะขอฝากตรงจุดนี้ ตนเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งที่ทำเท่าที่จะทำได้ อยากให้ทุกคนรับรู้ความรู้สึกของพวกตนบ้าง ถ้าจับคนร้ายไวกว่านี้เหตุการณ์อาจจะไม่เป็นอย่างนี้ก็ได้

ต่อมาเวลา 14.30 น. พ.ต.อ.ณรงค์ฤทธิ์ พรหมสวัสดิ์ ผกก.สน.หัวหมาก คุมตัวนายกบินทร์ หรือเอฟ จิโรจน์มนตรี นายปัญญา หรือโต้ง เขมวัชรเลิศ และนายอรรถพล หรือต้น ยี่แม่นยิง ผู้ต้องหาที่ร่วมกันยิงนายพชร กัมพลาศิริ อายุ 21 ปี นักศึกษาปี 1 คณะวิศวกรรมศาสตร์ช่างกล มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพเสียชีวิต ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพทั้งหมด 10 จุด ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที ตั้งแต่ปากซอยรามคำแหง 103 ที่นัดหมายก่อนลงมือสังหารเหยื่อ ซอยรามคำแหง 107 หรือซอยวัดศรีบุญเรือง รวมถึงเส้นทางหลบหนีไปยังบ้านของนายกบินทร์ย่านรามอินทรา ท่ามกลางประชาชนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก รวมถึงญาติและเพื่อนร่วมสถาบันของผู้ตายจนตำรวจต้องดูแลรักษาความปลอดภัย อย่างเข้มงวดนายกำพล กัมพลาศิริ อายุ 50 ปี พ่อของเหยื่อนักศึกษาใจเหี้ยมเผยว่า รู้สึกเสียใจ และโกรธแค้นมาก ถ้าเป็นไปได้อยากทำร้ายผู้ต้องหาเสียตอนนี้เลยเพื่อชดใช้ให้ลูกชายเพียงคน เดียว ส่วนตัวแล้ว ไม่เชื่อว่าผู้ต้องหาอ้างว่าเป็นการยิงผิดตัว และขอให้การเสียชีวิตของลูกตนเป็นกรณีเริ่มต้นการแก้ปัญหานักเรียนตีกัน อย่างจริงจัง พร้อมทั้งวอนให้ผู้ปกครองดูแลลูกหลานของตัวเองให้ดี สอดส่องดูแล ไม่ใช่ปล่อยปละละเลย แค่เพียงส่งลูกหลานไปเรียน นอก จากนี้ ตนยังจะปรึกษาทนายความเพื่อเรียกร้องทางแพ่ง เอาผิดกับทางผู้ปกครองของผู้ต้องหาเป็นกรณีตัวอย่างให้ผู้ปกครองผู้ต้องหา รับรู้ว่า ถ้าดูแลบุตรหลานไม่ดี ก่อให้เกิดความสูญเสียกับครอบครัวคนอื่นจะเป็นอย่างไร

หลังจากนั้น พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รอง ผบก.น.2 พ.ต.อ.ภัทรภณ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผกก. สน.เตาปูน นำนายกบินทร์ จิโรจน์มนตรี และนายปัญญา เขมวัชรเลิศ ไปทำแผนต่อที่จุดประกบยิง 2 นักศึกษาสถาบันเทคโนโลยีปทุมวันบริเวณท้องที่ สน.เตาปูน ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ก่อนจะส่งตัว ผู้ต้องหาทั้งหมดให้ สน.หัวหมาก ไปควบคุมขณะที่ พล.ต.ต.ชาญเทพ เสสะเวช รอง ผบช.น.รรท.ผบก.น.6 พ.ต.อ.จารุต ศรุตยาพร ผกก.สน.ปทุมวัน สนธิกำลัง บก.สส.บช.น. กก.สส.บก.น.6 เจ้าหน้าที่กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด บก.สปพ. สันติบาล และเจ้าหน้าที่ทหารสังกัด พล.ม.2 รอ. เข้าตรวจค้นอาวุธภายในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย ถนนพญาไท แขวงและเขตปทุมวัน กทม. พบสิ่งผิดกฎหมายจำนวนมาก อาทิ มีด อุปกรณ์การเล่นการพนันไฮโล ไพ่ อุปกรณ์เสพยาเสพติดที่ถูกซุกซ่อนอยู่บนฝ้าเพดานห้องน้ำตามตัวอาคาร รวมถึงบ้านพักของภารโรง ควบคุมตัวนักศึกษา 4 ราย ไปยัง สน.ปทุมวัน เพื่อถ่ายรูปทำประวัติไว้ พร้อมทั้งเชิญผู้ปกครองและอาจารย์ฝ่ายปกครองเข้ารับทราบถึงพฤติกรรมก่อน ปล่อยตัวไป ขณะที่กำลังอีกชุดยังเข้าตรวจค้นสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน ถนนพระราม 1 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กทม.พบมีดปลายแหลม 3 เล่ม คัตเตอร์ 3 อัน ขวาน 1 ด้าม ประทัดยักษ์ 6 ลูก และกระสุนปืน .22 จำนวน 1 นัด โดยมี รศ.ปัญญา มินยง อธิการบดีให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี

ส่วนที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวระหว่างเป็นประธานประชุมชี้แจงนโยบายรัฐบาลแก่ผู้บริหารระดับสูงตอน หนึ่งว่า เรื่องปัญหาเด็กนักเรียนตีกัน ก็ไม่กลัวกฎอัยการศึกกันสักคนเลย ตนเป็นห่วงเหมือนกัน ประกาศไปเลยว่า ต่อไปนี้ตีกันโรงเรียนไหน ปิดโรงเรียนนั้น ปิดแผนกนั้น ปิดคณะนั้น ฝ่ายไหนตีก่อนสั่งปิดก่อนชั่วคราวจนกว่าจะสอบสวนข้อเท็จจริง ฉะนั้นต้องไปหาวิธีว่าจะทำอย่างไรให้พวกแกนนำพวกรุ่นพี่รุ่นน้องคืนสู่เหย้า พอสักที เลิกกัน ให้อภัยกัน ไม่อย่างนั้น ต้องถูกดำเนินคดีหมด โรงเรียนต้องถูกปิด “วันนี้ถึงประกาศมาตรการไปก็ไม่เกิดผลหรอก ถ้าไม่เอาจริงเอาจัง นอกจากนี้ เรื่องเด็กวัยรุ่นไม่มีงานทำ พวกเด็กแว้น เด็กติดยา ขอทาน ค้าขายสิ่งผิดกฎหมาย เรื่องนี้ต้องแก้ไข” พล.อ.ประยุทธ์กล่าวที่ห้องประชุมชั้น 4 สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา สายวันเดียวกัน นพ.กำจร ตติยกวี เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา เชิญนายปัญญา มินยง อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน และนายสืบพงษ์ ม่วงชู รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย เพื่อหาทางยุติปัญหาการทะเลาะวิวาทระหว่างนักศึกษา 2 สถาบันดังใช้เวลาหารือ 1 ชั่วโมงเศษ นพ.กำจร เผยผลการหารือว่า ได้ให้ทั้ง 2 สถาบันทำบันทึกเหตุการณ์ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่งให้สำนักงานคณะกรรมการ การอุดมศึกษาอีกครั้ง ฝ่ายอุเทนถวายรายงานว่า เป็นเพราะศิษย์เก่าที่เป็นรุ่นพี่เข้ามายุยงรุ่นน้องให้ก่อเหตุ ขณะที่สถาบันเทคโนโลยีปทุมวันมีมาตรการที่ชัดเจนว่า ห้ามรุ่นพี่เข้ามาในบริเวณสถาบันโดยเด็ดขาด ทั้งการรับนักศึกษาก็จะไม่รับนักเรียนที่จบจากโรงเรียนที่มีปัญหาทะเลาะ วิวาทเน้นรับนักเรียนจากต่างจังหวัดมากขึ้นก็พบว่าได้ผล เพราะไม่ใช่นักศึกษาที่มาจากสถาบันที่เป็นคู่อริกัน จึงมอบนโยบายให้อุเทนถวายกำหนดมาตรการห้ามบุคคลภายนอกเข้าสถาบันอย่างเด็ด ขาดเช่นกัน

ข่าว:thairath.co.th

Source: จ่อฟ้องเอาผิดพ่อแม่ นศ.อุเทน

อุตุฯ เตือนไทยตอนบนฝนตกหนัก

170914_073412_a1กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศเตือน พายุไต้ฝุ่น "คัลแมกี" (KALMAEGI) ฉบับที่ 8 เมื่อเวลา 05.00 น. ว่า พายุไต้ฝุ่น "คัลแมกี" ได้เคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนตอนบนและได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุ โซนร้อนแล้ว กล้องcctv และเมื่อเวลา 04.00 น.วันนี้ (17 ก.ย.57) มีศูนย์กลางอยู่ทางตะวันตกของกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม หรือที่ละติจูด 22.0 องศาเหนือ ลองจิจูด 105.5 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 100 กม./ชม. และกำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกด้วยความเร็วประมาณ 30 กม./ชม. คาดว่าพายุนี้จะเคลื่อนตัวไปปกคลุมประเทศลาวตอนบนและจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุ ดีเปรสชันในคืนนี้

ลักษณะเช่นนี้ทำให้ในช่วงวันที่ 17-18 ก.ย.57 บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักในหลายพื้นที่ บริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน ลำพูน ลำปาง แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก เพชรบูรณ์ เลย หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร นครพนม ขอนแก่น และชัยภูมิ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและลมแรงไว้ด้วยส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีเมฆมาก โอกาสมีฝนฟ้าคะนองในเกณฑ์เกือบทั่วไปร้อยละ 80 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

สำหรับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง ทำให้ภาคตะวันออกและภาคใต้มีฝนหนาแน่นและมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณ จ.นครนายก ปราจีนบุรี จันทบุรี ตราด ระนอง ชุมพร พังงา ภูเก็ต และกระบี่ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนตกสะสมต่อเนื่อง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนบนและทะเลอันดามันมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-4 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งจนถึงวัน ที่ 18 ก.ย. นี้
ข่าว:springnewstv.tv

Source: อุตุฯ เตือนไทยตอนบนฝนตกหนัก

วันพุธที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2557

ทพ.รวบแก๊งยาบ้า ยึด1.9ล้านเม็ด เดินขนข้ามแม่น้ำชายแดน

EyWwB5WU57MYnKOuFHQ4Z7bWQOzcIzuEjjOci3H1HDf2fDt6w0KjI5พล.ต.วรทัต สุพัฒนานนท์ ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกเลย พ.อ.ประสิทธิ์ ทิสาวง เสนาธิการกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี พ.อ.มงคล หอทอง ผู้บังคับการกรมทหารพรานที่ 21 นายยิ่งยศ ธนะจันทร์ รอง ผวจ.เลย พล.ต.ต.ศักดา วงศ์ศิริยานนท์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเลย ร่วมแถลง ตรวจยึดยาบ้า 11 กระสอบถุงปุ๋ย จำนวน 1,900,000 เม็ด ที่บริเวณริมน้ำเหือง บ.นาข่า ต.ปากหมัน อ.ด่านซ้าย จ.เลย พร้อมผู้ต้องสงสัย จำนวน 3 คนสืบเนื่องจากเมื่อวานนี้ (16 ก.ย.) เวลา 19.30 น. ร.ต.คำรณ คุ้มเขต ผบ.ร้อย ทพ.2107 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี อ.ด่านซ้าย จ.เลย สืบทราบว่าจะมีกลุ่มขบวนการพ่อค้ายาบ้าชาวม้งลักลอบขนยาบ้าลอตใหญ่กว่าล้าน เม็ด จากบ้านบ่อแตน สปป.ลาว ข้ามแม่น้ำเหืองมายังฝั่งไทย ที่บริเวณไร่มันและไร่ข้าว บ้านนาข่า ต.ปากหมัน อ.ด่านซ้าย ไปทาง อ.ท่าลี่ ประมาณ 1 กม. จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ พร้อมประสานไปยังเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ สภ.ด่านซ้าย ตชด.247 ฝ่ายปกครอง ชรบ.บ้านนาข่ากล้องcctv บูรณาการออกตรวจสอบเฝ้าริมแม่น้ำเหืองกระทั่งทหารพรานได้ออกตระเวนซุ่มดูบริเวณริมแม่น้ำเหือง พบกลุ่มชายจำนวน 3 คน อาศัยความมืดแบกถุงดำขนาดใหญ่ เดินข้ามแม่น้ำเหืองมายังฝั่งไทย และวางตามแนวริมน้ำเหืองไร่มันและไร่ข้าว เมื่อเจ้าหน้าที่พบเห็นจึงได้ขอตรวจค้น แต่พอชายทั้ง 3 คนเห็นเจ้าหน้าที่ กลับทิ้งถุงดำลงพื้น แล้วอาศัยความมืดวิ่งหนีข้ามแม่น้ำเหืองไปยังฝั่งลาว จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจสอบถุงดำจำนวนดังกล่าว เมื่อเปิดออกดูพบข้างในเป็นถุงปุ๋ย เปิดดูอีกชั้นพบยาบ้าเป็นมัดๆ เบื้องต้นคาดว่าประมาณร่วมเก้าแสนเม็ด จึงได้ทำการตรวจยึด พร้อมรายงานไปยัง พ.อ.มงคล หอทอง ผบ.กรมทหารพรานที่ 21 นายทวี เสริม ภักดีกุล นายอำเภอด่านซ้าย และ พ.ต.อ.จักรภพ ท้าวฤทธิ์ ผกก.สภ.ด่านซ้าย ทราบ จากนั้นได้นำของกลางไปยังค่ายกรมทหารพรานที่ 21 ค่ายศรีสองรัก อ.เมือง จ.เลย เพื่อทำการตรวจนับและขยายผล

แหล่งที่มา  :  ไทยรัฐ

Source: ทพ.รวบแก๊งยาบ้า ยึด1.9ล้านเม็ด เดินขนข้ามแม่น้ำชายแดน

วันเสาร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2557

iPhone 6 และ iPhone 6 plus อาจขายในไทยช่วงเดียวกับ iPhone 5c

iphone-6-plus-thaiหนึ่งในความคาดหวังของผู้ใช้สมาร์ตโฟนในไทยบางกลุ่มคือการเป็นหนึ่งในกลุ่มประเทศแรกที่ได้รับสิทธิ์การวางขาย iPhone 6 และ iPhone 6 Plus หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีข่าวเรื่องการรองรับมาตรฐาน iPhone รุ่นใหม่ สำหรับวางจำหน่ายในประเทศไทยโดย กสทช.ดังนั้นมีความเป็นไปได้ว่า iPhone 6 และ iPhone 6 Plus อาจเปิดขายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการในช่วงเดียวกับ iPhone 5c และ 5s ซึ่งตรงกับวันที่ 25 ตุลาคม ส่วนใครรอถึงช่วงเดือนตุลาคมไม่ไหว จะลองเสี่ยงไปซื้อเครื่องหิ้วมาใช้ก่อน เท่ก่อน ก็ไม่ห้ามครับ แต่ราคาคงจะสูงกว่าปกติมากแน่นอนทันที iPhone 6 และ iPhone 6 Plus เปิดตัว ทาง Apple ก็ได้มีการประกาศกลุ่มประเทศแรกที่เปิดให้มีการพรีออเดอร์ในวันที่ 12 กันยายน และวางขายอย่างเป็นทางการในวันที่ 19 กันยายน ซึ่งใน 9 ประเทศนั้น ไม่มีชื่อของประเทศไทยแต่อย่างใด ขณะที่ล่าสุดได้ลองตรวจสอบกลุ่มประเทศที่ 2 ที่ทาง Apple จะอนุญาตให้เริ่มจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 26 กันยายน ปรากฎว่ายังไม่พบรายชื่อประเทศไทยอีกเช่นกัน

ข่าว:arip.co.th

 

Source: iPhone 6 และ iPhone 6 plus อาจขายในไทยช่วงเดียวกับ iPhone 5c

วันศุกร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2557

รวบ5ผู้ต้องหาเอี่ยวฆ่า

kda9559dajdbk98bk7ccbเมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 11 กันยายน พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ฝ่ายความมั่นคง เปิดเผยว่าได้ภาพจากบริษัทกล้องวงจรปิด ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ทหารได้สนธิกำลัง และสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว 5 คน เบื้องต้นทราบชื่อ 1.นายกิตติศักดิ์ หรืออ้วน สุ่มศรี อายุ 45 ปี 2.นายปรีชา หรือ ไก่เตี้ย อยู่เย็น อายุ 24 ปี 3.นายรณฤทธิ์ หรือ นะ สุริซา อายุ 33 ปี  4.นายชำนาญ หรือเล็ก ภาคีฉาย อายุ 45 ปี และ 5.นางปุณิกา หรือ อร ชูศรี และยังมีผู้ต้องหาอีก 2 คนที่ยังอยู่ระหว่างการหลบหนี ทราบชื่อ 1.นายวัฒนะโชค หรือ โบ้ จีนปุ้ย อายุ 23 ปี และ 2.นายธนเดช หรือ ไก่รถตู้ เอกอภิวัชร์ อายุ 39 ปี โดยทั้งหมดรับสารภาพว่า มีส่วนเกี่ยวข้องและเป็นกลุ่มบุคคลที่ใช้อาวุธสงคราม M79 และขว้างระเบิดใส่กลุ่มผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ทหาร จนทำให้มีผู้เสียชีวิตโดยหนึ่งในนั้นคือ พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม หรือ เสธ.เปา

อดีตรองเสนาธิการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ร.21 รอ.) ที่บริเวณแยกคลองวัว เหตุเกิดคืนวันเสาร์ที่ 10 เมษายน 2553 ที่ผ่านมา ส่วนผู้ต้องหาจะมีการซัดทอดถึงใครอยู่เบื้องหลังหรือไม่นั้น พล.ต.อ.สมยศ ระบุว่า ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดในส่วนนี้ได้ว่าเชื่อมโยงถึงใคร ซึ่งถ้าหากมีการเปิดเผยไปจะทำให้ยากต่อการสอบสวนขยายผลต่อไปอย่างไรก็ตามสำหรับคดีนี้ ล่าสุดอยู่ในความรับผิดชอบของ ดีเอสไอ ซึ่งทางตำรวจจะต้องมีการประสานงานเพื่อขอเข้าไปมีส่วนร่วมในการสอบสวนต่อไป

เมีย ‘ร่มเกล้า’ โพสต์ขอบคุณ ‘คสช.-ผบ.ตร.’ จับชายชุดดำ

                  ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 14.50 น. นางนิชา หิรัญบูรณะ ธุวธรรม ภรรยา พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ชื่อว่า "Nicha Hiranburana Thuvatham" ถึงกรณีที่ตำรวจแถลงข่าวการจับกุมชายชุดดำ ว่า

                  "1) จากการแถลงข่าวการจับกุมคนร้ายชายชุดดำปี 2553 ดิฉันขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายทั้งทหาร ตำรวจ ที่ติดตามคดีให้ หลังจากหมดหวังไปแล้ว ขอขอบคุณ คสช. และท่าน ผบ.ตร. พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ที่กรุณาติดตามคดี เพื่อเรียกความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมกลับคืนมา ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของกระบวนการปรองดองสมานฉันท์ ซึ่งข้ามผ่านไม่ได้ และเป็นมาตรฐานสากล ในเรื่องการค้นหาข้อเท็จจริงและกระบวนการยุติธรรม"

                  "2) เหตุการณ์ความรุนแรงในปี 53 เป็นเหตุการณ์ใหญ่ มีผู้ได้รับผลกระทบจำนวนมาก คดีมีความซับซ้อน ทั้งตัวคดีเอง ซึ่งมีผู้เกี่ยวข้องจำนวนมาก และยังถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง ทำให้การดำเนินคดีในช่วงที่ผ่านมา ไม่มีความโปร่งใส ไม่เป็นที่ยอมรับ ขาดความเชื่อมั่น ถึงจุดที่ดิฉันหมดความไว้ใจในกรมสอบสวนคดีพิเศษ คนตายทั้งคน บอกว่าไม่มีหลักฐานใดๆ และไม่มีความพยายามติดตามคดีให้เลยตลอดเวลาเกือบ 4 ปี"

                  "3) อย่างไรก็ดี เป็นนิมิตรหมายดี ที่บัดนี้ หน่วยงานความมั่นคงทั้งทหาร ตำรวจและเจ้าหน้าที่ดีเอสไอที่มีจิตสำนึกได้ร่วมกันสืบค้นคดีนี้ แต่ก็คงต้องใช้ความรอบคอบอย่างมาก เพราะในช่วงที่ผ่านมา ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างกับหลักฐานข้อเท็จจริงของคดีทั้งหมด จึงอยากขอฝากให้นำข้อเท็จจริงจากผลการสอบสวนข้อเท็จจริงของ คอป. คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน และ คณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงคดีพล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม ของวุฒิสภาฯลฯ มาประกอบสำนวนคดีให้ครบถ้วนเพื่อนำไปสู่การขยายผลให้ได้ข้อเท็จจริงอย่าง สมบูรณ์ต่อไป"

                  "4) วันนี้ อย่างน้อย ก็ได้ข้อสรุปให้สังคมประจักษ์ว่ามีชายชุดดำที่ทำร้ายทหารและประชาชนผู้ บริสุทธิ์จริง หวังว่าจะโยงถึงผู้สั่งการ ผู้เกี่ยวข้องกับคดีทั้ง 89 ศพในปี 53 และอยากฝากให้เร่งติดตามคดีผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ชุมนุมปี 56-57 ด้วย เพราะเหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน ยังมีความหวังที่จะได้ตัวผู้กระทำผิด อย่าปล่อยให้คดีล่วงเลยเหมือนปี 53"

                  "5) คนถามมากถึงความรู้สึกว่าดีใจไหม ดิฉันไม่มีอะไรจะดีใจและเสียใจแล้ว เพราะสามีดิฉันไม่มีวันฟื้นคืนชีวิต มีแต่หน้าที่ในโลกที่ต้องทำต่อไปจนกว่าจะหมดเวลา เจตนาที่ติดตามคดีนี้ก็เพื่อความเป็นธรรมของสังคม เพื่อชีวิตที่บริสุทธิ์ของประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐที่จะไม่ต้องตายเหมือน สามีดิฉัน ไม่ต้องมีครอบครัวใครนั่งร้องไห้ตายทั้งเป็นเหมือนดิฉัน ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย ความยุติธรรมนานเพียงใดก็รอได้"

                  "6) ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้กำลังใจและรอคอยติดตามคดีของพี่ร่มเกล้ากับดิฉันมา ตลอด ขอให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ซึ่งมีใจบริสุทธิ์ต่อบ้านเมืองในการทำงานค้นหาความ จริงเพื่อประโยชน์ของชาติบ้านเมืองต่อไปค่ะ นิชา หิรัญบูรณะ ธุวธรรม 11 กันยายน 2557"

ข่าวจาก:komchadluek.net

Source: รวบ5ผู้ต้องหาเอี่ยวฆ่า

วันจันทร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2557

ชาวฮ่องกงลั่นจะยึดย่านธุรกิจชุมนุมใหญ่ ร้องสิทธิทางการเมือง

e2004ชาวฮ่องกงประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยและเสรีภาพในการเลือกตั้ง กล้องcctv เตรียมยึดย่านธุรกิจชุมนุมใหญ่อีกครั้งเร็ว ๆ นี้

    เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2557 สำนักข่าวบีบีซี รายงาน ว่า กลุ่มเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกงลั่นจะชุมนุมครั้งใหญ่ใจกลางย่านธุรกิจ เพื่อคัดค้านการเลือกตั้งที่รัฐบาลจีนเป็นผู้คัดกรองผู้สมัครให้ โดยไม่ได้มาจากความเห็นชอบของชาวฮ่องกงเลย

รายงานระบุว่า ฮ่องกงจะมีการจัดการเลือกตั้งผู้นำสูงสุดขึ้นในปี 2560 แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า รัฐบาลจีนจะยังคงยืนยันที่จะเป็นผู้เลือกสรรผู้สมัครรับเลือกตั้งให้ จึงนำมาซึ่งการเรียกร้องสิทธิและเสรีภาพของชาวฮ่องกงในการเลือกผู้สมัครรับ เลือกตั้งด้วยตัวเอง ซึ่งที่ผ่านมาชาวฮ่องกงก็เคยออกมายึดย่านธุรกิจประท้วงไปครั้งหนึ่งแล้ว เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา แต่จนป่านนี้พวกเขาก็ยังไม่ได้รับเสรีภาพอย่างที่อยากให้เป็น เพราะจีนเองก็ไม่ยอมให้ชาวฮ่องกงแตกแถว และแสดงท่าทีตอกย้ำว่าไม่ว่าจะอย่างไร จีนก็มีอำนาจเหนือดินแดนเขตบริหารพิเศษฮ่องกงอยู่ดี

     จากเหตุการณ์ดังกล่าวจึงทำให้กลุ่มเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกงออกมารวมตัว กันบริเวณลานหน้าที่ว่าการเขตบริหารพิเศษฮ่องกง เมื่อวันที่ 31 สิงหาคมที่ผ่านมา เพื่อแสดงความไม่พอใจที่ชาวฮ่องกงยังไม่ได้รับเสรีภาพในการเลือกผู้สมัครรับ เลือกตั้ง พร้อมบอกว่าพวกเขารอที่จะได้รับสิทธิเสรีภาพที่พึงมีมานานหลายปีแล้ว และจะไม่ขอเจรจากับทางการจีนอีกต่อไปแล้ว พวกเขาจะออกมาชุมนุมครั้งใหญ่อีกครั้งในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้

Source: ชาวฮ่องกงลั่นจะยึดย่านธุรกิจชุมนุมใหญ่ ร้องสิทธิทางการเมือง

วันอังคารที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2557

คสช. ไฟเขียว 1.6 แสนล. รื้อระบบไฟฟ้า ทดแทน 'แม่เมาะ'

EyWwB5WU57MYnKOuFBncl0lLRfiFV5hNcjoI5x7kf7dz1OlepBdhBLคสช. เห็นชอบปรับปรุงระบบไฟฟ้าทั้งระบบ วงเงิน 1.6 แสนล้านบาท ด้าน หน.คสช.ห่วงราคาสินค้าเกษตร ชมนักกีฬาวอลเลย์หญิง สร้างความสุข พร้อมปรับแก้อัตราภาษีในส่วนของอีโคคาร์

วันที่ 19 ส.ค. พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก ในฐานะทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล้องcctv แถลงผลการประชุม คสช.เพื่อการบริหารราชการแผ่นดิน ครั้งที่ 11/2557 ว่า ในระหว่างการประชุม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ได้แสดงความเป็นห่วงในเรื่องของราคาสินค้าเกษตร

โดยได้ขอความร่วมมือจากพ่อค้าคนกลาง ให้เห็นใจเกษตรกร และให้ผู้ว่าราชการจังหวัดแต่ละจังหวัดหาแนวทางในการขายสินค้าของเกษตรกรโดย ตรง ไม่ต้องรอมาตรการของภาครัฐแต่เพียงอย่างเดียว ในส่วนการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ให้ทุกภาคส่วนหาแนวทางเพื่อให้การแก้ดำเนินการได้ผลอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น เพื่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในพื้นที่ รวมทั้งยังแสดงความเป็นห่วงเกษตรกรผู้ปลูกยางพารา ซึ่งราคาตกต่ำลง โดยกำชับให้ช่วยเหลือเรื่องการเสริมสินเชื่อแปรรูปและผลิต เพื่อบรรเทาปัญหาของเกษตรกร

นอกจากนี้ นพ.ยงยุทธ ยังได้กล่าวถึงการพิจารณาเกี่ยวกับยุทธศาสตร์ด้านพลังงานด้วยว่า ที่ประชุมได้อนุมัติงบประมาณเพื่อจัดสร้างโรงไฟฟ้าทดแทนโรงไฟฟ้าแม่เมาะ เครื่องที่ 4-7 ซึ่งจะปลดการทำงานในวันที่ 31 ธ.ค.60 โดยเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อน วงเงิน 36,811 ล้านบาท เบิกจ่ายงบลงทุน ประจำปีงบประมาณ 2557 วงเงิน 4,059 ล้านบาท ใช้เงินตราต่างประเทศ 26,247 ล้านบาท และเงินบาทไทย 10,564 ล้านบาท แผนการดำเนินการก่อสร้าง 48 เดือน ซึ่งทางหัวหน้า คสช.ให้ไปศึกษาผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมให้รอบด้านก่อนที่จะเริ่มแผนงาน นอกจากนี้ ยังเห็นชอบให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ขยายระบบส่งไฟฟ้าระยะที่ 12 วงเงิน 60,000 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายซื้ออุปกรณ์จากต่างประเทศ 14,500 ล้านบาท และเป็นค่าใช้จ่ายซื้ออุปกรณ์ในประเทศและก่อสร้าง 45,000 ล้านบาท ดำเนินการภายในระยะเวลา 7 ปี 3 เดือน (ม.ค.56 - มี.ค.63) ซึ่งจะเป็นการสร้างสายส่งและสถานีไฟฟ้าเพิ่ม รวมไปถึงอนุมัติงบประมาณ 63,200 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงระบบไฟฟ้าภาคตะวันตกและภาคใต้ และเห็นชอบให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคกู้เงินสำหรับงานใน 17 โครงการ งบประมาณปี 2557 วงเงิน 8,839 ล้านบาทด้วย

"หัวหน้า คสช.ได้มอบนโยบายเรื่องการไฟฟ้าว่า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและเพื่อความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ และแก้ไขปัญหาไฟฟ้าตก โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ที่เกิดปัญหาขึ้นบ่อยครั้งและสร้างความเดือดร้อนให้ แก่พี่น้องประชาชน" นพ.ยงยุทธ กล่าว

นพ.ยงยุทธ กล่าวอีกว่า คสช.ยังอนุมัติแผนแก้ปัญหาขยะมูลฝอยทั่วประเทศ โดยจะเริ่มนำร่องที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยใช้เทคโนโลยีแปลงขยะมูลฝอยเป็นเชื้อเพลิงก่อนจะขยายไปยังพื้นที่อื่น พร้อมทั้งเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม แก้ไขกฎหมายป้องกัน และปราบปรามการค้างาช้าง ตามอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่า หรือพืชป่าที่ใกล้จะสูญพันธุ์ หรือไซเตส ให้แล้วเสร็จในวันที่ 30 ก.ย.นี้ ก่อนจะรายงานความคืบหน้าให้ที่ประชุมไซเตสรับทราบในปีหน้า

พ.อ.วินธัย กล่าวต่อว่า หัวหน้า คสช.ยังได้กำชับให้มีการประชาสัมพันธ์เพื่อให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมใน กระบวนการสรรหาสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) โดยไม่ต้องแบ่งแยก ผู้ที่จะเข้ามาเป็นสมาชิก สปช.ต้องมีคุณสมบัติที่ตรงกับแต่ละด้านที่กำหนดไว้ เพื่อให้มีผลกับการปฏิรูปประเทศ และสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง นอกจากนี้ ขอให้ส่วนงานฝ่ายสังคม ได้มีการเตรียมความพร้อมในแง่ของกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับฝ่ายสังคม เช่น เรื่องของกฎหมาย และโครงสร้าง เพื่อเสนอต่อสภาปฏิรูปทันทีที่มีการดำเนินการคัดเลือก สปช.เสร็จสิ้นในเดือน ก.ย.นี้ โดย พล.อ.ประยุทธ์ ได้กำชับถึงความโปร่งใสในการสรรหา สปช. หากพบว่าจังหวัดใดล็อกตัวบุคคล ขอให้แจ้ง คสช.

นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมศึกษารายละเอียดโครงการพัฒนาโครงข่ายขนส่ง คมนาคมทางรถไฟ ที่เชื่อว่าจะสามารถส่งเสริมการลงทุนและเศรษฐกิจของประเทศได้ ขณะเดียวกัน มอบหมายให้กระทรวงวัฒนธรรม จัดทำภาพยนตร์เพื่อประชาสัมพันธ์ด้านการท่องเที่ยว และส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศ ทั้งยังได้แสดงความชื่นชม และให้กำลังใจนักกีฬาวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย ที่ทำให้คนไทยมีความสุข

นพ.ยงยุทธ มัยลาภ ทีมโฆษก คสช.แถลงผลการประชุม คสช.ในส่วนของมาตรการส่งเสริมการผลิตรถอีโคคาร์ในไทยว่า ที่ประชุมเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงการคลัง ถึงการลดอัตราภาษีสรรพสามิต ฉบับที่ 81 และ 109 เพื่อส่งเสริมการผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล หรืออีโคคาร์ ในระยะที่ 2 ซึ่งในประกาศฉบับที่ 81 จะแก้ไขมาตรฐานมลพิษจากยูโร 4 เป็นยูโร 5 อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เดิมอยู่ที่ 120 กรัม ต่อกิโลเมตร เป็น 100 กรัมต่อกิโลเมตร อัตราใช้พลังงานเชื้อเพลิง 5 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร เป็น 4.3 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร และกำหนดขนาดเครื่องเบนซิน เป็น 1300 ซีซี ดีเซล เป็น 1500 ซีซี และ E85 และ B10 ขณะที่ยังคงอัตราภาษีเดิม คือ ร้อยละ 17 สำหรับประกาศฉบับที่ 109 มีเนื้อหาปรับแก้อัตราภาษีในส่วนของอีโคคาร์ เครื่องยนต์ดีเซล จาก 1400 ซีซี เป็น 1500 ซีซี ที่ร้อยละ 14 และ E85 และ B10 อยู่ที่ร้อยละ 12

ข่าว:thairath.co.th

Source: คสช. ไฟเขียว 1.6 แสนล. รื้อระบบไฟฟ้า ทดแทน 'แม่เมาะ'

วันจันทร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ญี่ปุ่นด่าแรงคนไทยเมาขับชน

557000009742501คนญี่ปุ่นวิจารณ์แรงพฤติกรรมคนไทย หลังเหตุคนไทยเมาแล้วขับชนนักเรียนญี่ปุ่นเสียชีวิต หวั่นส่งผลเลิกเว้นวีซ่านักท่องเที่ยวไทยเข้าแดนปลาดิบ

จากเหตุการณ์ 3 คนไทยเมาแล้วขับและไม่มีใบขับขี่สากล จนชนนักเรียนหญิง ม.ปลาย ชาวญี่ปุ่นเสียชีวิต ที่จังหวัดชิบะ ประเทศญี่ปุ่น ได้ก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงพฤติกรรมของคนไทย ผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ในญี่ปุ่นอย่างกว้างขวาง และมีผู้แสดงความเห็นเป็นจำนวนมาก เสนอแนะในทำนองว่า “รัฐบาลญี่ปุ่นควรยกเลิกการให้นักท่องเที่ยวไทยเดินทางเข้าญี่ปุ่นโดยไม่ ต้องขอวีซ่าได้แล้ว”

ขณะที่มีการเผยแพร่ในโลกออนไลน์ของไทยบางแห่งอ้างว่า การแสดงความคิดเห็นในข่าวของคนญี่ปุ่นถึงกรณีนี้เป็นไปอย่างรุนแรง โดยระบุว่า บ้านเมืองเขาถือมากแค่ไหนเรื่องแบบนี้ มาทำให้ครอบครัวคนอื่นต้องสูญเสีย เดือดร้อน ขณะที่ความเห็นหนึ่ง แปลเป็นไทยว่า “มึงกลับไปขับแบบนี้ที่บ้านมึงไป” ซึ่งกรณีนี้อาจส่งผลต่อมาตรการที่รัฐบาลญี่ปุ่นยกเลิกการตรวจลงตราหนังสือ เดินทาง (วีซ่า) ให้แก่นักท่องเที่ยวไทยในการเดินทางเข้าญี่ปุ่นที่ออกมาก่อนหน้านี้

“ASTVผู้จัดการออนไลน์” ตรวจสอบย้อนหลังพบว่ารัฐบาลญี่ปุ่นยกเว้นวีซ่าให้คนไทย เมื่อกลางปี 2556 ตรงกับช่วงรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2556 โดยเป็นการยกเว้นวีซ่าเข้าประเทศญี่ปุ่นให้กับคนไทยที่มีวัตถุประสงค์เพื่อ การพำนักระยะสั้นในประเทศญี่ปุ่น สามารถพำนักในประเทศญี่ปุ่นได้ 15 วัน (หากผู้ยื่นประสงค์จะพำนักในประเทศญี่ปุ่นเกิน 15 วัน หรือไปทำงาน หรือมีวัตถุประสงค์อื่นๆ จะต้องยื่นขอวีซ่าตามปกติ)

การยกเว้นวีซ่าเข้าประเทศญี่ปุ่นให้กับคนไทยนี้ เพื่อเป็นการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศญี่ปุ่นกับประเทศไทย ผู้ที่จะเข้าประเทศได้จะต้องผ่านการพิจารณาจากเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ก่อนจึงจะสามารถเข้าประเทศได้ (เช่นเดียวกับผู้ที่ยื่นขอวีซ่ากับทางสถานเอกอัครราชทูต) ทางเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจะสอบถามถึงวัตถุประสงค์ในการเข้าประเทศ หรือขอตรวจเอกสารที่จำเป็น เช่น ตั๋วเครื่องบินขากลับ หรืออื่นๆ กรณีผู้ที่เคยมีประวัติการถูกส่งตัวกลับจากประเทศญี่ปุ่น ผู้ที่อยู่ในระยะเวลาของการถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าประเทศญี่ปุ่น ผู้ที่เคยละเมิดกฎหมายของประเทศญี่ปุ่น หรือประเทศอื่น และถูกศาลตัดสินลงโทษให้จำคุกมากกว่า 1 ปี จะไม่สามารถเข้าประเทศญี่ปุ่นได้ แต่ในกรณีที่มีเหตุสำคัญเกี่ยวกับทางด้านมนุษยธรรมที่จำเป็นต้องเข้าประเทศ ญี่ปุ่นนั้น สามารถติดต่อขอรับคำปรึกษาได้

อย่างไรก็ตาม ภายหลังการประกาศใช้มาตรการนี้ 3 เดือน ก็เริ่มมีปัญหาว่า การยกเว้นวีซ่านี้เป็นช่องทางที่เปิดโอกาสให้ผู้ที่ตั้งใจจะไปขุดทอง หรือลักลอบแอบแฝงเข้ามาทำงานและค้าประเวณี โดย นายธนาธิป อุปัติศฤงศ์ เอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศญี่ปุ่น ยอมรับว่า มีคนใช้ช่องทางการยกเว้นวีซ่าในทางที่ผิดเข้าประเทศญี่ปุ่น เพื่อทำงานแทนการท่องเที่ยว อีกทั้งยังมีกระบวนการหลอกลวงจากประเทศไทยเองว่าจะพาเข้ามาทำงาน ซึ่งจะส่งผลต่อความน่าเชื่อถือและอาจทำให้ญี่ปุ่นทบทวนมาตรการยกเว้นวีซ่าก็ เป็นได้ (อ่านรายละเอียดข่าว ฟรีวีซ่าญี่ปุ่นสะเทือน!!! หลังโรบินฮู้ดไทยแห่ขุดทอง)

นอกจากนี้ เมื่อต้นปี 2557 ก็มีข่าวลือว่ารัฐบาลญี่ปุ่นจะยกเลิกมาตรการยกเว้นวีซ่าเข้าประเทศญี่ปุ่น ให้กับคนไทย ทำให้ทางรัฐบาลญี่ปุ่นต้องออกมาแถลงยืนยันว่าไม่เคยมีการประกาศยกเลิก มาตรการเหล่านี้แต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นข่าวลือเมื่อต้นปี แต่ตอนนี้กำลังจะมีปัญหาใหม่ เมื่อคนญี่ปุ่นกำลังโยงเรื่องกรณีคนไทยขับรถชนคนญี่ปุ่นตายมาเรียกร้องให้ยก เลิกการยกเว้นขอวีซ่าท่องเที่ยวสำหรับคนไทยอย่างถาวร

ข่าว:manager.co.th

ต่อบริษัทกล้องวงจรปิด http://okami-cctv.org

Source: ญี่ปุ่นด่าแรงคนไทยเมาขับชน